ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตกับกรณีบิลช็อคเกม Cokkie Run ยอดนิยมในบ้านเราเวลานี้ที่มีผู้เสียหายหลายรายนับ 8 แสนบาท ล่าสุดทางสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกแถลงการณ์ 5 ข้อ ถึงประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากกรณีที่มีเด็กและเยาวชนเล่นเกมต่างๆ ผ่านสังคมออนไลน์ และมีการเรียกเก็บเงินกับบิดามารดาของเด็กหรือเยาวชนผู้ที่หลงไปเล่นเกมดังกล่าว ทำให้บิดามารดาต้องถูกแจ้งให้จ่ายเงินหลายแสนบาทหลายรายด้วยกัน และแม้ว่าบริษัทผู้ให้บริการทางอินเทอร์เน็ตจะยกเลิกการเรียกเก็บเงินส่วนที่เป็นค่าเล่นเกมให้แล้วก็ตาม
โดยสภาทนายความเห็นว่าเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กตามกฎหมายคุ้มครองเด็กเรื่องของการเรียกเก็บเงินจากการเล่นเกมของเด็กดังกล่าว รวมทั้งการมีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม ทุกส่วนราชการที่มีหน้าที่การบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ควรต้องดำเนินการให้เฉียบขาดและให้เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมต่อไป จึงขอแถลงการณ์มาเพื่อให้ประชาชนทราบ และผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายดำเนินการ ดังต่อไปนี้
1. การเล่นเกมออนไลน์ทุกชนิดที่มีการเรียกเก็บเงินผ่านทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบที่ใช้บัตรเครดิต ระบบที่เรียกเก็บเงินภายหลัง หรือระบบเติมเงิน ถือได้ว่าเป็นการเล่นที่ใกล้เคียงเกมการจ่ายเงินเพื่อการเล่นตู้เกมไฟฟ้า และอาจเข้าข่ายเป็นเกมการพนันได้ถ้ามีการเสียและได้ประโยชน์ตอบแทน โดยเฉพาะสำหรับเด็กและเยาวชนที่ติดการเล่นเกมออนไลน์อย่างนี้จะมีผลกระทบรุนแรงมากต่อสังคมครอบครัว เพราะอาจจะเล่นที่ไหน เวลาใดก็ได้ ทั้งที่อาจไม่รู้ตัวเลยว่าต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก
2. หากเป็นเกมที่เข้าข่ายการพนันได้ตามข้อ 1 แต่เมื่อการเล่นผ่านระบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ที่จัดให้มีการเล่นทั้งในและนอกประเทศจึงมีความรับผิดชอบร่วมกันต่อการกระทำผิดกฎหมายของราชอาณาจักรไทย รวมตลอดถึงผู้ที่สมรู้ร่วมคิดเรียกเก็บเงินแทนผู้เล่นเกมที่มีค่าใช้จ่ายออนไลน์ด้วย เพราะผู้ที่ให้บริการดังกล่าวก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นหรือค่าบริการหักจากการเรียกเก็บเงินของบริษัทผู้เป็นเจ้าของเกม
3. สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและให้ได้ความจริงในเรื่องการเสียและได้ประโยชน์ตอบแทนว่ามีหรือไม่จากเกมออนไลน์ที่มีอยู่ดาษดื่นในขณะนี้ หากพบว่ามีก็ต้องตั้งข้อกล่าวหาผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของการเอาเปรียบสังคม เอาเปรียบเด็กและเยาวชน รวมทั้งบิดามารดาซึ่งอาจไม่มีโอกาสที่จะดูแลลูกหลานของตนอย่างเต็มที่ตลอดเวลา
4. บริษัทผู้ให้บริการระบบอินเทอร์เน็ตในประเทศที่ทำหน้าที่เรียกเก็บเงินค่าเล่นเกมแทนบริษัทผู้เป็นเจ้าของเกมที่อยู่ในต่างประเทศ โดยรวมอยู่ในใบเรียกเก็บเงินค่าใช้โทรศัพท์นั้นเป็นบุคคลผู้รับอนุญาตเป็นตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศโดยชอบด้วยกฎหมายและจะต้องได้รับใบอนุญาตให้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนหรือโอนเงินตราตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร ควรที่เจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราจะต้องเร่งตรวจสอบ
อนึ่ง การที่บริษัทดังกล่าวกระทำการเก็บเงินแทนในสัญญาการให้บริการการเล่นเกมกับลูกค้าในประเทศไทย ย่อมถือได้ว่าเป็นตัวแทนของบริษัทในต่างประเทศที่ต้องยื่นและชำระภาษีหรือผลกำไรให้กับกรมสรรพากรด้วย จึงเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานประเมินควรเข้าไปตรวจสอบธุรกรรมนี้ด้วย
5. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ควรที่จะต้องดูแลและมีมาตรการกำหนดให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจโทรคมนาคมที่ถือสัมปทานหรือรับอนุญาตจำกัดการขยายให้บริการเกมออนไลน์เกมอื่นๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติโดยเฉพาะแก่เด็กและเยาวชน ทั้งนี้ ให้นำพระราชบัญญัติเรื่องการคุ้มครองเด็กและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนมาใช้ประกอบกับการออกข้อบังคับกฎเกณฑ์กับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตหรือรับสัมปทานให้บริการโทรคมนาคมดังกล่าวอย่างเข้มงวด
สภาทนายความหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นควรจะมีขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สังคมได้มีความสุขและมีความพร้อมที่จะให้เด็กและเยาวชนในการเข้าสู่โลกยุคข้อมูลข่าวสารทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยความรู้ความเข้าใจและวางมาตรการที่เหมาะสมเพื่อจำกัดการเอารัดเอาเปรียบในเชิงธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตต่อประชาชนโดยทั่วไปด้วย
ที่มา – Thairath
http://www.thairath.co.th/content/432105