Apple เปิดตัว iPhone 16e สมาชิกใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 16 Series ที่ทรงพลังไม่แพ้กันด้วยขุมพลัง A18 ซึ่งสร้างมาเพื่อ Apple Intelligence ระบบอัจฉริยะส่วนบุคคลที่ใช้ง่าย พร้อมชิปโมเด็ม C1 ระบบเซลลูลาร์รุ่นแรกที่ออกแบบโดย Apple อีกทั้งยังมีกล้อง 48MP Fusion รองรับเทเลโฟโต้ 2 เท่า ซูมได้ด้วยคุณภาพระดับออปติคัล จึงเหมือนมี 2 กล้องอยู่ในตัวเดียว อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อดาวเทียมที่ล้ำสมัยของ Apple และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ
สเปก iPhone 16e
- จอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว
- กล้องหลัง 48MP Fusion ซูมออปติคัล 2 เท่า
- กล้องหน้า 12MP TrueDepth Camera
- ชิป A18 (CPU แบบ 6‑core, GPU แบบ 4-core, Neural Engine แบบ 16‑core)
- ความจุ 128GB, 256GB และ 512GB
- การเชื่อมต่อ 5G (sub‑6 GHz), Gigabit LTE, Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.3, NFC, USB-C (USB 2)
- เซ็นเซอร์ Face ID, Barometer, High dynamic range gyro, High-g accelerometer, Proximity sensor และ Dual ambient light sensors
- การหาตำแหน่ง GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou และ NavIC
- ป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- รองรับการชาร์จไร้สาย (ใช้ร่วมกับที่ชาร์จ Qi)
- ขนาดตัวเครื่อง 146.7 x 71.5 x 7.80 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 167 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ White
แกะกล่อง iPhone 16e
iPhone 16e จัดส่งมาในกล่องสีขาวตามสไตล์ของ Apple หลังกล่องระบุชื่อผลิตภัณฑ์ และบอกรายละเอียดอุปกรณ์ภายในกล่อง โดยมีแถบสติกเกอร์ติดอยู่ที่ขอบกล่อง เป็นการปิดผนึกแทนการซีลด้วยแผ่นพลาสติก เมื่อยกฝากล่องขึ้นมาจะพบกับ iPhone นอนคว่ำหน้าอยู่ และสามารถดึง iPhone ขึ้นมาจากกล่องได้ง่ายๆ จากลิ้นกระดาษที่ยื่นมาจากแผ่นป้องกันรอยหน้าจอ
หลังจากยก iPhone 16e ขึ้นมาจากกล่อง จะพบกับซองเอกสาร พร้อมด้วยเข็มช่วยถอดถาดใส่ซิมการ์ด ส่วนเอกสารต่างๆ ประกอบด้วย คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น การรับประกัน และ เอกสารยืนยันว่าผ่านการรับรองจาก กสทช. ส่วนของแถมอย่างเดียวภายในกล่อง มีเพียงสายชาร์จ USB-C แบบสายถักที่มีความทนทานกว่าเดิม
ดีไซน์สวยงามและทนทาน
ถึงแม้จะเป็นสมาชิกใหม่ของ iPhone 16 Series แต่ดีไซน์โดยรวมของ iPhone 16e มีส่วนคล้ายกับ iPhone 14 มากกว่า โดยใช้กรอบอะลูมิเนียม ด้านหลังแบบกระจก ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้ว แบบมีรอยบากสำหรับติดตั้งระบบกล้อง TrueDepth เพื่อใช้งาน Face ID และมีปุ่ม Action ที่ทันสมัยแบบ iPhone 16
iPhone 16e มาพร้อมจอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี OLED ในดีไซน์แบบขอบจรดขอบ เหมาะสำหรับการรับชมวิดีโอ, เล่นเกม และดูคอนเท้นต์ต่างๆ ด้วยประสบการณ์แบบเต็มหน้าจอ อีกทั้งยังได้รับการป้องกันด้วย Ceramic Shield ที่มีการผสมสูตรใหม่ให้มีความแข็งแกร่งกว่ากระจกบนสมาร์ทโฟนในตลาดปัจจุบัน
รอยบากบนหน้าจอ iPhone 16e นอกจากจะมีระบบกล้อง TrueDepth ยังติดตั้งลำโพงสเตอริโอและไมโครโฟนมาให้ด้วย
กระจกด้านหลังของ iPhone 16e ก็มีความแข็งแกร่งที่สุดในสมาร์ทโฟนปัจจุบันเช่นกัน โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ ส่วนกล้องหลังเป็นระบบกล้อง 2-in-1 มีกล้องตัวเดียว 48MP Fusion แต่สามารถซูมด้วยคุณภาพระดับออปติคัล 2 เท่า
