แซนดิสก์ คอร์เปอเรชั่นผู้นำด้านโซลูชั่นอุปกรณ์การเก็บข้อมูลแบบแฟลช ได้ประกาศเปิดตัวเมมเมอรี่การ์ดความเร็วสูงที่สุดในโลกรุ่น SanDisk Extreme PRO SDHC /SDXC UHS-II นับเป็นการ์ดความจำรุ่นล่าสุดที่ให้ประสิทธิภาพได้อย่างสูงสุด โดยการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II สามารถให้ความเร็วในการเขียนสูงสุดถึง 250MB ต่อวินาที ในโหมดการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง และมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงสุดถึง 280MB ต่อวินาที ซึ่งการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II จัดว่าอยู่ใน Speed Class 3 (U3) นับเป็นคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้การบันทึกภาพวิดีโอได้อย่างละเอียดและมีคุณภาพในความละเอียดระดับ 4K
มร. คริสโตเฟอร์ ชูต ผู้อำนวยการการวิจัยภาพถ่ายดิจิตอลทั่วโลก บริษัท อินเทอร์เนชันแนล ดาตา คอร์ป ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตกล้องต่างพยายามแนะนำกล้องรุ่นที่สามารถให้ความละเอียดของภาพวิดีโอในระดับ 4K ให้แก่ผู้บริโภคทั่วไป และ ผู้เชี่ยวชาญด้านกล้อง แต่อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีของการ์ดหน่วยความจำก็จำเป็นต้องพัฒนาเพื่อให้คุณสมบัติต่างๆ สามารถช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสิทธิภาพที่ดีจากการใช้งาน แชนดิสก์จึงนำเสนอการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II ซึ่งมาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ช่างภาพ ช่างวิดีโอ และ ผู้ผลิตภาพยนตร์ ที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากกล้องระดับมืออาชีพได้อย่างเต็มความสามารถ
สำหรับเจเนอเรชั่นถัดไปของกล้องถ่ายภาพ DSLRs และกล้องวิดีโอสำหรับมืออาชีพ จะได้รับการปรับปรุงให้สามารถรองรับการใช้งานของ UHS-II ได้ ดังนั้นการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II จึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการของช่างภาพมืออาชีพได้อย่างแน่นอน เนื่องจากการด์ความจำรุ่นนี้ได้ให้ความเร็วในการเขียนสูงถึง 250MB ต่อวินาที จึงสามารถจัดเก็บภาพที่มีความละเอียดสูงได้ อาทิ ไฟล์ RAW และ ไฟล์ JPEG ถือได้ว่าแซนดิสก์เป็นผู้นำทางการตลาดด้านความเร็วในการอ่านและการเขียน ทั้งการ์ดความจำรุ่นดังกล่าวนี้ยังให้ประสิทธิภาพการทำงานทีดีต่อการบันทึกภาพวิดีโอด้วยความเร็ว 30 MB ต่อวินาที (U3) จึงช่วยให้การบันทึกภาพสำหรับภาพยนตร์ในคุณภาพระดับ 4K ในแบบ 3 มิติ และความละเอียดแบบ HD อีกด้วย
นายเจษฎา ภวภูตานนท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย แซนดิสก์ คอร์เปอเรชั่น กล่าวว่า การ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II มีชิ้นส่วนของ UHS-I ซึ่งให้ความเร็วมากกว่าการ์ดความจำรุ่นปัจจุบันมากถึง 3 เท่า โดยในฐานะผู้นำด้านโซลูชั่นอุปกรณ์การเก็บข้อมูลแบบแฟลช เราจึงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบการด์ความจำอันรวดเร็วเข้าสู่ตลาด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่กล้องถ่ายภาพในเจนเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เราได้คิดค้นขึ้นมาชิ้นนี้ จึงกลายเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดภาพถ่ายและวิดีโอดิจิตอล
ด้าน มร. โทชิฮิสะ อิดะ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายอุปกรณ์เพื่อการถ่ายภาพอิเล็กทรอนิกส์ ฟูจิฟิลม์ คอร์เปอเรชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ฟูจิฟิลม์ได้เปิดตัวกล้องดิจิตอล รุ่น X-T1 ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอลตัวแรกที่สามารถใช้งานได้กับ UHS-II ซึ่งการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งช่างถ่ายภาพยังสามารถใช้คุณสมบัติต่างๆ ของกล้องดิจิตอลฟูจิฟิลม์ รุ่น X-T1 ได้อย่างเต็มความสามารถ รวมถึงได้สัมผัสกับประสบการณ์อันดีเยี่ยมในด้านการถ่าพ อาทิ ภาพถ่ายคุณภาพสูง และ ความเร็วในการตอบสนองต่อการกดถ่ายภาพอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้การ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II ได้ผ่านการทดสอบความทนทานภายใต้สภาพภูมิอากาศที่สูงและให้การประกันตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งบริการของการ์ดความจำรุ่นนี้ยังรวมถึงการสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม RescuePRO® โปรแกรมสำหรับการกู้คืนข้อข้อมูลคืน เพื่อช่วยกู้คือข้อมูลให้ช่างภาพ หากเกิดกรณีที่ภาพหายไปด้วยการลบภาพโดยไม่ได้ตั้งใจ
เครื่องอ่านและเขียนการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II
นอกจากนี้ แซนดิสก์ คอร์เปอเรชั่น ยังได้เปิดตัว เครื่องอ่านและเขียนการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งมีขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะแก่การทำงานนอกสถานที่ ซึ่งเครื่องอ่านและเขียนการ์ดความจำดังกล่าวนี้ ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานกับเทคโนโลยีของการ์ดความจำ UHS-II โดยเฉพาะ ทั้งยังรองรับการทำงานในระบบ USB 3.0 ที่ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลมากถึง 500 MBต่อวินาที ถือได้ว่าให้ความเร็วที่มากกว่า USB 2.0 กว่า10 เท่า
ราคาและการจัดจำหน่าย
การ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II วางจำหน่ายในความจุ 16 GB – 64 GB ราคา ด้วยราคา3,900 บาท – 9,900 บาท และ เครื่องอ่านและเขียนการ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO SD UHS-II ในราคา 1,800 บาท โดยสามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ทั่วโลกทาง www.sandisk.com