iQOO ส่งสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดในไทยช่วงปลายปีสำหรับ iQOO 13 5G ซึ่งเป็นทายาทของ iQOO 12 5G ที่เปิดในปลายปีที่แล้ว โดยมีการอัปเกรดรอบด้านตั้งแต่ดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยไฟ Monster Halo ใช้ชิปเรือธงรุ่นล่าสุดของ Qualcomm พร้อมชิปกราฟิก Q2 จอแสดงผลมีความละเอียดสูงขึ้น แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น และป้องกันน้ำได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมสโลแกน “เปิดประสบการณ์ที่เหนือกว่า”
สเปก iQOO 13 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.82 นิ้ว อัตรารีเฟรชแบบปรับได้ 1-144Hz
- กล้องหลัก 50MP+กล้อง Telephoto 50MP +กล้อง Ultra Wide 50MP
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Elite
- ความจำ RAM 12GB / 16GB (LPDDR5X Ultra) + ROM 256GB / 512GB (UFS 4.1)
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB / 16GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, NFC, USB Type-C (USB 3.2), OTG
- เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS, GNSS
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Proximity, Ambient Light Sensor, E-compass, Gyroscope, Color Temperature, Flicker Sensor
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (3D Ultrasonic Fingerprint Sensor)
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15 บนพื้นฐาน Android 15
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP69 + IP68
- แบตเตอรี่ 6150mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 120W FlashCharge
- มี 2 สีคือ สีขาว Legend และ สีดำ Alpha
แกะกล่อง iQOO 13 5G
iQOO 13 5G จัดส่งมาในกล่องสีดำ บนฝากล่องมีโลโก้ iQOO วางคู่กับโลโก้ BMW M Motorsport เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันอย่างเหนียวแน่นตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 เพื่อสื่อให้เห็นว่าสมาร์ตโฟนของ iQOO มีประสิทธิภาพสูง ไม่ต่างจากรถสปอร์ตของ BMW
เมื่อเปิดฝากล่องขึ้นมา จะพบกับ iQOO 13 5G ถูกเก็บไว้ในซองที่มีลิ้นช่วยดึงตัวเครื่องขึ้นมาจากถาดรองได้อย่างสะดวก ใต้ถาดรองสมาร์ตโฟนมีเคสใสแถมมาให้ 1 อัน พร้อมด้วยคู่มือ Quick Start Guide รวมถึงข้อมูลสำคัญและบัตรรับประกัน ขณะที่เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด แนบมากับแผ่นกระดาษที่มีภาพรถแข่งของ BMW
ชั้นล่างสุดเป็นช่องเก็บสายชาร์จ และ หัวชาร์จแบตเตอรี่ USB-C Power Adapter รองรับชาร์จเร็ว 120W นอกจากนี้ iQOO 13 5G ยังได้รับการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาแล้ว ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม จึงพร้อมใช้งานทันทีตั้งแต่แกะกล่อง
ดีไซน์พรีเมียมไร้ขีดจำกัด โดดเด่นด้วยไฟ Monster Halo
iQOO 13 5G มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Legend และ สีดำ Alpha ซึ่งทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิวทั้ง 2 สี และพบว่านอกจากสีสัน ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกันด้วย โดยทั้ง 2 สี มีมิติตัวเครื่องด้านกว้างและยาวเท่ากัน แต่สีดำ Alpha มีดีไซน์ที่บางเบากว่าเล็กน้อย
