Apple อัปเกรด MacBook Air ในปี 2025 ด้วยขุมพลังใหม่จากชิป M4 ที่ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนาน 18 ชั่วโมง ความจำ RAM เริ่มต้น 16GB รองรับจอภาพภายนอกสูงสุด 2 จอ นอกเหนือจากจอภาพในตัว กล้องหน้า 12MP Center Stage มาพร้อมความสามารถด้าน AI จาก Apple Intelligence โดยยังคงมีดีไซน์บางเบา มาในสีสันใหม่สกายบลู และมีราคาถูกลงกว่าเดิมถึง 5,000 บาท โดยยังคงมีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอนั่นก็คือ 13 นิ้วและ 15 นิ้วเช่นเคย ซึ่งครั้งนี้เราจะมารีวิวรุ่นขนาด 13 นิ้วที่ได้รับความนิยมที่สุด
สเปก MacBook Air รุ่น 13 นิ้วชิป M4
- จอภาพ Liquid Retina ขนาด 13.6 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone
- ชิปประมวลผล Apple M4
- หน่วยความจำแบบรวม เริ่มต้นที่ 16GB สามารถอัปเกรดเป็น 24GB หรือ 32GB
- พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ SSD เริ่มต้นที่ 256GB สามารถอัปเกรดเป็น 512GB, 1TB หรือ 2TB
- Magic Keyboard มาพร้อม Touch ID และ แทร็คแพด Force Touch
- กล้อง 12MP Center Stage
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3
- พอร์ตชาร์จ MagSafe 3, Thunderbolt 4 / USB 4 (2 ช่อง), ช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- ลำโพง 4 ตัว รองรับระบบเสียง Spatial Audio เมื่อเล่นเพลงหรือวิดีโอที่มาพร้อม Dolby Atmos
- ไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมบีมฟอร์มมิ่งตามทิศทางของเสียง
- แบตเตอรี่ Lithium Polymer 53.8Wh
- สตรีมวิดีโอนานสูงสุด 18 ชั่วโมง
- ขนาดตัวเครื่อง 304.1 x 215.0 x 11.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1.24 กิโลกรัม
- มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีสกายบลู, สีมิดไนท์, สีสตาร์ไลท์ และ สีเงิน
แกะกล่อง
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 จัดส่งมาในกล่องสีขาวตามสไตล์ Apple โดยกล่องบรรจุภัณฑ์มีความพิเศษที่ใช้เยื่อไม้ทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามแผนของ Apple ที่ต้องการกำจัดพลาสติกออกจากบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดในสิ้นปี 2025
หลังกล่องบอกระบุสเปกหลัก อย่างชิป M4, หน่วยความจำแบบรวม 16GB, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 256GB ซึ่งเป็นรุ่นที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว ถัดลงมาพิมพ์ชื่อ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ไว้อย่างชัดเจน ตามด้วย QR Code สามารถสแกนเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MacBook Air รุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังบอกข้อมูลของ CPU, GPU, จอแสดงผล, พอร์ตเชื่อมต่อ, ขนาดตัวเครื่อง, น้ำหนัก รวมถึงอุปกรณ์ภายในกล่อง ส่วนขอบกล่องจะถูกซีลด้วยเทปกาว (ที่ขอบด้านบนกับด้านล่าง) เมื่อลอกออกแล้วก็สามารถยกฝากล่องขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
ภายในกล่องจะเห็นว่า MacBook Air รุ่นใหม่ ถูกห่อด้วยซองกระดาษเพื่อป้องกันริ้วรอยระหว่างขนส่ง แถมสาย USB-C เป็น MagSafe 3 (ยาว 2 เมตร) สีเดียวกับตัวเครื่อง พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการชาร์จ, หัวชาร์จสีขาว (USB-C Power Adapter) และซองเอกสารสีขาวที่บรรจุคู่มือ, บัตรรับประกัน และ เอกสารยืนยันการรับรองจาก กสทช.
