อะโดบีเปิดตัวบริการ Creative Cloud อย่างสมบูรณ์ในเมืองไทย ทั้งสำหรับทีมและบุคคล ช่วยให้ลูกค้าสามารถอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายร้อยฟีเจอร์ของเครื่องมือเดสก์ท็อปล่าสุดของอะโดบี
อะโดบีเปิดตัว Adobe Creative Cloud บริการระดับชั้นนำสำหรับบุคลากรด้านครีเอทีฟ โดยมีการเพิ่มบริการ Creative Cloud สำหรับบุคคล และบริการ Creative Cloud สำหรับองค์กร นอกเหนือจากบริการ Creative Cloud สำหรับทีมงาน ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 นับเป็นการเติมเต็มทางเลือกสำหรับสมาชิก Adobe Creative Cloud อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ในประเทศไทย ทั้งนี้ Adobe Creative Cloud เป็นบริการแบบสมัครสมาชิกที่ประกอบด้วยเครื่องมือและบริการต่างๆ กว่า 30 รายการ รองรับการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ระดับมืออาชีพ และนำเสนอในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น สื่อสิ่งพิมพ์, เว็บ, โมบายล์แอพ, วิดีโอ และภาพถ่าย
พร้อมกันนี้ ในการประชุม Adobe MAX, The Creativity Conference ที่จัดขึ้นที่นครลอสแองเจลิส อะโดบีได้เปิดตัวการอัพเดตที่สำคัญสำหรับ Creative Cloud ด้วยการเปิดตัวเดสก์ท็อปแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่ รวมถึง Adobe Photoshop CC, InDesign CC, Illustrator CC, Dreamweaver CC และ Premiere Pro CC เครื่องมือเดสก์ท็อปของอะโดบี ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า Creative Suite (CS) ตอนนี้ได้ถูกนำเสนอภายใต้ แบรนด์ CC เพื่อแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมเหล่านี้เป็นส่วนประกอบหลักใน Creative Cloud และได้ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการสร้างสรรค์แนวใหม่ภายใต้การเชื่อมต่อ นอกจากนี้ “Behance” ซึ่งเป็นชุมชนครีเอทีฟออนไลน์ชั้นนำระดับโลก ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับ Creative Cloud เพื่อให้ลูกค้าสามารถจัดแสดงผลงาน รับคำติชมเกี่ยวกับโครงงาน และเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก
“ความสามารถที่ก้าวล้ำของ Adobe Creative Cloud ส่งผลให้บริการนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในชุมชนครีเอทีฟทั่วโลก โดยสมาชิกที่เสียค่าบริการกว่าห้าแสนราย และสมาชิกฟรีกว่า 2 ล้านราย ได้ลงทะเบียนเข้าใช้บริการ Creative Cloud นับตั้งแต่ที่เริ่มเปิดตัวทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายน 2555” วิคกี้ สกิ๊ปป์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของอะโดบี กล่าว “Creative Cloud ปฏิรูปรูปแบบการทำงานของบุคลากรด้านครีเอทีฟและองค์กรธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงาน การนำเสนอบริการที่เหนือกว่าเพื่อสร้างเว็บไซต์, โมบายล์แอพ, สิ่งพิมพ์บนแท็บเล็ต, แฟ้มผลงานออนไลน์ และเนื้อหาคอนเทนต์สำหรับสื่อและอุปกรณ์ที่หลากหลาย”
เอียน บิคเกอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Band Pte Ltd บริษัทครีเอทีฟที่เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นการตลาดแบบครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้ากลุ่มแรกที่ริเริ่มใช้ Creative Cloud ในสิงคโปร์ กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทครีเอทีฟ B2B ที่นำเสนอโซลูชั่นการสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ เราจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงเครื่องมือครีเอทีฟล่าสุด Adobe Creative Cloud มอบสิ่งที่เราต้องการที่ทำให้เราก้าวหน้าคู่แข่งอย่างแท้จริง ทั้งการอัพเดต อัพเกรด และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่พร้อมใช้งานทันที โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”