ขอบด้านข้างมีความบาง 7.80 มิลลิเมตร มีจุดเด่นที่ปุ่ม Action แบบเดียวกับ iPhone 16 ถัดลงมาเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
อีกข้างมีปุ่มเพาเวอร์สำหรับปิดเปิดหน้าจอและเรียกใช้งาน Siri และน่าเสียดายที่ยังไม่มี Camera Control มาในรุ่นนี้
ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงสเตอริโอ ไมโครโฟน และ พอร์ต USB‑C มาตรฐาน USB 2 ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 480Mbps (เมกะบิตต่อวินาที)
นอกจากจะใชัวัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม iPhone 16e ยังได้รับการออกแบบมาให้สามารถทนฝุ่น และกันน้ำที่กระเด็นใส่ ในระดับ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ต้านทานน้ำที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
จอแสดงผล OLED ขนาด 6.1 นิ้ว
iPhone 16e ได้รับจอภาพ Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล ขนาด 6.1 นิ้ว ความหนาแน่น 460 พิกเซลต่อนิ้ว มาพร้อมเทคโนโลยี OLED ที่รองรับความสว่างสำหรับคอนเทนต์แบบ HDR สูงสุดถึง 1,200 นิต ให้อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 สนับสนุนการแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) และ ผ่านการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ
ทรงพลังด้วยชิป A18
iPhone 16e ตอบสนองการทำงานและเล่นเกมไดด้อย่างลื่นไหล เนื่องจากได้รับชิป A18 แบบเดียวกับ iPhone 16 แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยที่ GPU โดยชิป A18 ของ iPhone 16e เป็นแบบ 6-core ประกอบด้วย คอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ เหมือนชิป A18 ของ iPhone 16 แต่ได้รับ GPU แบบ 4-core ขณะที่ A18 ของ iPhone 16 ใช้ GPU แบบ 5-core
ถึงแม้จะมีการปรับแต่ง GPU ใหม่ให้มีจำนวน core น้อยกว่า แต่ GPU แบบ 4-core ในชิป A18 ของ iPhone 16e ก็รองรับเทคโนโลยีเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ เพื่อให้การตกกระทบและการสะท้อนแสงถูกต้องแม่นยำ ทำให้ภาพกราฟิกเกมมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น และสามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้อย่างลื่นไหน
ที่น่าสนใจก็คือ iPhone 16e ยังเป็น iPhone รุ่นแรก ที่ได้รับชิป C1 โมเด็มตัวแรกที่ออกแบบโดย Apple โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก Apple Silicon ทำให้ได้ชิปโมเด็มที่ประหยัดพลังงานมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า iPhone 16 ที่มีขนาดหน้าจอเท่ากัน พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับระบบเซลลูลาร์ 5G ที่รวดเร็วและเสถียร
Apple Intelligence
iPhone 16e ถูกสร้างมาเพื่อรองรับระบบอัจฉริยะส่วนบุคคล Apple Intelligence ที่ใช้งานง่าย และมีประโยชน์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นเครื่องมือลบออก หรือ Clean Up ช่วยระบุและลบวัตถุที่รบกวนสายตาออกจากฉากหลังในภาพถ่ายได้ง่ายๆ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว พร้อมเติมฉากหลังที่หายไปได้อย่างแนบเนียน
Apple Intelligence ยังทำให้ iPhone 16e รองรับการค้นหาด้วยภาษาตามธรรมชาติในแอป Photos ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหารูปภาพหรือวิดีโอได้แทบทั้งหมด เพียงแค่อธิบายสิ่งที่ต้องการค้นหา นอกจากนี้ ยังเครื่องมืออีกมากมายที่เป็นส่วนหนึ่งของ Apple Intelligence อาทิ Image Playground, Genmoji รวมถึง Siri ที่ได้รับการอัปเกรดให้ฉลาดมากยิ่งขึ้น
