จากวันนี้ถึงวันนี้โทรศัพท์เครื่องเดียวจาก Apple ที่เปลี่ยนโลกจากอดีตมาเป็นยุคปัจจุบันและหลายคนอยากมีไว้ครอบครองกับ iPhone ที่มีอายุครบ 7 ขวบกับทายาท 7 รุ่นแล้วในวันนี้มาย้อนดูกันว่ามีเรื่องราวอย่างไรกันบ้าง
ย้อนอดีตไปสักนิด Apple ได้วางจำหน่าย iPhone รุ่นแรกเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2007 ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 3.5 นิ้วไม่มีปากกา กล้องดิจิตอลความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ความจุ 8GB ไม่มีแฟลชหรือระบบ Auto Fucous รวมถึงไม่สามารถ่าย VDO ได้อีกด้วย หลายคนทึ่งกับการใช้งาน Pinch zoom หรือการจีบนิ้วเพื่อย่อขยายรูปภาพรวมถึงบนหน้าเว็บบราว์เซอร์และสามารถหมุนได้อย่างน่าอัศจรรย์ iPhone รุ่นแรกนี้ใช้เวลากว่า 74 วันถึงจะทำยอดจำหน่ายถึง 1 ล้านเครื่องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสกวก Apple เครื่องที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นเครื่องหิ้ว 100% และต้องทำการ Jailbreak เพื่อติดตั้งแป้นพิมพ์ภาษาไทย และเพื่อให้ใช้ซิมในบ้านเราได้ ราคาจำหน่ายในช่วงเวลานั้นราว 25,000 บาท
ปีถัดมาปี 2008 ทาง Apple ได้เปิดตัว iPhone 3G ที่เปลี่ยนดีไซน์ให้ตัวเครื่องบางลงฝาหลังใช้พลาสติก รองรับเครือข่าย 3G และ GPS มีสีขาวดำให้เลือกซึ่งในรุ่นนี้ Apple ได้วางจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ส่วนประเทศไทย Truemove นำเข้ามาจำหน่ายเป็นรายแรก โดย iPhone 3G รุ่น 16GB เครื่องเปล่าราคาสูงถึง 28,500 บาท ขณะที่รุ่นความจุ 8GB ราคา 24,500 บาท
ในปี 2009 ก็ถึงเวลาปรากฏกายของ iPhone 3Gs ที่มาในดีไซน์เดิมแต่สเปกแรงกว่าเดิม 2 เท่า กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิกเซล รองรับ 3G ที่ความเร็ว 7.2Mbps มาพร้อม iOS 4.0 ใช้งาน Multitasking ได้มีความจุ 32GB เพิ่มเข้ามาซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยยังคงมี Truemove เจ้าเดียวที่เป็นตัวแทนจำหน่ายเช่นเคยในราคาที่ถูกลงกว่า iPhone 3G ซึ่งในรุ่น 8GB ราคา 18,900 บาท, 16GB ราคา 22,900 บาทและ 32GB ราคา 26,400 บาท
ปี 2010 ปี Apple ได้สร้างความฮือฮากับสาวกทั่วโลกอีกครั้งกับการเปลี่ยนดีไซน์ iPhone ใหม่หมดเป็นรุ่น iPhone 4 กับหน้าจอที่คมชัดที่สุดหรือที่เรียกว่า Retina Display มาพร้อมชิป A4 และกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล โดยทาง Steve Jobs ได้ประกาศบนเวทีว่านี่คือสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลกในเวลานี้ และไม่กี่เดือนก็ปล่อยแท็บเล็ตรุ่นแรก iPad ตามมา โดยในรุ่นนี้ 3 ค่ายมือถือในบ้านเราได้สิทธิเป็นตัวแทนจำหน่าย ต่างจัดงานเปิดตัวกันอย่างสุดอลังการ และสีขาวเป็นสีที่มาขายในช่วงหลังก็ยันยอดจำหน่ายเข้าไปอีก ราคาเปิดตัวรุ่นนี้ความจุ 16GB อยู่ที่ 26,000 บาท
