Redmi เริ่มต้นปี 2025 ด้วยสมาร์ทโฟน Redmi Note 14 Series ซึ่งมีให้เลือก 4 รุ่น Redmi Note 14 Pro+ 5G, Redmi Note 14 Pro 5G, Redmi Note 14 5G และ Redmi Note 14 โดยทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิวพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ Redmi Note 14 Pro+ 5G กับ Redmi Note 14 Pro 5G ทั้งคู่ถูกสร้างมาภายใต้สโลแกน “ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI” ซึ่งมีจุดเด่นที่ระบบกล้อง AI กล้องหลักระดับโปร 200 ล้านพิกเซล อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ AI มากมาย อีกทั้งยังมีสเปกระดับเรือธงทั้งจอแสดงผลถนอมดวงตา 1.5K รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ป้องกันริ้วรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5110mAh ตัวเครื่องป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68
แกะกล่อง
Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G มีสเปกและดีไซน์ที่ใกล้มาก ซึ่งทั้งคู่ก็ถูกบรรจุอยู่ในกล่องสีขาวเหมือนกัน หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพสมาร์ทโฟนในมุมเดียวกัน พร้อมระบุจุดเด่นของกล้องตัวหลัก 200 ล้านพิกเซลเหมือนกัน แต่จุดเด่นรองของแต่ละรุ่นแตกต่างกัน Redmi Note 14 Pro 5G เน้นจอแสดงผลถนอมดวงตา AMOLED ความละเอียด 1.5K ขณะที่ Redmi Note 14 Pro+ 5G เด่นที่ชาร์จเร็ว 120W
หลังจากเปิดกล่อง จะพบซองเอกสารสีขาวที่มีโลโก้ Redmi สีดำ ภายในมีคู่มือฉบับเร่งด่วน ข้อมูลด้านความปลอดภัย แถมเคสมาให้ 1 อัน และ แนบเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย
ใต้ซองสีขาว เป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ซึ่งถูกห่อหุ้มไว้ โดยด้านหน้าซองได้ระบุจุดเด่นของแต่ละรุ่นมาให้ด้วย ส่วนชั้นล่างสุดของกล่องเป็นช่องเก็บสายชาร์จ USB-C และหัวชาร์จ Power Adapter โดย Redmi Note 14 Pro+ 5G ได้รับหัวชาร์จ 120W ส่วน Redmi Note 14 Pro 5G ได้รับหัวชาร์จ 45W สอดคล้องกับความเร็วสูงสุดในการชาร์จที่ทั้งคู่รองรับ
ดีไซน์พรีเมียม ทนทานยิ่งขึ้น
อย่างที่ได้เห็นกันไปแล้วจากการแกะกล่อง Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G มีดีไซน์ที่คล้ายกันมาก ในแง่ของการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ รอบตัวเครื่อง แต่ทั้งคู่ก็มีรายละเอียดบางจุดที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน เริ่มตั้งแต่สีสันของตัวเครื่องที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว
Redmi Note 14 Pro+ 5G มาในสี Lavender Purple โทนสีม่วงอ่อนพร้อมฝาหลังที่มีลวดลายแบบหนัง ขณะที่ Redmi Note 14 Pro 5G ก็มีสี Lavender Purple ให้เลือกเช่นกัน แต่ทีมงาน @flashfly ได้รับสี Coral Green มารีวิว ซึ่งเป็นเฉดสีที่ไม่มีใน Redmi Note 14 Pro+ 5G นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีสี Midnight Black ให้เลือกด้วย ส่วนสี Frost Blue พบได้เฉพาะ Redmi Note 14 Pro+
ดีไซน์โดยรวมของ Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G ได้รับการออกแบบใหม่ให้แตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน มีความหรูหราพรีเมียมมากขึ้น และยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ด้วยโครงสร้าง All-Star Armor Structure เสริมความแข็งแกร่งทั้งตัวเครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์จะสามารถทนต่อการตกกระแทกโดยไม่ตั้งใจ
Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G ต้านทานริ้วรอยได้ดีขึ้นด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 อีกทั้งยังได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำระดับ IP68 ทำให้สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น มีความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวล ให้ประสบการณ์แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธง
มุมมองด้านหน้าของ Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G ดูเหมือนกันทั้งคู่มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาดเท่ากัน 6.67 นิ้ว พื้นที่ขอบจอรอบด้านบางเฉียบ และมีการเจาะหลุมบนหน้าจอสำหรับติดตั้งกล้องหน้าในตำแหน่งเดียวกัน
จอแสดงผลของทั้งคู่ ยังรองรับเทคโนโลยี Wet Touch ที่อัปเกรดเป็น Wet Touch 2.0 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้หน้าจอตอบสนองการสัมผัสและการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น ในขณะที่จอแสดงผลเปียกน้ำ รวมถึงช่วยป้องกันการสั่งงานต่างๆ จากน้ำบนหน้าจอโดยไม่ตั้งใจได้ดีขึ้นอีกด้วย
ถึงแม้ทั้งคู่จะดูคล้ายกันมาก แต่สามารถมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนที่ดีไซน์กล้องหลัง เนื่องจาก Redmi Note 14 Pro+ 5G ใช้แผงสีดำตัดกับสีฝาหลัง ขณะที่กรอบกันชนกล้องหลังของ Redmi Note 14 Pro+ 5G ใช้สีเดียวกับฝาหลัง ทำให้กรอบวงแหวนของโมดูลกล้องและแฟลชเด่นชัดขึ้นมา
ด้านข้างของทั้ง 2 รุ่น ยังใช้ดีไซน์เดียวกัน เน้นกรอบตัวเครื่องที่มีความบางเป็นพิเศษ เนื่องจากขอบมุมของฝาหลังและหน้าจอถูกทำให้โค้งมนมาบรรจบกันที่กรอบตัวเครื่อง โดยติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเพาเวอร์ ไว้ในฝั่งเดียวกัน
มุมมองด้านบนจะพบกับรูไมโครโฟน 2 รู ติดตั้งแยกไว้บริเวณมุมเครื่อง ขยับเข้ามาจะเป็นช่องลำโพง และที่น่าสนใจก็คือ Redmi Note 14 Pro 5G มีเซ็นเซอร์อินฟราเรดติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งไม่พบใน Redmi Note 14 Pro+ 5G
ด้านล่างของทั้งคู่ ประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด ไมโครโฟนตัวหลัก พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ลำโพง ซึ่งชัดเจนว่า Redmi Note 14 Pro+ 5G และ Redmi Note 14 Pro 5G ได้รับลำโพงสเตอริโอ พร้อมรองรับระบบเสียง Dolby Atmos มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพเสียง
Redmi Note 14 Pro+ 5G
มาเริ่มกันด้วยรุ่นท็อปอย่าง Redmi Note 14 Pro+ 5G ชูจุดเด่นที่ระบบกล้อง AI กล้องหลักระดับโปร 200 ล้านพิกเซล, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5110mAh ชาร์จไว 120W, ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 7s Gen 3 ของ Qualcomm, ตัวเครื่องป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68, ป้องกันริ้วรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 และมาพร้อมจอแสดงผลถนอมดวงตา 1.5K รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
สเปก Redmi Note 14 Pro+ 5G
- จอแสดงผล CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง 200 + 8 + 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 7s Gen 3
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR4X) + ROM 512GB (UFS2.2)
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค (AI Face Unlock)
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi, Bluetooth 5.4, NFC, USB-C
- ลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS
- ฟีเจอร์ AI: Circle to Search with Google, Google Gemini, AI Interpreter, AI Notes, AI Recorder, AI Subtitles, AI Film, AI Beautify, AI Erase Pro, AI Image Expansion
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- แบตเตอรี่ 5110mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 120W HyperCharge
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Frost Blue และ Midnight Black
หน้าจอถนอมดวงตา
Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมจอแสดงผล CrystalRes AMOLED ป้องกันหน้าจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 โดยมีความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ให้สีสันคมชัดสมจริงด้วยความลึกสี 12-bit อัตราส่วนคอนทราสต์: 5,000,000:1 ความสว่างสูงสุด 3000 นิต ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 สนับสนุน Dolby Vision, HDR10+ และรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
จอแสดงผลของ Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังถนอมดวงตาด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูงสุด 1920Hz อีกทั้งยังผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ในด้านปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), แสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และการเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly)
แถมรุ่นนี้ยังมีลำโพงคู่ Dual Speker รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการับชม ภาพยนตร์ ซีรีย์เรื่องโปรด รวมการฟังเพลงและเล่นเกมได้เป็นอย่างดี
กล้อง AI ระดับโปร ความละเอียดสูง 200 ล้านพิกเซล
ระบบกล้องหลังถือเป็นข้อได้เปรียบของ Redmi Note 14 Pro+ 5G โดยมีกล้องหลักความละเอียดสูง 200 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.4″ ขนาดพิกเซล 2.24μm 16-in-1 pixel binning ชุดเลนส์ 7P และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล (Optical Image Stabilization) พร้อมด้วยกล้อง Ultra Wide และ Macro จึงสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์
- กล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.65
- กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
แอปกล้องของ Redmi Note 14 Pro+ 5G รองรับโหมดถ่ายภาพ Documents, 200MP, Video, Photo, Portrait, Night, Pro, Panorama, Slow motion, Dual video, Time-lapse และ Long exposure
โหมด Photo สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide ,1x ,2x ,4x และไกลสุดได้ 30x (โหมด 200MP ซูมได้ 2x) เมื่อแตะลูกศรชี้ลง (ในแถบเครื่องมือด้านบน) จะพบกับฟังก์ชันการถ่ายภาพเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น Flash, Aspect ratio, Gridlines, AI camera, Dynamic shots, Macro, Timer, Shutter type, Motion tracking focus, Tilt-shift, Timed burst และ Regular
โหมด Portrait สามารถซูมได้ 2 ระยะ สำหรับการถ่ายภาพบุคคลทั้งตัว หรือ เฉพาะช่วงบน โดยการแตะไอคอนรูปคน และสามารถปรับค่า F เพื่อละลายหรือเบลอพื้นหลังได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังมีโหมด Beauty ช่วยปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้น และมี Filters ให้เลือกหลายแบบ เพื่อเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่าย
ในโหมด 200MP ซูมได้ 2 ระยะ จะได้ภาพถ่ายความละเอียดสูงมากขนาดไฟล์ราวๆ 50MB เลยทีเดียว สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆในภาพได้อย่างครบถ้วนเหมาะสำหรับงานปริ้นขึ้นบิลบอร์ดขนาดใหญ่ได้อย่างสบายๆ
โหมด Night สำหรับถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อย สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x และขยายได้สูงสุด 30x
โหมด Video สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x ถึง 6x เมื่อแตะลูกศรชี้ลง (ในแถบเครื่องมือด้านบน) จะพบกับฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอเพิ่มเติม ซึ่งสามารถตั้งค่าความละเอียดวิดีโอได้ รวมถึงอัตราเฟรม ระบบป้องกันภาพสั่นไหว และ จับโฟกัสแบบติดตามการเคลื่อนไหว
ทั้งนี้ Redmi Note 14 Pro+ 5G รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที โดยมีจุดเด่นที่ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ทำให้ภาพเคลื่อนไหวนุ่มนวลมากขึ้น เมื่อถ่ายวิดีโอขณะเดิน
กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
Redmi Note 14 Pro+ 5G ติดตั้งกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไว้บนจอแสดงผล รองรับโหมดถ่ายภาพ Photo ซึ่งสามารถซูมได้ 2 ระยะ สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่คนเดียว หรือ ถ่ายเซลฟี่มุมกว้างเพื่อเก็บรายละเอียดฉากหลัง รวมถึงถ่ายเซลฟี่ร่วมกับเพื่อนๆ มาพร้อมฟีเจอร์ Beautify ที่ปรับแต่งความงามบนใบหน้าได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง และสามารถใช้แสงสว่างจากหน้าจอทำหน้าที่แทนแฟลชได้ เมื่อถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย
โหมดถ่ายภาพ Portrait ของกล้องหน้า สามารถเบลอพื้นหลังได้ ปรับ Beauty เพิ่ม Filters ได้ ขณะที่โหมด Night ของกล้องหน้า ก็สามารถซูมได้ 2 ระยะ ปรับ Beauty ได้อย่างละเอียดเช่นกัน
สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที สามารถใช้แสงสว่างจากหน้าจอทำหน้าที่แทนแฟลชได้ ปรับ Beauty ได้อย่างละเอียด มี Pro LUTs และ Filters ให้เลือกใช้หลายแบบเหมือนกล้องหลัง เพื่อปรับโทนสีของวิดีโอให้น่าสนใจมากขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่าย
เครื่องมือ AI ขั้นสูง
Redmi Note 14 Pro+ 5G มาพร้อมเครื่องมืออัจฉริยะจากเทคโนโลยี AI ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้การแก้ไขภาพถ่ายหรือตัดต่อวิดีโอเป็นเรื่องง่าย ตัวอย่างเช่น ในคลังภาพประกอบด้วยเครื่องมือ AI Expansion, AI Erase Pro และ AI Film
- AI Expansion ไม่ใช่การขยายขนาดภาพให้ใหญ่ขึ้น แต่เป็นการขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น โดย AI จะช่วยแต่งเติมภาพในส่วนที่ขยายออกมาได้อย่างชาญฉลาด คล้ายกับว่าภาพนั้นถูกครอปตัดมาก่อน แต่ได้รับการแก้ไขให้กลับเป็นภาพเต็มตามเดิม
- AI Erase Pro ช่วยลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพถ่ายได้อย่างแนบเนียน เหมือนไม่เคยมีวัตถุนั้นมาก่อน
- AI Film เครื่องมือตัดต่อวิดีโออย่างง่าย เพียงเลือกวิดีโอที่ต้องการ (สามารถเลือกคลิปวิดีโอได้หลายไฟล์ หากต้องการนำมารวมเป็นคลิปเดียว) จากนั้น ป้อนไอเดียของวิดีโอ แล้วรอให้ AI สร้างวิดีโอในแบบที่ต้องการ
บันทึกย่อ มาพร้อมเครื่องมือ สรุปด้วย AI, เค้าโครง AI, การตรวจสอบด้วย AI และ แปล AI
- สรุปด้วย AI ตัวช่วยสรุปโน้ตยาวๆ พร้อมเน้นจุดสำคัญ
- เค้าโครง AI ช่วยจัดระเบียบโน้ตให้เรียบร้อยเป็นระเบียบอ่านง่าย
- การตรวจสอบด้วย AI ทำหน้าที่เป็นนักพิสูจน์อักษร พร้อมแก้ไขคำผิดให้ด้วย
- แปล AI สามารถระบุภาษาต่างประเทศ และแปลให้อัตโนมัติ
บันทึกเสียง รองรับการถอดเสียงพูดออกมาเป็นข้อความ ซึ่งสามารถระบุเสียงของผู้เข้าร่วมการสนทนาได้อย่างแม่นยำ สามารถแปลคำพูดเป็นภาษาอื่นๆ ที่ต้องการได้้ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ สรุปด้วย AI ที่สามารถเน้นเฉพาะประเด็นสำคัญ เพื่อไว้ใช้อ้างอิงในภายหลัง
การตีความ AI เปรียบเสมือนเป็นล่ามส่วนตัว ช่วยแปลภาษาให้แบบเรียลไทม์ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาด้วยเสียงหรือแบบเห็นหน้า
คำบรรยาย AI สามารถถอดเสียงพูดออกมาเป็นข้อความ คล้ายกับเครื่องมือ AI ในการบันทึกเสียง แต่ทำงานในรูปแบบเรียลไทม์ สามารถเปลี่ยนเสียงเป็นคำบรรยาย 2 ภาษา เหมาะสำหรับการประชุม เรียนออนไลน์ ไปจนถึงเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ใช้งานที่มีปัญหาในการได้ยิน
นอกจากนี้ Redmi Note 14 Pro+ 5G ยังมีฟีเจอร์ AI สุดล้ำ อย่าง Circle to Search ค้นหาข้อมูลที่พบบนหน้าจอได้ทันที เพียงวงกลมล้อมรอบสิ่งที่ต้องการค้นหา รวมถึง Gemini ผู้ช่วย AI คนใหม่ของ Google
ชิป Snapdragon 7s Gen 3