นอกจากนี้ อะโดบียังเปิดเผยว่าบริษัทฯ จะมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ครีเอทีฟบน Creative Cloud แม้ว่าผลิตภัณฑ์ Adobe Creative Suite® 6 จะยังคงได้รับการสนับสนุนและมีวางจำหน่ายต่อไป แต่บริษัทฯ ไม่มีแผนที่จะวางจำหน่าย Creative Suite อีกต่อไป หรือผลิตภัณฑ์ CS อื่นๆ โดยวิคกี้ สกิ๊ปป์ อธิบายว่า “การทุ่มเทให้กับการพัฒนา Creative Cloud ไม่เพียงช่วยให้อะโดบีสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้รวดเร็วมากขึ้น แต่ยังขยายขอบเขตการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้แก่ชุมชนครีเอทีฟ”
อะโดบีเพิ่มความสะดวกในการย้ายไปสู่ Creative Cloud ด้วยโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ทีมงาน และลูกค้าองค์กร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.adobe.com/sea อะโดบีจะยังคงจำหน่ายใบอนุญาตใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ CS6 ทั้งหมดผ่านการดาวน์โหลดทางออนไลน์จาก adobe.com และตัวแทนจำหน่าย
Adobe Creative Cloud ขับเคลื่อนเวิร์กโฟลว์ครีเอทีฟที่ไร้รอยต่อ
การอัพเดตสำคัญสำหรับ Adobe Creative Cloud ในครั้งนี้จะรองรับการนำเสนอทุกสิ่งไว้ในที่เดียวกัน ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับกระบวนการทำงานครีเอทีฟ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย โดยมีการจัดหาเครื่องมือและบริการรุ่นล่าสุดอย่างที่ลูกค้าต้องการ พร้อมด้วยประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันและการแชร์ผลงานร่วมกับชุมชนครีเอทีฟ (Creative Community)
อัพเดทฟีเจอร์หลักๆ มีดังนี้:
– การเข้าใช้งานบนเดสก์ท็อป, เว็บ และอุปกรณ์พกพา Creative Cloud ช่วยให้ผู้ใช้ติดต่อกับทีมงานและชุมชนครีเอทีฟได้ตลอดเวลาผ่านทางคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป, เว็บไซต์ และอุปกรณ์พกพา ด้วย Creative Cloud โลกครีเอทีฟทั้งหมดของคุณจะมีศูนย์กลางที่รวบรวมไอเดีย, ไฟล์, ฟอนต์, การตั้งค่า, การแจ้งเตือน และสมาชิกทั้งหมดจะได้รับการเชื่อมต่ออย่างเหมาะสม ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมโยงโฟลเดอร์กลุ่มเข้าด้วยกันเพื่อรองรับการทำงานร่วมกัน สามารถติดตามอัพเดตและเสนอข้อคิดเห็นสำหรับไฟล์ที่ใช้ร่วมกัน เชื่อมต่อกับ Behance เพื่อรองรับการทำงาน และรับข้อความแจ้งเตือนเมื่อซอฟต์แวร์อัพเดตพร้อมใช้งาน ดาวน์โหลดอัพเดตล่าสุด และเข้าถึงสี ฟอนต์ และการตั้งค่าที่คุณต้องการทุกที่ทุกเวลา
– การผนวกรวมเข้ากับชุมชนครีเอทีฟชั้นนำของโลก เนื่องจาก Behance ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับ Creative Cloud ดังนั้นสมาชิกจึงสามารถจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงาน ติดตามครีเอทีฟคนอื่นๆ เผยแพร่ผลงานที่กำลังทำอยู่จากภายใต้โปรแกรม CC ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรับฟังคำติชมจากครีเอทีฟกว่า 1.4 ล้านคนทั่วโลกซึ่งเข้าร่วมในเครือข่าย Behance
– ซิงโครไนซ์ จัดเก็บ แชร์ และทำงานร่วมกัน ไฟล์และทรัพยากรทั้งหมดจะถูกซิงโครไนซ์โดยอัตโนมัติระหว่างเดสก์ท็อป คลาวด์ และอุปกรณ์พกพา นักออกแบบจะสามารถถ่ายภาพบนเครื่อง iPad จากนั้นก็ใช้ Photoshop Touch ในการปรับแต่งภาพถ่ายขณะกำลังเดินทาง แล้วเรียกใช้ไฟล์ดังกล่าวผ่านทางคลาวด์ และใช้ Photoshop CC บนเครื่อง Mac หรือพีซี Windows เพื่อปรับแต่งภาพถ่าย นักออกแบบสามารถกำหนดโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน และเชิญให้คนอื่นๆ ทำงานร่วมกันบนไฟล์ได้ ข้อมูลการแก้ไขจะถูกจัดเก็บพร้อมประวัติเวอร์ชั่น (Version History) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ได้อย่างมั่นใจ สมาชิกรายบุคคลจะได้รับพื้นที่เก็บข้อมูล 20GB