**รุ่นนี้หลายคนมักเรียกผิดว่า iPhone 4G (ติดเรียกมาจากรุ่น iPhone 3G) ซึ่งทำให้สื่อความหมายผิดเพราะ รุ่นนี้ยังไม่รองรับ 4G แต่ที่ Apple ตั้งชื่อเป็น iPhone 4 เพราะรุ่นนี้เป็น iPhone รุ่นที่ 4 นั่นเอง
ปี 2011 ที่สาวก Apple ต้องเศร้าเมื่อ Steve Jobs ได้เสียชีวิตจากโรคร้ายก่อนวัยอันควร ทำให้ Tim Cook ได้ก้าวขึ้นมาเป็น CEO แทนและได้เปิดตัว iPhone 4s ที่สเปคแรงกว่า iPhone 4 ถึง 2 เท่ามาพร้อมชิป A5 กล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซลถ่าย VDO ได้แบบ Full HD และ Siri ถูกเปิดตัวออกมาเป็นครั้งแรก และมีรุ่นความจุสูงถึง 64GB ในรุ่นนี้อีกด้วย เหล่าสาวกต่างแห่จองกันเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นรุ่นที่ระลึกถึง Steve Jobs นั่นเอง ราคาเปิดตัวรุ่น 16GB อยู่ที่ 22,450 บาท
ต่อมาในปี 2012 Apple ก็สร้างความฮือฮาอีกครั้งกับการขยายหน้าจอ iPhone เป็นครั้งแรกตั้งแต่วางจำหน่ายมาในรุ่น iPhone 5 จากหน้าจอขนาด 3.5 นิ้วมาเป็น 4 นิ้วสัดส่วน 16:9 แรงด้วยชิป A6 รองรับ 4G LTE แถมทำให้ตัวเครื่องบางลงกว่าเดิมอีก และเปลี่ยนสายชาร์จแบบ 30 Pin มาเป็น Lightning แทน ตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียม 2 สีทูโทนสีเงินและสีดำดูหรูหราอย่างมาก ราคาเปิดตัวรุ่น 16GB อยู่ที่ 22,900 บาท
**ในรุ่นนี้หลายคนเข้าใจว่า iPhone 5 คือ iPhone รุ่นที่ 5 จาก Apple ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นรุ่นที่ 6 แต่ Apple ใช้เลข 5 ต่อจากรุ่น iPhone 4s เท่านั้น
มาถึง iPhone รุ่นที่ 7 เปิดตัวปี 2013 หลายคนคาดว่า Apple ต้องเปิดตัวที่ชื่อ iPhone 5s อย่างแน่นอนแต่สิ่งที่น่าฮือฮากว่านั้นคือ Apple เปิดตัว iphone รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่นได้แก่ iPhone 5s และ iPhone 5c โดย iPhone 5s จะมีลักษณะเหมือนกับ iPhone 5 แต่สิ่งที่ทำให้สาวกทั่วโลกหมายมองเป็นพิเศษคือ เป็นครั้งแรกกับ iPhone สีทองที่หรูสุดๆ แถมยังมาพร้อมปุ่มสแกนรายนิ้วมือ Touch ID รุ่นแรก ใช้ชิป A7 แบบ 64Bit แถมยังยกเครื่องเลนส์กล้องถ่ายรูปใหม่หมดอีกด้วย
ขณะที่ iPhone 5c เหมือนเป็นการนำเอา iPhone 5 มาขายใหม่ในบออดี้พลาสติกมีให้เลือกหลายสีแถมราคาก็ไม่ได้ถูกกว่า iPhone 5s มากทำให้ดูเหมือนกระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไรนัก โดย iPhone 5s ความจุ 16GB ราคาเปิดตัวที่ 23,900 บาท ขณะที่ iPhone 5c ราคาเปิดตัวรุ่น 16GB อยู่ที่ 19,900 บาท
และสุดท้ายในปี 2014 นี้คาดว่า Apple จะเปิดตัว iPhone 6 ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 4.7 นิ้วและ 5.5 นิ้วในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ มาติดตามกันต่อไปว่า Apple จะมีอะไรให้เราเซอร์ไพร์กันอีกสามารถติดตามได้จาก @flashfly ทีมงานจะรีบมารายงานทุกการเคลื่อนไหวในแวดวงให้ทราบก่อนใครแน่นอน
บทความโดย – www.flashfly.net
http://www.flashfly.net/wp/?p=94640