หลังจากเปิดตัว Galaxy Tab S10 Series เมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุด Samsung ก็ได้ส่ง Galaxy Tab S10 FE Series เข้ามาเสริมทัพอีก 2 รุ่น ได้แก่ Galaxy Tab S10 FE และ Galaxy Tab S10 FE+ ที่มีขนาดหน้าจอ 10.9 นิ้ว และ 13.1 นิ้ว ตามลำดับ โดยทีมงาน @flashfly ได้รับ Galaxy Tab S10 FE+ มารีวิว ซึ่งมีจุดเด่นหลายอย่างเท่าที่แท็บเล็ตระดับพรีเมียมควรมี ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์โลหะบางเบา ป้องกันน้ำได้ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เพียบพร้อมไปด้วยฟีเจอร์ AI อัจฉริยะของ Samsung ที่ช่วยให้การทำงานต่างๆ เป็นเรื่องง่าย
สเปก Samsung Galaxy Tab S10 FE+
- จอแสดงผล LCD (2880 x 1800 พิกเซล) ขนาด 13.1 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 90Hz
- รองรับการทำงานร่วมกับปากกา S Pen (แถมมาให้ในกล่อง)
- กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล (Ultra Wide Camera)
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล Exynos 1580
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB
- สนับสนุนการ์ด MicroSD สูงสุด 2TB
- ลำโพงคู่, ไมโครโฟน 4 ตัว
- มาตรฐานป้องกันน้ำ IP68
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.3, USB Type-C (มีเวอร์ชัน 5G ให้เลือกด้วย)
- ระบุตำแหน่ง GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Light Sensor
- สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง (Side-mounted Fingerprint Sensor)
- รองรับโหมด Samsung DeX
- ระบบปฏิบัติการ One UI 7.0 บนพื้นฐาน Android 15
- แบตเตอรี่ 10,090mAh ชาร์จไว 45W
- ขนาดตัวเครื่อง 300.6 x 194.7 x 6.0 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 664 กรัม (Wi-Fi) หรือ 668 กรัม (5G)
ดีไซน์พรีเมียม กันน้ำได้
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ มาในตัวเครื่องสีเทา ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพสูง ให้สัมผัสหรูหราพรีเมียมและแข็งแรง อีกทั้งยังมีดีไซน์บางเบา ด้วยมิติตัวเครื่อง 300.6 x 194.7 x 6.0 มิลลิเมตร ขณะที่ iPad Air รุ่น 13 นิ้ว ในปัจจุบัน มีมิติตัวเครื่อง 280.6 x 214.9 x 6.1 มิลลิเมตร และเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จะพบว่า Galaxy Tab S9 FE+ มีมิติตัวเครื่อง 285.4 x 185.4 x 6.5 มิลลิเมตร แต่มีขนาดหน้าจอ 12.4 นิ้ว หมายความว่า Galaxy Tab S10 FE+ มีดีไซน์บางลงกว่าเดิม 0.5 มิลลิเมตร และบางกว่าคู่แข่งอยู่เล็กน้อย จึงพกพาได้อย่างสะดวก
ที่น่าสนใจก็คือ Galaxy Tab S10 FE+ ได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP68 เหมือนสมาร์ตโฟนเรือธงของ Samsung ผ่านการทดสอบต้านทานน้ำในระดับสูงสุด 1.5 เมตร ได้นานถึง 30 นาที (น้ำจืด) รวมถึงป้องกันฝุ่น สิ่งสกปรก และทรายได้ ช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น น้ำหกใส่
มุมมองด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผลขนาดใหญ่ 13.1 นิ้ว ซึ่งอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้าที่มีขนาด 12.4 นิ้ว โดยมีดีไซน์ขอบหน้าจอที่บางเป็นพิเศษ และบางเท่ากันรอบด้าน พร้อมติดตั้งกล้องหน้าไว้ในขอบหน้าจอแนวนอน