ด้านประสิทธิภาพ Redmi Note 14 Pro+ 5G ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 7s Gen 3 ของ Qualcomm โดยถูกสร้างบนโหนดกระบวนการ 4 นาโนเมตร มาพร้อม CPU ความเร็วสูงสุดถึง 2.5GHz ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเกือบ 20% ขณะที่ GPU ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังมี AI Engine สำหรับขับเคลื่อนการโต้ตอบที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพ AI ที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% นอกจากนี้ ยังประหยัดพลังงานในภาพรวมถึง 12%
มาพร้อมแรม 12GB แบบ LPDDR4X ความจุ 512GB แบบ UFS2.2 จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า Redmi Note 14 Pro+ 5G ทำได้ 725,340 คะแนน
ชาร์จไว 120W HyperCharge
Redmi Note 14 Pro+ 5G มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเป็น 5110mAh (Redmi Note 13 Pro+ 5G มีความจุแบตเตอรี่ 5000mAh) และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge ซึ่งสามารถเติมพลังงานคืนกลับแบตเตอรี่ได้ 100% ในเวลาไม่ถึง 20 นาที แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็ว 120W Power Adapter มาให้แล้วในกล่อง ไม่ต้องซื้อแยกต่างหาก
Redmi Note 14 Pro 5G
Redmi Note 14 Pro 5G มีจุดเด่นหลายอย่างที่คล้ายกับ Redmi Note 14 Pro+ 5G ทั้งระบบกล้อง AI กล้องหลักระดับโปร 200 ล้านพิกเซล, ตัวเครื่องป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68, ป้องกันริ้วรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2, จอแสดงผลถนอมดวงตา 1.5K ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5110mAh ความแตกต่างที่ชัดเจนก็คือ รองรับชาร์จไว 45W และใช้ชิปประมวลผล Dimensity 7300-Ultra ของ MediaTek
สเปก Redmi Note 14 Pro 5G
- จอแสดงผล CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัง 200 + 8 + 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7300-Ultra
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR4X) + ROM 256GB (UFS2.2)
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค (AI Face Unlock)
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi, Bluetooth 5.4, IR Blaster, NFC, USB-C
- ลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS
- ฟีเจอร์ AI: Circle to Search with Google, Google Gemini, AI Beautify, AI Erase Pro, AI Image Expansion
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- แบตเตอรี่ 5110mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 45W Turbo Charging
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Coral Green และ Midnight Black
จอแสดงผลระดับเรือธง
Redmi Note 14 Pro 5G ได้รับจอแสดงผลแบบเดียวกับ Redmi Note 14 Pro+ 5G ด้วยหน้าจอ CrystalRes AMOLED ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ความลึกสี 12-bit อัตราส่วนคอนทราสต์: 5,000,000:1 ความสว่างสูงสุด 3000 นิต ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 สนับสนุน Dolby Vision, HDR10+ และรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
จอแสดงผลของ Redmi Note 14 Pro 5G ยังรองรับเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่ 1920Hz ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ในด้านปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), แสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และการเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly)
แน่นอนว่ารุ่นนี้ยังมีลำโพงคู่ Dual Speker รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการับชม ภาพยนตร์ ซีรีย์เรื่องโปรด รวมการฟังเพลงและเล่นเกมได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน
กล้องหลัง 200 ล้านพิกเซล