เฉดสีสันใหม่ ดีไซน์บางเบา
MacBook Air เป็นแล็ปท็อปที่ Apple ให้ความสำคัญในด้านดีไซน์บางเบาเป็นพิเศษมาตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อ 17 ปีก่อน และพัฒนาให้มีความบางลงเรื่อยๆ จนปัจจุบันวัดได้ 11.3 มิลลิเมตร และน้ำหนักก็ลดลงเหลือ 1.24 กิโลกรัม สำหรับรุ่น 13 นิ้ว ซึ่งเป็นสัดส่วนเดียวกับ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้สาวก Apple ตื่นเต้นได้ก็คือสีสันใหม่สกายบลู โดยมาแทนที่สีเทาสเปซเกรย์ที่พบในรุ่นก่อน ขณะที่สีสตาร์ไลท์, สีเงิน และ สีมิดไนท์ ยังคงมีให้เลือกเหมือนเดิม
ทีมงาน @flashfly ได้รับ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว สีสกายบลู มารีวิว ซึ่งมาในโทนสีฟ้าอ่อนแบบเมทัลลิก ที่มีพื้นผิวทอประกายเป็นสีสันแบบไล่ระดับแวววาว เมื่อแสงตกกระทบ Apple กล่าวว่าเป็น “สีที่สวยงามราวกับอยู่บนปุยเมฆ” สำหรับดีไซน์โดยรวมของ MacBook Air ได้รับการยกเครื่องครั้งใหญ่ ตั้งแต่รุ่นที่มาพร้อมชิป M2 ซึ่งเปิดตัวในปี 2022 และยังคงรักษาดีไซน์มาจนถึงรุ่นล่าสุด โดยมีจุดเด่นที่ดีไซน์ขอบหน้าจอให้บางลง ทำให้มีรอยบากที่ขอบด้านบน และมาพร้อมพอร์ตชาร์จ MagSafe 3
ด้านบนของฝาเครื่องมีโลโก้ Apple ติดอยู่กึ่งกลาง
ขอบด้านข้างมีความบาง 11.3 มิลลิเมตร เท่ากับรุ่นก่อน มาพร้อมพอร์ตชาร์จ MagSafe 3 (แถมสายชาร์จ MagSafe สีเดียวกัน) และพอร์ต Thunderbolt 4 (USB-C) จำนวน 2 ช่อง ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 40Gb/s
อีกข้างมีช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
เมื่อเปิดฝาเครื่องขึ้นมา จะพบกับจอแสดงผลขนาด 13.6 นิ้ว ที่มีรอยบากตรงขอบด้านบนสำหรับติดตั้งกล้องหน้า ซึ่งได้รับการอัปเกรดให้มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และรองรับฟีเจอร์ Center Stage
Magic Keyboard ของ MacBook Air รุ่นใหม่ มาพร้อมแบ็คไลท์ที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ เพื่อปรับความสว่างอัตโนมัติ มีแถวปุ่มฟังก์ชั่นความสูงมาตรฐาน และมี Touch ID ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง สำหรับปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือ รวมถึงยืนยันตัวตนเพื่อดาวน์โหลดแอปต่างๆ
แทร็คแพดของ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 มีพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงสามารถใช้คำสั่งนิ้ว Multi-Touch ควบคุมได้อย่างสะดวก และรองรับ Force Touch ที่ไวต่อแรงกด ช่วยให้การควบคุมเคอร์เซอร์มีความแม่นยำ และสามารถรับรู้แรงกดในการคลิกลงน้ำหนัก เร่งความเร็วตามแรงกด รวมถึงการวาดนิ้วที่ไวต่อแรงกด
ข้างใต้หรือส่วนฐานมีแผ่นยางวงกลมติดตั้งไว้ทั้ง 4 มุม ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะเมื่อวาง MacBook Air ไว้บนโต๊ะ
ไม่เพียงแต่ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงและงานประกอบที่พรีเมียม MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 ยังใช้วัสดุรีไซเคิลมากกว่า 55% มากที่สุดในผลิตภัณฑ์ Apple ทั้งหมด โดยตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% แม่เหล็กทุกชิ้นใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% แบตเตอรี่ประกอบด้วยโคบอลต์รีไซเคิล 100% และเป็นครั้งแรกสำหรับ Mac ที่มีการใช้ลิเทียมรีไซเคิลมากกว่า 95% นอกจากนี้ MacBook Air รุ่นใหม่ ยังได้รับมาตรฐานระดับสูงของ Apple ในด้านประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังปลอดสารปรอท สารหน่วงการติดไฟกลุ่มโบรมีน และ PVC
ยกระดับประสิทธิภาพขึ้นอีกขั้นด้วยชิป M4