Image Playground ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างภาพเก๋ๆ ได้ในไม่กี่วินาที โดยเลือกจาก 3 สไตล์ที่มีให้ ได้แก่ Animation, Illustration หรือ Sketch นอกจากนี้ Image Playground ยังใช้ง่ายและรวมเป็นส่วนหนึ่งในแอปต่างๆ รวมถึงแอป Messages อีกทั้งยังมีแอปเป็นของตัวเอง ซึ่งเหมาะสำหรับการทดลองแนวคิดและสไตล์ที่แปลกใหม่ โดยที่รูปภาพทั้งหมดจะสร้างขึ้นบนอุปกรณ์ เพื่อให้ผู้ใข้มีอิสระในการทดลองกับภาพจำนวนมากแค่ไหนก็ได้
Genmoji เป็นอิโมจิที่ล้ำไปอีกระดับ เพราะผู้ใช้งานสามารถสร้าง Genmoji ที่ไม่ซ้ำใครเพื่อสื่ออารมณ์ในแบบของตัวเองได้ เพียงแค่พิมพ์คำอธิบายแล้ว Gemonji ก็จะปรากฏขึ้นมาพร้อมด้วยตัวเลือกเพิ่มเติม ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Genmoji ของเพื่อนๆ และครอบครัว โดยอิงตามภาพถ่ายของบุคคลเหล่านั้นได้ และยังสามารถเพิ่ม Genmoji แทรกในบรรทัดของข้อความได้เหมือนอิโมจิ หรือแชร์เป็นสติกเกอร์หรือการโต้ตอบใน Tapback ก็ได้
Siri สนทนาที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น สามารถจับใจความได้ถึงแม้ผู้ใช้งานจะพูดตะกุกตะกัก สามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri ได้ อีกทั้งยังสามารถรักษาบริบทของบทสนทนาแล้วนำไปปรับใช้กับบทสนทนาถัดไปได้ นอกจากนี้ Siri ยังสามารถตอบคำถามมากมายเกี่ยวกับฟีเจอร์และการตั้งค่าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Apple ผู้ใช้งานจึงสามารถเรียนรู้วิธีทำสิ่งต่างๆ อย่างการบันทึกวิดีโอหน้าจอ หรือตั้งเวลาให้ส่งข้อความในภายหลัง
ที่น่าสนใจก็คือ Apple Intelligence ได้ผสาน Siri เข้ากับ ChatGPT ทำให้ Siri ใช้ความสามารถของ ChatGPT ได้โดยตรง ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชัน ช่วยให้ผู้ใช้งานทำสิ่งต่างๆ เสร็จได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูง ด้วยการอำพรางที่อยู่ IP ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลไว้กับ OpenAI และสามารถควบคุมการใช้งานได้ รวมถึงกำหนดได้ว่าจะแชร์ข้อมูลอะไรบ้างกับ ChatGPT
ปุ่ม Action
iPhone 16e ล้ำหน้ากว่า iPhone 15 เนื่องจากได้รับปุ่ม Action แบบเดียวกับ iPhone 16 แทนที่ปุ่มสวิตช์เปิด/ปิดเสียงที่พบใน iPhone รุ่นเก่ากว่า ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเพียงสัมผัสเดียว เช่น สลับระหว่างโหมดเปิดและปิดเสียง, เปิดกล้องหรือไฟฉาย, ค้นหาชื่อเพลงด้วย Shazam, เข้าถึงแอป Voice Memos, แอป Translate, โหมด Focus, Magnifier หรือ แว่นขยาย, ใช้ Shortcuts หรือ คำสั่งลัด และสามารถใช้ปุ่ม Action เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันภายในแอปได้ด้วย ตัวอย่างเช่น เปิดกล้องใน Snapchat, เปิดล็อครถด้วย FordPass และ ติดตามตารางการนอนของลูกด้วย Napper
ปุ่ม Action ของ iPhone 16e ยังรองรับฟีเจอร์ Visual Intelligence ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Apple Intelligence ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานที่ต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เพียงเปิดกล้องแล้วเล็งไปที่สิ่งนั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเล็งกล้องไปที่ร้านอาหารที่อยู่ตรงหน้า ฟีเจอร์ Visual Intelligence จะสามารถบอกเวลาเปิดทำการ รวมถึงรีวิวร้านค้านั้น