ด้านหลังของ iQOO 13 5G สีขาว Legend ทำมาจากกระจกสีขาวด้าน ให้สัมผัสเรียบเนียน หรูหรา มาพร้อมโลโก้ BMW M Motorsport วางคู่กับโลโก้ iQOO ในแนวตั้ง ขณะที่สีดำ Alpha ได้แรงบันดาลใจมาจาผิวถนนของสนามแข่งรถ ใช้วัสดุไฟเบอร์กลาส น้ำหนักเบา ทนทาน และป้องกันรอยนิ้วมือได้อย่างดี
ดีไซน์ด้านหลังของ iQOO 13 5G ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดีไซน์กล้องหลัง Porthole แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่นก่อน ซึ่งมีขอบกันชนกล้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีมุมโค้งมน แต่ในรุ่นใหม่มีการเพิ่มความโดดเด่นให้กับกรอบโมดูลกล้องหลังด้วยไฟ Monster Halo สามารถปรับสีสันและรูปแบบการเปล่งแสงได้หลากหลาย
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จะเห็นว่า iQOO 13 5G มีการย้ายตำแหน่งไฟแฟลชเข้าไปรวมในโมดูลกล้อง ขณะที่ iQOO 12 5G ติดตั้งไฟแฟลชไว้ข้างนอก
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.82 นิ้ว ดีไซน์ขอบหน้าจอบางเฉียบเท่ากันรอบด้าน ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.87% และวางหน้ากล้องเซลฟี่ 32 ล้านพิกเซลไว้บนหน้าจอ
iQOO 13 5G รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ โดยใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic สามารถปลดล็อตหน้าจอได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 0.12 วินาที แน่นอนว่าเร็วกว่ารุ่นก่อนที่ใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบออปติคัล
ขอบด้านข้างใช้กรอบโลหะ มีความบาง 7.99 มิลลิเมตร สำหรับสีดำ Alpha (สีขาว Legend บาง 8.13 มิลลิเมตร)
ปุ่มปรับระดับเสียงกับปุ่มเพาเวอร์ ติดตั้งไว้ในฝั่งเดียวกัน ทำให้อีกฝั่งถูกปล่อยให้เรียบ มีเพียงเส้นเสาอากาศ
มุมมองด้านบน มีช่องลำโพง (ให้เสียงสเตอริโอเมื่อขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านล่าง) และ ไมโครโฟนตัวที่ 2
ด้านล่างพบลำโพงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C (USB 3.2), ไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด
นอกจากนี้ iQOO 13 5G ยังได้รับการปรับปรุงความทนทานให้ดีขึ้นอย่างมาก จากรุ่นก่อนที่ป้องกันฝุ่นและน้ำได้ในระดับ IP64 เท่านั้น ในรุ่นใหม่ สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้สูงสุด IP68 และ IP69 หมายความว่า iQOO 13 5G สามารถต้านทานฝุ่นได้เต็มรูปแบบ ทนน้ำได้นาน 30 นาที ที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร รวมถึงน้ำที่มีความร้อนสูง
จอแสดงผล 2K 144Hz Ultra Eye-care Display
iQOO 13 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 2K (3168 x 1440 พิกเซล) ขนาด 6.82 นิ้ว ให้อัตราส่วนภาพ 19.8:9 ความหนาแน่นของพิกเซล 510 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จะพบว่าจอแสดงผลของ iQOO 12 5G มีความละเอียด 1.5K (2800 x 1260 พิกเซล) ขนาด 6.78 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 452 PPI ทำให้จอแสดงผลของ iQOO 13 5G มีความคมชัดเพิ่มขึ้น ด้วยความละเอียดสูงขึ้นขณะที่มีขนาดหน้าจอใกล้เคียงกัน
จอแสดงผลของ iQOO 13 5G ยังมีความลึกสี 1.07 พันล้านสี ให้ขอบเขตสี P3 อัตราคอนทราสต์สูง 8000000:1 ความสว่างสูงสุด 1800 นิต (ความสว่างสูงสุดเฉพาะส่วน 4500 นิต) รองรับอัตรารีการเฟรชแบบปรับได้ 1Hz ถึง 144Hz ด้วยเทคโนโลยี LTPO วัสดุเปล่งแสง Q10 อีกทั้งมีเทคโนโลยีใหม่สำหรับปกป้องดวงตา โดยการลดแสงสะท้อนบนหน้าจอ ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland และเทคโนโลยี PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 2592Hz ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา เมื่อจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน
Monster Halo Light
จุดที่ทำให้ iQOO 13 5G โดดเด่นกว่ารุ่นก่อน คือ มาพร้อมเอฟเฟกต์แสงไฟ RGB แบบไดนามิก Monster Halo Light ที่ฝังอยู่ในกรอบกล้องหลัง สามารถปรับแต่งเอฟเฟกต์ไดนามิกได้ 6 แบบ (ไฟกะพริบ, ไฟวิ่ง) และผสมสีได้ 12 แบบ รวมแล้วสามารถผสานเอฟเฟกต์แสงได้มากถึง 72 แบบ
ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าให้ Monster Halo Light เปล่งแสงขึ้นมา เมื่อมีสายเรียกเข้า, ได้รับการแจ้งเตือน, การชาร์จ, ฟังเพลง, บูตเครื่อง และสามารถปรับแต่งเอฟเฟกต์แสงตามสถานการณ์การเล่นเกมที่แตกต่างกัน
ชิปเรือธง Snapdragon 8 Elite พร้อมชิปกราฟิก Q2
iQOO 13 5G ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพให้แรงกว่ารุ่นก่อน โดยใช้ Snapdragon 8 Elite ชิปประมวลผลระดับเรือธงรุ่นล่าสุดของ Qualcomm ซึ่งอัปเกรดมาจาก Snapdragon 8 Gen 3 ที่พบใน iQOO 12 5G และทำให้ iQOO 13 5G เป็นสมาร์ตโฟนกลุ่มแรกในไทย ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 8 Elite
ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite สร้างขึ้นบนกระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร ของ TSMC ที่มี CPU Oryon แบบ 64-bit 8‑core ประกอบด้วย คอร์ด้านประสิทธิภาพ Prime-core (2‑core) สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุด 4.32GHz และ Performance-core (6‑core) ความเร็วสูงสุด 3.52GHz พร้อม GPU ใหม่ Adreno 830 ที่ให้ประสิทธิภาพดีขึ้นสูงสุด 40% จัดการพลังงานดีขึ้น 40% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
iQOO 12 5G มาพร้อมชิปประมวลผลกราฟิก Q1 แต่ช่วงเวลาที่เว้นวรรคไป 1 ปี ก็ทำให้ iQOO 13 5G ได้รับการอัปเกรดด้วยชิป Q2 ซึ่งสามารถเพิ่มความละเอียดของเกมได้ในระดับ 2K และแทรกเฟรมเรตได้ 144 เฟรมต่อวินาที ทำให้กราฟิกเกมลื่นไหลคมชัดเทียบเท่าการเล่นเกมบน PC
ด้านความจำ iQOO 13 5G ที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว มีขนาด RAM 16GB (LPDDR5X Ultra) จับคู่กับ ROM 512GB (UFS 4.1) และสามารถยืมความจุ ROM มาใช้เป็นความจำ RAM ชั่วคราวได้สูงสุด 16GB จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 32GB ทำให้การใช้งานราบรื่น ไม่ว่าจะเปิดแอปพร้อมกันหลายแอป และสลับการใช้งานแต่ละแอป
จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า iQOO 13 5G ทำได้ 2,774,625 คะแนน ขณะที่การทดสอบด้าน Multi Core จากแอป Geekbench 6 ทำได้ถึง 9,363 คะแนน และ 2,958 คะแนน สำหรับ Single Core ทิ้งห่างเรือธงหลายรุ่นในตลาด
ระบบระบายความร้อน 7K VC
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ iQOO 13 5G มีประสิทธิภาพสูง นอกเหนือจากชิปเรือธง Snapdragon 8 Elite ยังมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่มีขนาดใหญ่ 7000 ตารางมิลลิเมตร ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่เมนบอร์ดจนถึงโมดูลกล้อง ซึ่งใหญ่ขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนที่มีขนาด 6000 ตารางมิลลิเมตร