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ในปี 2025 ถูกยกระดับประสิทธิภาพให้แรงยิ่งขึ้นด้วยชิป M4 ซึ่งเป็น SoC (System on Chip) ที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 มีทรานซิสเตอร์มากกว่า 28,000 ล้านตัว มาพร้อม CPU แบบ 10-core ประกอบด้วย คอร์ด้านประสิทธิภาพ 4 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 6 คอร์
GPU ของชิป M4 ที่ใช้ขับเคลื่อน MacBook Air รุ่นใหม่ เริ่มต้นที่ 8-core และ สูงสุด 10-core รองรับเทคโนโลยีเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์รุ่นที่ 2 ทำให้กราฟิกในเกมสวยงามสมจริง และยังมี Dynamic Caching ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมหาศาลให้กับแอปและเกมระดับโปร ขณะที่หน่วยความจำแบบรวมเริ่มต้นที่ 16GB และอัปเกรดได้สูงสุด 32GB ส่งผลให้ MacBook Air รุ่นชิป M4 มีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นชิป M1 และเร็วขึ้นสูงสุดถึง 23 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด
จากการทดสอบเล่นเกม Resident Evil 3 Remake และ Assassin’s Creed Shadows ที่เพิ่งมาลง Mac AppStore ล่าสุด ก็ถือว่าเล่นเกมได้สบายๆไม่มีการกระตุกให้เห็น แม้ว่าตัวกราฟิกจะไม่สามารถตั้วค่าแบบสูงสุดได้แบบ MacBook Pro ที่ใช้ชิป M4 สูงกว่า แต่ก็พกพาไปเล่นได้ทุกที่อย่างสบายๆเลย
ชิป M4 ยังมาพร้อม Neural Engine แบบ 16-core ที่ทรงพลัง ทำให้การทำงานด้าน AI เร็วขึ้นสูงสุดถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air รุ่นชิป M1 ช่วยเพิ่มความเร็วได้อย่างมาก เมื่อมีการปรับแต่งรูปภาพ หรือใช้ฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนออกจากวิดีโอโดยอัตโนมัติ
จากการทดสอบของ Apple พบว่า MacBook Air รุ่นชิป M4 ให้ประสิทธิภาพการคำนวณสเปรดชีตใน Microsoft Excel เร็วขึ้นสูงสุด 4.7 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 1.6 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ที่ใช้ชิป M1, ตัดต่อวิดีโอใน iMovie เร็วขึ้นสูงสุด 8 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ที่ใช้ชิป M1, ปรับแต่งรูปภาพใน Photoshop เร็วขึ้นสูงสุด 3.6 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air ที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel ที่เร็วที่สุด และเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ที่ใช้ชิป M1, ท่องเว็บได้เร็วขึ้นสูงสุด 60% เมื่อเทียบกับแล็ปท็อป PC ที่มีโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra 7 และการทำงานที่หนักยิ่งขึ้นมีประสิทธิภาพเร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 (CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 8-core, หน่วยความจำแบบรวม 16GB และ SSD ความจุ 256GB) บนแอป Geekbench ทำได้ 3626 คะแนน ในด้าน Single Core และ 14338 คะแนน ในด้าน Multi Core ขณะที่การทดสอบ Geekbench AI ทำได้ 4661 คะแนน ในด้าน Single Precision, 7760 คะแนน ในด้าน Half Precision และ 6244 คะแนน ในด้าน Quantized
ผลทดสอบประสิทธิภาพ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 (CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 8-core, หน่วยความจำแบบรวม 16GB และ SSD ความจุ 256GB) บนแอป Cinebench พบว่า GPU ทำได้ 3396 คะแนน, CPU (Multi Core) ทำได้ 707 คะแนน และ CPU (Single Core) ทำได้ 172 คะแนน
หน้าจอคมชัด
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 มาพร้อมจอแสดงผล Liquid Retina แบ็คไลท์แบบ LED พร้อมเทคโนโลยี IPS ความละเอียด 2560 x 1664 พิกเซล (มีความละเอียดสูงกว่าแล็ปท็อป PC ที่เทียบเคียงกันสูงสุด 2 เท่า) ขนาด 13.6 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 224 พิกเซลต่อนิ้ว ให้สีสันถึง 1 พันล้านสี ความสว่าง 500 นิต รองรับขอบเขตสีกว้างแบบ P3 และเทคโนโลยี True Tone ซึ่งอาศัยใช้เซ็นเซอร์แบบหลายช่องสัญญาณระดับสูง ช่วยในการปรับสีและความเข้มของจอภาพ