Visual Intelligence ยังสามารถสรุปและคัดลอกข้อความ แปลข้อความ ตรวจหาหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมล พร้อมตัวเลือกในการเพิ่มลงในรายชื่อ ระบุชนิดของสัตว์หรือพันธุ์พืช และอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหา Google เพื่อดูว่าจะซื้อสิ่งนั้นได้จากที่ไหน หรือใช้ประโยชน์จากทักษะการแก้ไขปัญหาของ ChatGPT โดยที่ผู้ใช้งานยังคงควบคุมได้ว่าจะใช้เครื่องมือของบริษัทอื่นเมื่อใดและแชร์ข้อมูลอะไรบ้าง
กล้องหลัง 48MP Fusion ซูมออปติคัล 2 เท่า
iPhone 16e ได้รับกล้องหลังตัวเดียว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล Apple เรียกว่ากล้อง Fusion เนื่องจากใช้การประมวลภาพถ่ายเชิงคำนวณในการถ่ายภาพความละเอียดสูงเป็นพิเศษ เพื่อถ่ายภาพให้ออกมาสวยงาม มีความสมดุลทั้งแสงและรายละเอียด อีกทั้งยังเป็นระบบกล้องแบบ 2-in-1 เพราะสามารถใช้เป็นกล้อง Telephoto ในตัว รองรับการซูม 2 เท่า ด้วยคุณภาพระดับออปติคัล
กล้องหลังของ iPhone 16e รูรับแสงขนาด f/1.6 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS รองรับการถ่ายภาพความละเอียดสูงพิเศษ (24 และ 48 ล้านพิกเซล) รวมถึงโหมดพาโนรามา (สูงสุด 63 ล้านพิกเซล) สามารถซูมดิจิทัลได้สูงสุด 10 เท่า หรือ ซูมออปติคัล 2 เท่า โหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมการควบคุมระยะชัดลึก ให้รายละเอียดคมชัดมากขึ้น สีสันสดใสกว่าเดิม และให้ประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น และยังรองรับการจัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ
โหมดกลางคืนยังคงขับเคลื่อนด้วย Photonic Engine ที่เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่รุ่นก่อน ช่วยให้ภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อยมีรายละเอียดที่คมชัด สีสันสดใสมากขึ้น พร้อมด้วย Smart HDR 5 รองรับการถ่ายภาพบุคคลและฉากหลังด้วยการเรนเดอร์โทนสีผิวอย่างถูกต้องสมจริง ขณะที่ส่วนไฮไลท์ของภาพยังคงสว่างสดใส ส่วนมืดโทนมีรายละเอียดครบ และส่วนเงามืดมีความมืดสนิท
โหมดวิดีโอ สามารถบันทึกวิดีโอระดับ 4K ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 6 เท่า มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และปรับปรุงคุณภาพเสียงในวิดีโอด้วยฟีเจอร์การผสมเสียง ทำให้ผู้ใช้มีวิธีปรับแต่งเสียงในวิดีโอมากขึ้น สามารถปรับเสียงหลังจากบันทึกไปแล้ว ให้โฟกัสไปที่เสียงของบุคคลในกล้อง ทำให้เสียงฟังดูเหมือนกับบันทึกในสตูดิโอระดับมืออาชีพ หรือวางตำแหน่งของแทร็คเสียงพูดให้อยู่ด้านหน้า และวางตำแหน่งของเสียงในสภาพแวดล้อมให้เป็นเสียงรอบทิศทาง พร้อมด้วยการลดเสียงลมที่ใช้อัลกอริทึม ML อันทรงพลังในการลดเสียงที่ไม่พึงประสงค์โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เสียงมีคุณภาพดีขึ้น นอกจากนี้ ยังรองรับเสียงเชิงมิติพื้นที่และการบันทึกเสียงแบบสเตอริโอ เพื่อประสบการณ์การฟังที่เต็มอิ่มสมจริง เมื่อฟังด้วย AirPods หรือ Apple Vision Pro
กล้องหน้า 12MP TrueDepth Camera
กล้องหน้าของ iPhone 16e มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/1.9 มาพร้อมระบบออโต้โฟกัสที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะใกล้ได้คมชัดขึ้น และถ่ายภาพหมู่แบบเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม และได้รับเทคโนโลยี Photonic Engine เพิ่มคุณภาพในการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย รองรับ Smart HDR 5 ขณะที่โหมดภาพถ่ายบุคคลของกล้องหน้า ก็ได้รับการปรับปรุงเหมือนกล้องหลัง สามารถปรับจุดโฟกัสได้ในภายหลัง