นอกจากนี้ iQOO 13 5G ยังได้รับการออกแบบมาให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ด้วยกรอบตัวเครื่องอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับอากาศยาน ซึ่งสามารถกระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ที่มีความแม่นยำสูง สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน เพื่อปรับการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย
ตอบโจทย์เกมเมอร์
GPU ในชิป Snapdragon 8 Elite ได้รับการปรับปรุงเทคโนโลยี Ray Tracing ให้ดีขึ้น 35% ช่วยให้การเล่นเกมบน iQOO 13 5G สามารถเรนเดอร์กราฟิกแบบเรียลไทม์ให้ออกมาสมจริงเป็นธรรมชาติทั้งแสงและเงา ผสานกับชิปประมวลผลกราฟิก Q2 ยิ่งช่วยให้กราฟิกเกมมีความละเอียดสูงขึ้นถึง 2K และยังให้กราฟิกที่ลื่นไหลด้วยเทคโนโลยีแทรกเฟรมเรตได้สูงสุด 144 เฟรมต่อวินาที
นอกจากนี้ iQOO 13 5G ยังมี Ultra Game Mode ที่ช่วยยกระดับการเล่นเกมขึ้นไปอีกขั้น รับรองว่าถูกใจเกมเมอร์อย่างแน่นอน ประกอบด้วย Frame-rate Aware Technology, Game Priority Scheduling, FPS Meter for Frame Rate Display และ High Native Frame Rate / High-quality Mode
- Frame-rate Aware Technology ช่วยปรับความเร็วในการประมวลผลของตัวเครื่องให้เหมาะสมกับ การเล่นเกมในแต่ละช่วงเวลา ทำให้เกมทำงานได้อย่างลื่นไหลไม่กระตุก และประหยัดพลังงานมากขึ้น
- Game Priority Scheduling ให้ความสำคัญกับการเล่นเกมมากกว่าแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่เปิดทิ้งไว้ เพื่อประมวลผลการเล่นเกมเป็นลำดับแรก
- FPS Meter for Frame Rate Display แสดงผลอัตราเฟรม (FPS) แบบเรียลไทม์ระหว่างเล่นเกม ช่วยให้เกมเมอร์เห็นความลื่นไหลของเกมตลอดเวลา
- High Native Frame Rate / High-quality Mode เร่งประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้อยู่ในระดับสูงสุด เพื่อให้อัตราเฟรมสูงและเสถียรขึ้น พร้อมปรับปรุงคุณภาพกราฟิกให้สวยงามสมจริงยิ่งขึ้น สำหรับเกมที่กำลังได้รับความนิยม
ด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใหม่ ทำให้ iQOO 13 5G รองรับการเล่นเกม Genshin Impact และ PUBG Mobile ในความละเอียดสูง 2K ขณะที่เกมยอดนิยมอื่นๆ ก็ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น PUBG New State, Call of Duty: Mobile, Free Fire MAX, CarX Drift Racing 2, Asphalt 9: Legends, Clash of Clans, Rise of Kingdoms, Lords Mobile, Diablo Immortal, Honkai Impact 3rd, Marvel Contest of Champions, Shadow Fight 3, RAID: Shadow Legends, Brawl Stars, Mobile Legends, Farlight 84, Real Cricket 22 และ eFootball 2024
แบตใหญ่ 6150mAh รองรับการชาร์จแบบ Bypass
iQOO 13 5G ให้อายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ด้วยการอัปเกรดความจุแบตเตอรี่เป็น 6150mAh เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนที่มีความจุ 5000mAh ทำให้ iQOO 13 5G เป็นสมาร์ตโฟนของ iQOO ที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จนสามารถรับชมวิดีโอได้นานสูงสุด 22.6 ชั่วโมง และที่น่าสนใจก็คือ ถึงแม้จะมีแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น แต่ iQOO 13 5G ยังคงมีรูปทรงเพรียวบางไม่ต่างจากรุ่นก่อน ซึ่งเป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยี Silicon Negative Electrode ช่วยเพิ่มความหนาแน่นโดยไม่เพิ่มขนาด