ด้านหลังดีไซน์เรียบแบน วางโลโก้ Samsung ไว้ที่มุมบนซ้าย อีกมุมเป็นตำแหน่งของกล้องหลัง และมีไมโครโฟนอยู่ใกล้กัน ส่วนแถบเส้นสีขาวที่อยู่ตามขอบมุมทั้ง 2 ด้าน เป็นเส้นเสาอากาศ ช่วยรับส่งสัญญาณไร้สาย นอกจากนี้ ยังซ่อนแม่เหล็กสำหรับแนบปากกา S Pen ไว้บริเวณแถวเดียวกับกล้องหลัง รวมถึงขอบด้านบนแถวเดียวกับโลโก้ Samsung อีกด้วย
ขอบด้านข้าง (เมื่อวางแท็บเล็ตในแนวนอน) พบช่องลำโพง และ รูไมโครโฟน (รวมทั้งหมดมีไมโครโฟน 4 ตัว)
อีกข้างมีลำโพงอีกตำแหน่ง จึงให้เสียงสเตอริโอ และ พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
ขอบบนตัวเครื่องมีปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้ด้วย ถัดมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง มีรูไมโครโฟน 2 ตำแหน่ง และถาดใส่ซิมการ์ด รองรับเครือข่าย 2G – 5G มีช่องใส่ซิมการ์ดปกติช่องเดียว แต่รองรับ eSIM อีกหมายเลข จึงเปรียบเหมือนรองรับ 2 ซิมการ์ด (1 Physical + 1 eSIM) อย่างไรก็ตาม Galaxy Tab S10 FE+ ยังมีเวอร์ชัน Wi-Fi ให้เลือกด้วย ซึ่งมีราคาถูกกว่า แต่ไม่รองรับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
ขอบล่างของตัวเครื่องมี Pogo Pin สำหรับเชื่อมต่อกับ Book Cover Keyboard ใช้งานได้แบบแล็บท็อป
จอใหญ่ 13.1 นิ้ว แบ่งหน้าจอได้เต็มตา
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมจอแสดงผล LCD ความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล ขนาด 13.1 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 16:10 ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz ความสว่างสูงสุด 800 นิต (High Brightness Mode) และด้วยพื้นที่ขอบจอที่บางเป็นพิเศษทั้ง 4 ด้าน ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 85.2%
ด้วยอัตราส่วนภาพ 16:10 และหน้าจอขนาดใหญ่ 13.1 นิ้ว ทำให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) มีความสะดวกสบายตามากขึ้น สามารถแบ่งหน้าจอได้สูงสุด 3 หน้าต่าง ไม่ว่าจะดูวิดีโอ จดโน้ตไปด้วย พร้อมเลื่อนดูโซเชียลมีเดีย ก็ทำได้อย่างราบลื่นและมองเห็นชัดทั้ง 3 หน้าจอ และยิ่งใช้หน้าจอเดียวสำหรับดูภาพยนตร์ก็ยิ่งเต็มตา และเต็มอารมณ์กับลำโพงคู่ซ้ายขวา
นอกจากแบ่งหน้าจอออกเป็น 3 หน้าต่าง Galaxy Tab S10 FE+ ยังสามารถเปิดแอปเพิ่มได้อีกในรูปแบบหน้าต่างลอยเหนือแอปอื่นๆ ที่แบ่งหน้าจอไว้
จอแสดงผลของ Galaxy Tab S10 FE+ ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน เมื่อใช้งานกลางแจ้งหรือภายนอกอาคาร ด้วยอัลกอริทึม Vision Booster ที่ช่วยในการปรับแสงให้หน้าจอชัด ระดับคอนทราสต์ และเพิ่มความสดของสี ทำให้การใช้งานนอกสถานที่ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
แถม S Pen มาให้ด้วย
จอแสดงผลของ Galaxy Tab S10 FE+ ยังรองรับการทำงานร่วมกับปากกา S Pen ได้อย่างราบรื่น และแถมมาให้แล้วในกล่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม โดยเป็นปากกาที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ และไม่จำเป็นต้องตั้งค่าการเชื่อมต่อหรือจับคู่ให้เสียเวลา
S Pen ที่แถมมากับ Galaxy Tab S10 FE+ สามารถใช้งานได้ถนัดเหมือนปากกาจริง เพราะสามารถวางมือบนหน้าจอระหว่างใช้ S Pen ได้ อีกทั้งยังมีความแม่นยำสูง ตอบสนองการวาดเขียนได้อย่างรวดเร็วไม่มีหน่วง ลายเส้นจึงมีความเสถียร และยังรองรับแรงกดสูง ทำให้วาดเขียนได้หลายระดับ สามารถควบคุมและลงลายเส้นได้ จะแรเงาหรือระบายสี ก็ทำได้เหมือนปากกาจริง