โหมด Video ของกล้องหน้า สนับสนุนความละเอียด 4K สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที ในแบบ Dolby Vision หรือโหมดสโลว์โมชั่นที่ความละเอียด 1080p สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที พร้อมด้วยฟีเจอร์การผสมเสียง, การลดเสียงลม และ เสียงเชิงมิติพื้นที่และการบันทึกเสียงแบบสเตอริโอ แบบเดียวกับกล้องหลัง
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
iPhone 16e รองรับการเล่นวิดีโอได้นานสูงสุด 26 ชั่วโมง หรือ การเล่นวิดีโอผ่านการสตรีมนานสูงสุด 21 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นการฟังเพลง สามารถให้อายุการใช้งานนานถึง 90 ชั่วโมง ด้านการชาร์จ รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว สามารถชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลาประมาณ 30 นาที ด้วยอะแดปเตอร์ขนาด 20W หรือสูงกว่า (อะแดปเตอร์และแท่นชาร์จไร้สาย ต้องหาซื้อแยกต่างหาก) และรองรับการชาร์จแบบไร้สายสูงสุด 7.5W (ใช้ร่วมกับที่ชาร์จ Qi)
เมื่อเทียบกับ iPhone ที่มีขนาดหน้าจอเท่ากัน 6.1 นิ้ว จะพบว่า iPhone 16e เป็น iPhone ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานที่สุด สามารถเล่นวิดีโอแบบออฟไลน์ได้นานขึ้น 20% และฟังเพลงได้นานขึ้น 12% เมื่อเทียบกับ iPhone 16
สรุปราคาและการจำหน่าย
เดิมที iPhone 16e ถูกคาดหวังว่าจะออกมาแทนที่ iPhone SE รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็น iPhone ราคาประหยัด แต่ท้ายที่สุด Apple ก็เปิดตัวในฐานะน้องเล็กของ iPhone 16 Series ในร่าง iPhone 14 โดยมีจุดเด่นที่ขุมพลังไม่ได้ด้อยไปกว่า iPhone 16 และเป็น iPhone ราคาประหยัดที่สุด ที่รองรับระบบอัจฉริยะส่วนบุคคล Apple Intelligence เหมาะสำหรับเจ้าของ iPhone 11 หรือ iPhone XR ที่กำลังมองหา iPhone เครื่องใหม่ในเวลานี้
iPhone 16e ยังตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการกล้อง 48MP Fusion คุณภาพสูง ไม่ว่าจะถ่ายภาพในสภาพแสงปกติตอนกลางวัน หรือสภาวะแสงน้อยยามค่ำคืน รวมถึงวิดีโอที่ให้เสียงระดับสตูดิโอ และยังรองรับการใช้งานได้ยาวนาน ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานยาวนานที่สุด เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นอื่นที่มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว ทำให้ iPhone 16e เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ของ Apple Intelligence ด้วย iPhone ที่มีราคาประหยัดที่สุด ณ ปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ iPhone 16e ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว และ สีดำ ราคาเริ่มต้น 22,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB, ราคา 26,900 บาท สำหรับรุ่น 256GB และ ราคา 34,900 บาท สำหรับรุ่น 512GB
Apple Trade In
Apple มีหลากหลายวิธีที่จะช่วยประหยัดเงินและอัปเกรดเป็น iPhone รุ่นล่าสุด Apple Trade In ให้เครดิตมูลค่าสูงสุด 3,500 บาท เมื่อลูกค้านำ iPhone 11 มาแลก หรือสูงสุด 4,500 บาท เมื่อลูกค้านำ iPhone 12 มาแลก ลูกค้าสามารถรับสิทธิประโยชน์จากข้อเสนอเหล่านี้ได้โดยไปที่ Apple Store Online หรือ Apple Store หากต้องการตรวจสอบมูลค่าของอุปกรณ์ รวมถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Apple Trade In ลูกค้าสามารถไปที่ apple.com/th/shop/trade-in