ทำงานพร้อมกัน 3 หน้าจอ
ด้วยชิป M4 ทำให้ MacBook Air รุ่นใหม่ในปีนี้สนับสนุนการเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอกระดับ 6K ที่ 60Hz ได้สูงสุด 2 จอ ขณะที่เปิดฝาแล็ปท็อปเอาไว้ และเมื่อรวมกับจอภาพ Liquid Retina ในตัว หมายความว่าผู้ใช้งานสามารถทำงานกับจอภาพได้สูงสุด 3 จอ ในเวลาเดียวกัน ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้หลากหลายผ่านหน้าต่างหลายบาน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชอบขยายพื้นที่เพื่อทำงานแบบ Multitasking สลับไปมาระหว่างแอป หรือเปิดดูเอกสารหลายอย่างพร้อมกัน
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 ใช้แบตเตอรี่ Lithium Polymer 53.8Wh ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง สำหรับรับชมภาพยนตร์ในรูปแบบสตรีมมิ่ง หรือ ท่องเว็บไซต์ผ่าน Wi-Fi ได้นานสูงสุด 15 ชั่วโมง แถมสาย USB-C เป็น MagSafe 3 (ยาว 2 เมตร) สีเดียวกับตัวเครื่อง พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการชาร์จ แต่หัวชาร์จ USB-C Power Adapter มีสีขาว และมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตัวเลือก GPU
MacBook Air รุ่นชิป M4 ที่มี GPU แบบ 8‑core จะได้รับหัวชาร์จ 30W USB-C Power Adapter แต่ถ้าเป็นเวอร์ชันที่มี GPU แบบ 10‑core จะได้รับหัวชาร์จ 35W Dual USB-C Port Compact Power Adapter ซึ่งมีพอร์ต USB-C มาให้ 2 ช่อง สามารถชาร์จ MacBook พร้อม iPhone หรือ อุปกรณ์อื่นได้ในเวลาเดียวกัน
กล้องหน้าใหม่ 12MP Center Stage
กล้องหน้าของ MacBook Air รุ่นชิป M4 ได้รับการอัปเกรดเป็นความละเอียด 12 ล้านพิกเซล จากรุ่นก่อนที่ใช้กล้อง FaceTime HD 1080p ทำให้การบันทึกวิดีโอ รวมถึงการสนทนาแบบเห็นหน้า มีคุณภาพดียิ่งขึ้น
กล้องหน้าของ MacBook Air รุ่นใหม่ ยังรองรับฟีเจอร์ Center Stage ช่วยจัดให้ผู้ใช้งานอยู่กลางเฟรมเสมอในขณะที่เคลื่อนไหวไปรอบๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวผ่าน FaceTime หรือเข้าร่วมการประชุม อีกทั้งยังรองรับ Desk View ที่แสดงให้เห็นทั้งตัวผู้ใช้และมุมมองด้านบนของโต๊ะพร้อมกัน ทำให้การโทรแบบวิดีโอน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับคนที่ต้องการอวดโปรเจ็กต์ DIY ล่าสุด หรือนำเสนองานต้นแบบในที่ทำงาน
ลำโพงและไมโครโฟนคุณภาพสูง
นอกจากจอภาพที่ให้สีสันสวยงามคมชัด MacBook Air รุ่นใหม่ ยังได้รับการติดตั้งลำโพงมาให้ 4 ลำโพง รองรับระบบเสียงเชิงมิติพื้นที่ (Spatial Audio) ให้มิติเสียงแบบ 3D เมื่อฟังเพลงหรือภาพยนตร์ที่มาพร้อม Dolby Atmos และยังมีไมโครโฟน 3 ตัว มั่นใจได้ว่าเสียงของผู้ใช้งานจะดีที่สุด เนื่องจากสามารถปรับเสียงพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไม่ว่าจะโทรคุยแบบเสียงหรือวิดีโอ
การเชื่อมต่อ
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 ได้รับการปรับปรุงมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11ax จาก Wi-Fi 6 เป็น Wi-Fi 6E ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ที่ใช้ชิป M2 พร้อมรองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.3 ที่รวดเร็ว ส่วนการเชื่อมต่อแบบใช้สาย สนับสนุน Thunderbolt 4 (USB-C) ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 40Gb/s และมีมาให้ 2 พอร์ต ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่อาศัยพอร์ต MagSafe และยังมีช่องต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
macOS Sequoia