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ มาพร้อมฟีเจอร์และแอปพลิเคชันมากมายที่ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับปากกา S Pen ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ Samsung Notes, S Pen Translate, Screen Write และ AI Select
Samsung Notes แอปพลิเคชันที่ใช้งานได้ฟรีตลอดชีพ รองรับการจดโน้ตได้อย่างง่ายดาย พร้อมฟีเจอร์บันทึกเสียงลงในโน้ต
แอป Samsung Notes ใน Galaxy Tab S10 FE+ ยังได้รับฟีเจอร์ใหม่ Solve Math ที่ออกแบบมาสำหรับการคำนวณโจทย์เลข และสามารถประมวลผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงฟีเจอร์ Handwriting Assist สำหรับจัดระเบียบโน้ต ตัวช่วยให้จดโน้ตได้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นและง่ายกว่าที่เคย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้าได้ดีขึ้น
ฟีเจอร์ S Pen Translate สำหรับการแปลภาษา ไม่ว่าจะเป็นแปลจากรูปภาพ, บทความหรือแม้กระทั่งวีดีโอที่กำลังเล่นอยู่ แค่ชี้บนคำ ก็แปลได้ทันที ,ฟีเจอร์ Screen Write จับภาพหน้าจอ และเขียนลงบนหน้าจอได้ทันที และ ฟีเจอร์ AI Select สามารถครอปรูปภาพเฉพาะจุด และแก้ไขรูปภาพต่อได้เลย
ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของ FE Series ที่มาพร้อมความสามารถล้ำสมัยของเทคโนโลยี AI ตั้งแต่แกะกล่อง โดยพัฒนาจากความเชี่ยวชาญเฉพาะของ Samsung ในการมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมให้กับระบบนิเวศ Galaxy เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้ใช้งาน
Circle to Search ฟีเจอร์การค้นหายอดนิยมที่พัฒนาร่วมกับ Google ช่วยให้การค้นหาสิ่งที่เห็นบนหน้าจอแท็บเล็ตเป็นเรื่องง่าย โดยไม่ต้องสลับแอป เพียงวาดวงกลมล้อมรอบสิ่งที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะได้รับข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
AI Keyboard เปิดใช้งาน Gemini หรือ เรียกผู้ช่วย AI ได้ทันที เพียงแตะปุ่ม Galaxy AI Key บน Book Cover Keyboard เพียงครั้งเดียว หรือจิ้มมุมขวาล่างแล้วลากทแยงมุมขึ้นก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ช่วย AI ยังสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น
Read Aloud ให้ AI ช่วยอ่านบทความให้ฟัง
Best Face ฟีเจอร์ใหม่ที่จะมาช่วยให้ภาพถ่ายกลุ่มออกมาสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเคย โดยสามารถเลือกภาพใบหน้าในช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง รองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเพียงแค่เปิด Motion Photo ก่อนถ่ายรูป
Object Eraser ได้รับการอัปเกรดใหม่ ให้ผู้ใช้งานสามารถลบสิ่งของหรือจุดที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย พร้อมด้วยฟีเจอร์ remaster ช่วยปรับรูปภาพให้สีสันสดใสขึ้น ชัดยิ่งขึ้น เช่น ภาพเก่าสมัยรุ่นพ่อแม่
Auto Trim เครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สามารถรวมคลิปวิดีโอจากหลายคลิป เพื่อตัดแล้วรวบรวมแค่เฉพาะไฮไลต์มาเป็นคลิปเดียวได้อย่างลื่นไหล
