Apple ถูกลือว่า จะเปิดตัว Apple Watch Ultra 3 ในเดือนกันยายนปีนี้ และถ้าเป็นเรื่องจริง ก็สามารถคาดหวังได้ว่า Apple Watch Ultra 3 จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายอย่าง เนื่องจากเว้นระยะห่างจากรุ่นก่อน 2 ปี
คาดว่า Apple Watch Ultra 3 ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านดีไซน์จนกว่าจะถึง Apple Watch Ultra 4 แต่จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงภายใน โดยมี 6 ฟีเจอร์ใหม่ ดังต่อไปนี้…
ตรวจจับความดันโลหิต
คาดว่า Apple จะติดตั้งฟีเจอร์ตรวจวัดความดันโลหิตให้กับ Apple Watch Ultra 3 เป็นรุ่นแรก หลังจากใช้เวลาพัฒนามานานหลายปี
ปกติแล้วการวัดความดันโลหิต จะต้องอ่านค่า Systolic (แรงดันของเลือดขณะที่หัวใจกำลังสูบฉีดเลือดที่มีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย) และค่า Diastolic (แรงดันเลือดขณะที่หัวใจคลายตัว) แต่ฟีเจอร์ตรวจวัดความดันโลหิตวของ Apple Watch จะติดตามว่าความดันโลหิตของผู้ใช้งานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือไม่ และถ้าตรวจพบความดันโลหิตสูง จะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานทันที ซึ่งเจ้าของ Apple Watch สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยเพิ่มเติมได้
ปรับปรุงจอแสดงผล
จอแสดงผลของ Apple Watch Ultra 3 จะได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยแบบเดียวกับที่ Apple Watch Series 10 ได้รับในปีที่แล้ว โดยใช้จอแสดงผล LTPO3 OLED ที่ให้ความสว่างมากขึ้น และอัตราการรีเฟรชที่เร็วขึ้น
ชิปรุ่นใหม่
แน่นอนว่า Apple Watch Ultra 3 จะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพขึ้นอย่างมาก หลังจากเว้นระยะห่างจากรุ่นก่อนนาน 2 ปี ซึ่งอาจเรียกว่าชิป S11 ที่ต่อยอดมาจาก S10 ที่ใช้ใน Apple Watch Series 10
รองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม
ผลิตภัณฑ์ของ Apple ในปัจจุบัน มีเฉพาะ iPhone เท่านั้น ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม แต่มีรายงานว่า Apple Watch Ultra 3 จะสามารถรับส่งข้อความผ่านดาวเทียมได้ ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ขาดการติดต่อ เมื่ออยู่ในพื้นที่ไร้สัญญาณมือถือ หรือ Wi-Fi
รองรับ 5G
Apple Watch ในปัจจุบัน ยังรองรับมาตรฐานเครือข่ายมือถือสูงสุด 4G LTE แต่ Apple Watch Ultra รุ่นใหม่ในปีนี้ มีแนวโน้มที่จะรองรับ 5G และจะเปลี่ยนไปใช้ชิปโมเด็มของ MediaTek แทน Intel ซึ่งรองรับ 5G RedCap มาตรฐาน 5G ใหม่ ที่มุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์สวมใส่โดยเฉพาะ รวมถึงอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อข้อมูลความเร็วสูง
ที่น่าสนใจก็คือ Apple เปิดตัวชิปโมเด็ม C1 ที่ออกแบบเองแล้ว ซึ่งนำมาใช้กับ iPhone 16e เป็นรุ่นแรก และมีข่าวลือว่าจะนำมาใช้กับ iPhone 17 อย่างน้อย 1 รุ่น แต่ยังไม่มีข่าวว่าจะนำมาใช้กับ Apple Watch
ดีไซน์ด้านหลังใหม่ ช่วยให้ชาร์จเร็วขึ้น
Apple Watch Ultra 2 มีด้านหลังแบบเซรามิกและคริสตัลแซฟไฟร์ แต่สำหรับ Apple Watch Ultra 3 อาจเปลี่ยนไปใช้ด้านหลังโลหะแบบเดียวกับ Apple Watch Series 10 ซึ่งวัสดุโลหะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่ายมือถือดีขึ้น และชาร์จได้เร็วขึ้นเท่านั้น
นอกจากด้านหลังที่ใช้วัสดุโลหะ Apple Watch Series 10 ยังได้รับการปรับปรุงคอยล์ชาร์จให้ใหญ่ขึ้นและรวมเสาอากาศไว้ในตัว ทำให้สามารถชาร์จได้ถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที ขณะที่ Apple Watch Ultra 2 ใช้เวลา 60 นาที ในการชาร์จถึงระดับ 80%
ที่มา – MacRumors