– การจัดพิมพ์เผยแพร่อย่างไร้รอยต่อ สมาชิก Creative Cloud จะสามารถเข้าใช้บริการสำหรับการเผยแพร่เว็บไซต์ผลงานที่มีการปรับแต่งตามความต้องการ โดยใช้ Behance ProSite หรือจัดพิมพ์นิตยสารดิจิตอลที่สวยงามโดดเด่นสำหรับ iPad โดยใช้ Digital Publishing Suite (DPS) Single Edition และใช้ PhoneGap Build เพื่อสร้างและเผยแพร่โมบายล์แอพสำหรับอุปกรณ์ทุกรุ่น Adobe Typekit ประกอบด้วยไลบรารีแบบอักษรที่หลากหลาย ตั้งแต่ฟอนต์แบบคลาสสิก ไปจนถึงฟอนต์แบบใหม่ๆ สำหรับการใช้งานบนเว็บไซต์ และในอัพเดตรุ่นใหม่นี้ ครีเอทีฟจะสามารถใช้ฟอนต์แบบเดียวกันในเดสก์ท็อปแอพพลิเคชั่นได้โดยตรง
เดสก์ท็อปแอพพลิเคชั่นในตระกูล CC พร้อมใช้งานสำหรับสมาชิก Creative Cloud โดยเฉพาะ ฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายร้อยฟีเจอร์มีรวมอยู่ในเครื่องมือเดสก์ท็อปจากอะโดบี โดยนวัตกรรมสำคัญๆ ได้แก่:
– Photoshop CC (ดูข่าวประชาสัมพันธ์แยกต่างหาก) จะประกอบด้วยเทคโนโลยีใหม่สำหรับการปรับแต่งภาพให้คมชัด พร้อมส่วนปรับปรุงเวิร์กโฟลว์สำหรับนักออกแบบ นอกจากนี้ ยังมี Camera Shake Reduction ที่ช่วยลดปัญหาภาพเบลอที่เกิดจากการสั่นไหวของกล้อง ฟีเจอร์ใหม่ Smart Sharpen ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับพื้นผิวและรายละเอียด ขณะที่ Adobe Camera Raw 8 เพิ่มเติมส่วนควบคุมภาพถ่ายที่ทรงพลัง เพื่อทำให้ภาพคมชัดและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น Photoshop CC เป็นเดสก์ท็อปแอพพลิเคชั่นแรกของอะโดบีที่รองรับการโพสต์ไฟล์ไปยัง Behance โดยตรง รวมถึงการจัดแสดงผลงานได้ทันที และการผนวกรวมข้อคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงานเข้าไว้ในกระบวนการสร้างสรรค์
– สำหรับนักออกแบบ เครื่องมือ Touch Type ใน Illustrator CC ยกระดับการสร้างสรรค์ด้วยแบบอักษรที่โดดเด่น โดยผู้ใช้จะสามารถย้าย ปรับขนาด และหมุนตัวอักษรในข้อความได้ตามต้องการ และสามารถแก้ไขได้ในภายหลัง ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานร่วมกับเมาส์ ปากกาสไตลัส หรืออุปกรณ์มัลติทัช นอกจากนี้ Illustrator ยังรองรับการระบายสีด้วยพู่กันที่ทำจากภาพถ่าย กล่าวคือ พู่กัน Art, Pattern และ Scatter อาจประกอบด้วยภาพราสเตอร์ ดังนั้นนักออกแบบจึงสามารถสร้างดีไซน์แบบออร์กานิกที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ฝีแปรงที่เรียบง่าย สถาปัตยกรรมที่ทันสมัยสำหรับ InDesign CC จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และการแก้ไขภาพในเบราว์เซอร์ด้วย Adobe Muse™ CC ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้างและจัดพิมพ์เว็บไซต์ HTML โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด ช่วยให้ลูกค้าสามารถแก้ไขเว็บไซต์ และส่งต่อให้นักออกแบบรีวิว และอัพเดตได้ทันที
– สำหรับ Video Professional, Adobe Premiere Pro CC นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับการตัดต่อวิดีโอ รวมถึงการปรับแต่งและปรับปรุง เพื่อช่วยให้ผู้ตัดต่อสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ Premiere Pro CC ประกอบด้วยเวิร์กโฟลว์สีที่เหนือชั้น พร้อมด้วย Lumetri™ Deep Color Engine ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการไล่ระดับสีอย่างเรียบเนียน ขณะที่ Adobe After Effects® CC ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโมชั่นกราฟิกส์และวิช่วลเอฟเฟ็กต์มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นในการสร้างสรรค์ผลงานที่สดใหม่ และทำงานในรูปแบบ 3D ได้ง่ายดายขึ้นด้วยการผนวกรวม Live 3D Pipeline และ Maxon Cinema4D นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างเช่น Adobe SpeedGrade CC, Audition® CC, Prelude™ CC และ Adobe Story CC Plus อีกด้วย