MacBook Air รุ่นชิป M4 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ macOS Sequoia ตั้งแต่แกะกล่อง ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายอย่างการสะท้อนหน้าจอ iPhone ที่ให้ผู้ใช้โต้ตอบกับ iPhone, แอปบน iPhone และการแจ้งเตือนได้โดยตรงผ่านระบบไร้สายจากบน Mac ขณะที่เบราว์เซอร์ Safari สามารถดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากเว็บไซต์ขึ้นมาแสดงในไฮไลท์ สรุปบทความในตัวอ่านที่ออกแบบมาใหม่ นำวิดีโอมาอยู่กึ่งกลางตรงหน้าในหน้าต่างดูวิดีโอใหม่ รวมถึงให้ผู้ใช้ซ่อนสิ่งต่างๆ ที่รู้สึกว่ารบกวนด้วยการควบคุมการรบกวน
ฟีเจอร์ใหม่ iPhone Mirroring หรือการสะท้อนหน้าจอ iPhone เพื่อดูและใช้งานสิ่งต่างๆที่อยู่บน iPhone ไปแสดงบนเครื่อง Mac ที่สะดวกและง่ายดายยิ่งกว่า AirDrop ไม่ว่าจะเป็นการคัดลอกข้อความจาก iPhone มาวางบน Mac โดยไม่ต้องเอื้อมมือไปหยิบ iPhone รวมถึงลากแล้ววางไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้เลยง่ายๆ โดยขณะใช้งาน iPhone ก็จะถูกล็อคหน้าจอไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวอีกด้วย เพิ่มความสะดวกในการใช้งานร่วมกันอย่างมากอีกด้วย
รองรับ Apple Intelligence
ความจริงแล้ว MacBook Air ทุกรุ่นที่ใช้ชิป M1 ขึ้นไป รองรับ Apple Intelligence เมื่ออัปเดตระบบปฏิบัติการเป็น macOS Sequoia แต่เนื่องจาก Apple Intelligence ได้รับการเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ชิป M4 เหมือนถูกสร้างมาเพื่อ Apple Intelligence โดยเฉพาะ และมั่นใจได้ว่าชิป M4 จะช่วยให้การทำงานด้าน AI มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่า MacBook Air ทุกรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้
ผู้ใช้งาน MacBook Air รุ่นชิป M4 ยังสามารถเลือกใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ ChatGPT ผ่านความสามารถในการเข้าถึง ChatGPT ที่ผสานรวมเข้ากับ Writing Tools และ Siri ได้อย่างราบรื่น เพื่อให้ทำสิ่งต่างๆ เสร็จได้เร็วขึ้น และสามารถเข้าถึง ChatGPT ได้ฟรีโดยไม่ต้องสร้างบัญชีใหม่ โดยมั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
สรุปราคาและการจำหน่าย
MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว พร้อมชิป M4 ถูกสร้างมาแทนที่รุ่นชิป M3 ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การอัปเกรดประสิทธิภาพของชิปประมวลผลให้มีความแรงมากขึ้น สามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้อย่างลื่นไหล ดังนั้น การทำงานทั่วไป รวมถึงการทำงานหลายอย่างพร้อมกันแบบเชื่อมต่อจอภาพภายนอก จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับ MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุดในปีนี้
ทั้งนี้ MacBook Air รุ่นชิป M4 พร้อมทำตลาดในประเทศไทยแล้ว โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว ทั้ง 2 ขนาด มาในสีสกายบลู, สีมิดไนท์, สีสตาร์ไลท์ และ สีเงิน
ราคา MacBook Air พร้อมชิป M4 รุ่น 13 นิ้ว
- CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 8-core, RAM ขนาด 16GB, SSD ความจุ 256GB ราคา 34,900 บาท
- CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 10-core, RAM ขนาด 16GB, SSD ความจุ 512GB ราคา 41,900 บาท
- CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 10-core, RAM ขนาด 24GB, SSD ความจุ 512GB ราคา 48,900 บาท
ราคา MacBook Air พร้อมชิป M4 รุ่น 15 นิ้ว
- CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 10-core, RAM ขนาด 16GB, SSD ความจุ 256GB ราคา 42,900 บาท
- CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 10-core, RAM ขนาด 16GB, SSD ความจุ 512GB ราคา 49,900 บาท
- CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 10-core, RAM ขนาด 24GB, SSD ความจุ 512GB ราคา 56,900 บาท