แบตใหญ่จุใจ ชาร์จไว 45W
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 10,090mAh ซึ่งให้อายุการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับการใช้งานระหว่างเดินทางหลายชั่วโมง และทำงานนอกสถานที่ได้อย่างไร้กังวล อีกทั้งยังรองรับชาร์จเร็ว 45W สามารถเติมพลังงานกลับคืนแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็ว
จากการทดสอบของ Samsung พบว่า Galaxy Tab S10 FE+ สามารถดูวิดีโอออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Netflix และ YouTube จากระดับแบตเตอรี่ 100% จนลดลงเหลือ 10% ได้นานถึง 10 ชั่วโมง 23 นาที โดยใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi และปรับระดับความสว่างหน้าจอ 50% และภายใต้เงื่อนไขการทดสอบเดียวกันของ iPad Air 6 ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ 8 ชั่วโมง 17 นาที
การทดสอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Galaxy Tab S10 FE+ เริ่มต้นด้วยการเปิดดู Netflix นาน 4 ชั่วโมง พบว่าระดับแบตเตอรี่ลดลงจาก 100% เหลือ 70% ขณะที่ระดับแบตเตอรี่ของ iPad Air 6 ลดลงจาก 100% เหลือ 61% จากนั้นทั้งคู่ได้เวลาพัก 1 นาที ก่อนจะเปิดดู YouTube อีก 4 ชั่วโมง พบว่าระดับแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 33% ขณะที่ระดับแบตเตอรี่ของ iPad Air 6 ลดลงเหลือเพียง 14%
ชิป Exynos 1580 ระดับ 4 นาโนเมตร
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Exynos 1580 ที่ถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการ 4nm EUV FinFET รุ่นที่ 3 ประกอบด้วย CPU แบบ Octa-Core ได้แก่ 1x Cortex-A720 ความเร็วสูงสุด 2.9GHz + 3x Cortex-A720 ความเร็วสูงสุด 2.6GHz + 4x Cortex-A520 ความเร็วสูงสุด 1.95GHz
GPU ของ Exynos 1580 (Samsung Xclipse 540) ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้มากถึง 37% เมื่อเทียบกับ Exynos 1480 และยังปรับปรุงการทำงานด้าน AI ด้วย NPU ที่รองรับการทำงานได้มากถึง 14.7 ล้านล้านรายการต่อวินาที
ด้านความจำ Galaxy Tab S10 FE+ ได้รับ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB และสามารถขยายพื้นที่เก็บข้อมูลได้อีกสูงสุด 2TB ผ่านการ์ด MicroSD จากการทดสอบประสิทธิภาพบนแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า Galaxy Tab S10 FE+ ทำได้ 888636 คะแนน โดยจำแนกเป็นคะแนนด้าน CPU ทำได้ 304769 คะแนน, GPU ทำได้ 252901 คะแนน, Memory ทำได้ 150362 คะแนน และด้าน User Experience ทำได้ 180604 คะแนน
กล้องหน้า 12 ล้านพิกเซล (Ultra Wide Camera)
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ ติดตั้งกล้องหลังไว้ในขอบหน้าจอแนวนอน เมื่อใช้สนทนาแบบเห็นหน้าหรือประชุมออนไลน์ จึงให้ประสบการณ์แบบใช้กล้องเว็บแคมของแล็ปท็อป แต่มีความคมชัดกว่าอย่างชัดเจน ด้วยความละเอียด 12 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังเป็นกล้องแบบ Ultra Wide ที่ให้มุมมองกว้างเป็นพิเศษ
โหมดถ่ายภาพ Photo ของกล้องหน้า สามารถซูมได้ 2 ระยะ โดยการแตะที่ไอคอนรูปคนที่ขอบด้านข้าง หากต้องการมุมมองที่กว้างขึ้นหรือระยะที่ไกลขึ้น ให้แตะไอคอนที่มี 2 คน ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนๆ หรือ ถ่ายเซลฟี่พร้อมเก็บความสวยงามของฉากหลัง ขณะที่โหมด Video สามารถบันทึกได้สูงสุด 4K UHD (3840 x 2160) ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล
กล้องหลังของ Samsung Galaxy Tab S10 FE+ มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับโหมดถ่ายภาพ Portrait, Photo, Video, Pro, Pro Video, Night, Food, Panorama, Hyper-lapse และ Single Take
โหมดถ่ายภาพ Photo สามารถปรับระยะการซูมได้จากแถบด้านข้าง ที่มีให้เลือก 1x / 2x / 4x / 8x ขณะที่โหมด Video สามารถบันทึกในความละเอียดสูงสุด 4K UHD (3840 x 2160) ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
สนับสนุนซอฟต์แวร์นาน 6 ปี
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 15 ครอบทับด้วย One UI 7.0 พร้อมสนับสนุนการอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 6 ปี ช่วยเพิ่มความสบายใจสำหรับการใช้งานในระยะยาว และเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยจาก Samsung Knox แพลตฟอร์มความปลอดภัยที่มีระดับการป้องกันหลายชั้นของ Samsung Galaxy สร้างขึ้นเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญป้องกันช่องโหว่ด้วยฮาร์ดแวร์แบบ end-to-end สามารถตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ และมีการป้องกันแบบร่วมกันหลายฝ่าย
สรุปราคาและการจำหน่าย
Samsung Galaxy Tab S10 FE+ ถูกสร้างมาเป็นแท็บเล็ตที่ให้ความรู้สึกเหมือนระดับเรือธง ที่ตอบโจทย์การทำงานสมัยใหม่ สามารถทำงานได้ทุกที่ ไม่จำกัดอยู่แค่ในออฟฟิศ ด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ 13.1 นิ้ว สู้แสงได้ดีด้วยความสว่างสูงสุด 800 นิต พร้อมด้วยอัลกอริทึม Vision Booster แถมปากกา S Pen ที่ใช้งานสะดวก ไม่ต้องชาร์จ ไม่ต้องจับคู่ให้เสียเวลา มีฟีเจอร์และแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น หรือจะใช้ควบคู่กับการเรียนก็รองรับการจดโน้ตด้วยแอประดับโปรอย่าง Samsung Notes ที่มีฟีเจอร์ใหม่ Solve Math สามารถคำนวณโจทย์คณิตศาสตร์ และประมวลผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Samsung Galaxy Tab S10 FE+ ยังมีดีไซน์บางเบา ใช้วัสดุโลหะคุณภาพสูง ป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP68 พร้อมให้การสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์นานอย่างน้อย 6 ปี
Galaxy Tab S10 FE | Tab S10 FE+ เปิดจองแล้ววันนี้ พร้อมโปรโมชันจอง 14 วันเท่านั้น! เมื่อสั่งจองระหว่างวันที่ 10 – 23 เมษายน 2568 https://bit.ly/GalaxyTabS10FE รับฟรี AI Keyboard Cover, Adapter 45W (ไม่รวมสายชาร์จ) และรับฟรี S Pen ในกล่อง มูลค่ารวม 5,280 บาท
Galaxy Tab S10 FE และ Galaxy Tab S10 FE+ เตรียมพร้อมวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 21 เมษายน 2568 ผ่าน samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
· Galaxy Tab S10 FE+ Wifi 12GB + 256GB มาในสีเทา (Gray) ราคา 26,900 บาท
· Galaxy Tab S10 FE+ 5G 12GB + 256GB มาในสีเทา(Gray) ราคา 29,900 บาท
· Galaxy Tab S10 FE Wifi 8GB + 128GB มาในสีฟ้า(Blue) และสีเทา(Gray) ราคา 17,900 บาท
· Galaxy Tab S10 FE 5G 8GB + 128GB มาในสีฟ้า(Blue) และสีเทา(Gray) ราคา 20,900 บาท
#GalaxyTabS10 FE l FE+ #จอใหญ่ม้ากกมัลติทาสก์สบายย #Samsung