– นักออกแบบเว็บและ Developer สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในเครื่องมือและบริการ Edge ของอะโดบี โดย Edge Animate CC รุ่นล่าสุดจะช่วยให้นักออกแบบเว็บสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวและเนื้อหาอินเทอร์แอคทีฟได้อย่างง่ายดายและแม่นยำ โดยใช้ HTML, CSS และ JavaScript แบบเนทีฟ นอกจากนี้ อะโดบียังนำเสนอตัวอย่างเวิร์กโฟลว์ใหม่จาก Photoshop CC ไปยัง Edge Reflow CC ซึ่งจะช่วยให้ครีเอทีฟสามารถสร้างสรรค์งานออกแบบเว็บใน Photoshop โดยจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเว็บไซต์ที่ตอบสนองอย่างฉับไว ส่วนผู้ใช้ Dreamweaver จะสามารถใช้ CSS และคุณสมบัติที่ทันสมัยที่สุดผ่านทางเครื่องมือแก้ไขที่ใช้งานง่าย นั่นคือ CSS Designer และ Adobe Flash® Pro CC ประกอบด้วยสถาปัตยกรรม 64 บิตแบบโมดูลาร์ที่ทันสมัย เพื่อการทำงานที่รวดเร็วและเปี่ยมด้วยเสถียรภาพ
แผนการให้บริการแก่สมาชิกและการวางจำหน่าย
อัพเดตชุดสำคัญสำหรับ Creative Cloud นี้จะพร้อมใช้งานในเดือนมิถุนายน ครีเอทีฟที่ลงทะเบียนใช้บริการ Creative Cloud วันนี้จะสามารถดาวน์โหลดและใช้นวัตกรรมล่าสุดจากอะโดบีบนระบบคลาวด์ได้ทันทีเมื่อเริ่มวางจำหน่าย ค่าสมาชิก Creative Cloud สำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเดือน โดยเป็นสมาชิกรายปี ส่วนลูกค้าที่มี CS3 ถึง CS5.5 อยู่แล้วจะสามารถใช้บริการ Creative Cloud ช่วงปีแรกได้ในอัตราลดพิเศษที่ 900 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ มีโปรโมชั่นราคาพิเศษสำหรับลูกค้าบางราย รวมถึงผู้ใช้ CS6 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.adobe.com/sea
Creative Cloud สำหรับทีมงานประกอบด้วยสิทธิประโยชน์ทั้งหมดที่สมาชิกรายย่อยได้รับ พร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 100GB และความสามารถในการติดตั้งและบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ Creative Cloud สำหรับทีมงานราคา USD69.99 ต่อเดือนต่อคน ลูกค้าที่มีใบอนุญาตใช้งาน Volume License สำหรับ CS3 หรือรุ่นใหม่กว่า จะสามารถใช้บริการ Creative Cloud สำหรับทีมงานในช่วงปีแรกได้ในอัตราลดพิเศษที่ USD39.99 ต่อเดือนต่อคน หากลงทะเบียนก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม 2556
นอกจากนี้ อะโดบียังได้เปิดตัว Creative Cloud สำหรับองค์กรในวันนี้ พร้อมด้วยการอนุญาตใช้งานพิเศษสำหรับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานราชการ หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อฝ่ายขายของอะโดบี
เกี่ยวกับบริการ Adobe Creative Cloud
Adobe Creative Cloud เป็นบริการแบบสมัครสมาชิก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งเดสก์ท็อปแอพพลิเคชั่น Creative Suite ทั้งหมดได้อย่างไม่จำกัด พร้อมด้วยแอพพลิเคชั่นอื่นๆ เช่น เครื่องมือและบริการ Adobe Photoshop Lightroom, Adobe Muse, Adobe Edge รวมถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเกมและการผนวกรวมเข้ากับ Photoshop Touch apps** ผู้ใช้ที่เป็นสมาชิก Adobe Creative Cloud จะสามารถเข้าใช้บริการ Publishing Services ในการนำเสนอแอพและเว็บไซต์ รวมถึงพื้นที่เก็บข้อมูลคลาวด์สตอเรจ และสามารถซิงค์กับดีไวซ์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ใหม่ๆจะได้รับการอัพเกรดทันทีที่รีลีส