วอเตอร์ลู, ออนแทริโอ– รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – RIM) (NASDAQ: RIMM; TSX: RIM) ผู้นำด้านตลาดการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือทั่วโลก รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2(มิ.ย. – ส.ค. 2554) สิ้นสุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2554 (ตัวเลขที่ระบุเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และ U.S. GAAP)
ตัวเลขสำคัญ:
- รายได้สุทธิในไตรมาสนี้คิดเป็น 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเป็นครั้งแรกที่รายได้จากการให้บริการมีมูลค่าเกินกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ผลกำไรจากการดำเนินงานคิดเป็น 329 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.63 เหรียญสหรัฐฯ; รายได้สุทธิลดลง 419 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมีกำไรต่อหุ้น 0.80 เหรียญสหรัฐฯ
- จำนวนผู้ใช้บริการแบล็กเบอรี่เติบโตขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือมากกว่า 70 ล้านราย
- ในช่วงปลายไตรมาส ริมได้วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มากที่สุดถึง 7 รุ่นด้วยกัน ผ่านผู้ให้บริการกว่า 90 ราย และพันธมิตรจัดจำหน่ายใน 30 ประเทศ
- มีการลงทุนเป็นมูลค่า 780 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านบริษัทร่วมทุน เพื่อประมูลทรัพย์สินทางปัญญาของ Nortel
- ประเมินว่า จำนวนแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนที่จัดจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 จะเติบโตขึ้น 27-37% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน
ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 (เดือนมิ.ย. – ส.ค. 2554)
รายได้สุทธิในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2555 คิดเป็น 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 15% จากไตรมาสก่อนที่มีรายได้ประมาณ 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยรายได้ดังกล่าวมาจากการจำหน่ายเครื่องแบล็กเบอร์รี่ 73% จากการให้บริการ 24% จากซอฟท์แวร์และรายได้อื่นๆ 3% ทั้งนี้ในระหว่างไตรมาสนี้ ริมได้จัดจำหน่ายแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนประมาณ 10.6 ล้านเครื่อง และแบล็กเบอร์รี่เพลย์บุ๊ค แท็บเล็ต ประมาณ 200,000 เครื่อง
รายได้สุทธิของบริษัทในไตรมาสนี้คิดเป็น 329 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.63 เหรียญสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้วซึ่งมีรายได้สุทธิ 695 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.33 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีรายได้สุทธิ 797 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.46 เหรียญสหรัฐฯ ผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสนี้คิดเป็น 419 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 0.80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น ทั้งนี้รายได้สุทธิปรับลดลงและกำไรต่อหุ้นปรับลดไม่รวมผลกระทบก่อนการหักภาษีค่าใช้จ่ายจำนวน 118 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัทฯ ซึ่งได้ดำเนินการในไตรมาสที่สองของปีงบการเงิน 2555 รายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพของต้นทุนมีอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ของบริษัท ฯ ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2554 รวมทั้งอยู่ในส่วนการบริหารและการวิเคราะห์สภาพการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับงวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 27 สิงหาคม 2554 ซึ่งจะมีการยื่นนำเสนอในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ มีจำนวนเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด การลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2554 คิดเป็นมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีมูลค่า 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การใช้จ่ายเงินสดดังกล่าวครอบคลุมการซื้อสินทรัพย์ทางปัญญาซึ่งริมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในบริษัทร่วมทุนที่ประสบความสำเร็จในการประมูลเครือข่ายสิทธิบัตรของ Nortel Networks Corporation มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 780 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนประมาณ 285 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเงินทุนหมุนเวียน
คาดการณ์ตัวเลขในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2555
คาดการณ์ตัวเลขรายได้ในไตรมาสที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2555 สิ้นสุดวันที่ 26 พฤศจิกายน 2554 จะอยู่ระหว่าง 5.3-5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดการณ์กำไรเบื้องต้นในไตรมาสที่ 3 คิดเป็นประมาณ 37% ทั้งนี้ประมาณการจำนวนยอดขายของแบล็กเบอร์รี่สมาร์ทโฟนจะอยู่ระหว่าง 13.5-14.5 ล้านเครื่อง กำไรต่อหุ้นในไตรมาสนี้ ไม่รวมผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท คาดการณ์ว่าจะมูลค่าระหว่าง 1.20-1.40 เหรียญสหรัฐฯ และกำไรต่อหุ้นตลอดปีงบประมาณ 2554 ไม่รวมผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมประสิทธิภาพต้นทุนของบริษัท คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าระหว่าง 5.25-6.00 เหรียญสหรัฐฯ
ที่มา – RIM