ระบบกล้องหลังของ Redmi Note 14 Pro 5G เหมือนถูกยกมาจาก Redmi Note 14 Pro+ 5G ซึ่งหมายความว่าทั้งคู่ มีสเปกกล้องแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง 3 ตัว หรือกล้องเซลฟี่ก็ตาม ดังนั้น Redmi Note 14 Pro 5G จึงมอบประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอ แบบเดียวกับที่ผู้ใช้งาน Redmi Note 14 Pro+ 5G ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพความละเอียดสูง 200 ล้านพิกเซล โหมดถ่ายภาพซูมได้สูงสุด 30x ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K 30fps
- กล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.65
- กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
กล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าก็เช่นกัน Redmi Note 14 Pro 5G ได้รับกล้องหน้าเหมือนกับ Redmi Note 14 Pro+ 5G ทุกประการ โดยวางกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซล ไว้ในหลุมบนหน้าจอ รองรับโหมดถ่ายภาพ Photo ซึ่งสามารถซูมได้ 2 ระยะ สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที ส่วนกล้องหลัง ถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิป Dimensity 7300-Ultra
จุดที่ทำให้ Redmi Note 14 Pro 5G กับ Redmi Note 14 Pro+ 5G มีความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือชิปประมวลผล โดย Redmi Note 14 Pro 5G ได้รับชิป Dimensity 7300-Ultra ของ MediaTek ถูกสร้างบนโหนดกระบวนการ 4 นาโนเมตร ประกอบด้วย CPU แบบ Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.5GHz และ GPU: Mali-G615 MC2 มาพร้อมแรม 12GB แบบ LPDDR4X ความจุ 256GB แบบ UFS2.2
จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า Redmi Note 14 Pro 5G ทำได้ 676,486 คะแนน ใกล้เคียงกับรุ่นพี่
ชาร์จไว 45W Turbo Charging
Redmi Note 14 Pro 5G มีความจุแบตเตอรี่ 5110mAh เท่ากับ Redmi Note 14 Pro+ 5G แต่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W Turbo Charging และแถมอุปกรณ์ชาร์จเร็ว 45W Power Adapter มาให้แล้วในกล่อง
สรุปราคาและการจำหน่าย
Redmi Note 14 Pro 5G และ Redmi Note 14 Pro+ 5G มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก ทั้งดีไซน์ และ ประสบการณ์การถ่ายภาพ ในแง่ของดีไซน์ ไม่เพียงมีความสวยงามพรีเมียม แต่ยังทนทานมากยิ่งขึ้น และยังถ่ายภาพได้อย่างโดดเด่นสมกับสโลแกน “ปังทุกช็อต เป๊ะด้วย AI” ซึ่งแน่นอนว่าทั้งคู่ มาพร้อมเครื่องมือ AI ที่ช่วยให้การแก้ไขภาพและตัดต่อวิดีโอเป็นเรื่องง่าย จึงไม่น่าแปลกใจที่ทั้งคู่ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์คนรักการถ่ายภาพโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ในด้านประสิทธิภาพ Redmi Note 14 Pro+ 5G ทำได้ดีกว่า อีกทั้งยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% ได้เร็วกว่า
การวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
- Redmi Note 14 Pro+ 5G รุ่นความจุ 12GB+512GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Frost Blue และ Midnight Black7 พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2568 โดยวางจำหน่ายในราคา 14,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าสั่งซื้อ Redmi Note 14 Pro+ 5G ในระหว่างวันที่ 11 – 17 มกราคม 2568 รับฟรี Redmi Note 14 Series x BamBam Exclusive Gift Set และประกัน VIP Service มูลค่ารวม 13,790 บาท9
- Redmi Note 14 Pro 5G รุ่นความจุ 12GB+256GB8 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Lavender Purple และ Coral Green7 โดยวางจำหน่ายในราคา 11,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi Note 14 Pro 5G ในระหว่างวันที่ 11 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 รับฟรี Redmi Watch 5 Active และประกัน VIP Service มูลค่ารวม 11,290 บาท9