นอกจากนี้ iQOO 13 5G ยังรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Bypass ที่จ่ายพลังงานไปยังเมนบอร์ดโดยตรง ไม่ผ่านแบตเตอรี่ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะชาร์จแบตเตอรี่พร้อมกับเล่นเกมไปด้วย ทำให้ตัวเครื่องไม่เกิดความร้อนสูง และช่วยให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพช้าลง สำหรับการชาร์จสมาร์ตโฟนทิ้งไว้ รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 120W สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 1% ถึง 100% ภายในเวลาเพียง 30 นาที โดยแถมหัวชาร์จ 120W Power Adapter มาให้แล้วในกล่อง
กล้องหลัง 3 ตัว 50MP
iQOO 13 5G ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเล่นเกมเพียงอย่างเดียว แต่การถ่ายภาพก็ทำได้ดีเช่นกัน ด้วยระบบกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 50 ล้านพิกเซล ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Telephoto และ กล้อง Ultra Wide พร้อมปรับปรุงดีไซน์ใหม่ ย้ายไฟแฟลช LED มารวมไว้ในกรอบเดียวกัน ทำให้ดีไซน์กล้องหลังดูสมมาตรยิ่งขึ้น
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX921 ขนาด 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง f/1.88
- กล้อง Telephoto 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX816 ขนาด 1/2.93 นิ้ว รูรับแสง f/1.85 ซูมออปติคอล 2 เท่า
- กล้อง Ultra Wide 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.76 นิ้ว รูรับแสง f/2.0
กล้องหลังของ iQOO 13 5G รองรับโหมดถ่ายภาพ Snapshot, Night, Portrait, Photo, Video, High Resolution, Pano, Ultra HD Document, Slo-mo, Time-lapse, Long Exposure, Supermoon, Astro, Tilt-shift, Pro, Fisheye และ Live Photo
โหมด Photo รองรับการซูมตั้งแต่ 0.6x ซึ่งเป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultrawide และซูมได้สูงสุด 30x แบบดิจิตัล สามารถเพิ่ม Styles (มีสไตล์ภาพขาวดำและวินเทจให้เลือก) และมี Filters ที่หลากหลาย ขณะที่แถบเครื่องมือด้านบน มีไอคอนสำหรับปรับภาพถ่ายในแบบที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น Vivid, Textured และ Natural อีกทั้งยังมีโหมด Super Macro (ไอคอนรูปดอกไม้) สำหรับถ่ายภาพใกล้วัตถุ
โหมด Portrait จะเปลี่ยนช่วงของการซูมเป็นระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส ตั้งแต่ 24 มม., 35 มม., 50 มม., 100 มม. โดยมี Style ให้เลือกมากกว่าโหมด Photo พร้อมฟีเจอร์ Beauty ช่วยปรับความงามบนใบหน้า และมีฟีเจอร์ปรับค่า F สำหรับละลายฉากหลัง เลือกเอฟเฟกต์ Bokeh ได้ 3 แบบ
โหมด Night รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6x จนสูงสุด 30x แถบเครื่องมือด้านบนมีฟีเจอร์ Long Exposure พร้อมเทมเพลตสำหรับการถ่ายภาพแบบเปิดรับแสงเป็นเวลานานพิเศษตามฉากต่างๆ ถัดมามีฟีเจอร์ Supermoon สำหรับถ่ายภาพดวงจันทร์ในยามค่ำคืนโดยเฉพาะ และยังมีฟีเจอร์ AR สามารถแทรกภาพ AR บนภาพถ่ายท้องฟ้าได้
โหมด Snapshot เหมาะสำหรับการถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว เช่น ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่พบเห็นโดยบังเอิญ หรือ อยากเก็บช่วงเวลาที่สำคัญที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ช่วยให้ผู้ใช้งาน iQOO 13 5G สามารถถ่ายภาพแนวสตรีทได้อย่างง่ายดาย
โหมด Video รองรับการซูมตั้งแต่ 1x แต่ซูมได้สูงสุด 10x สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุด 8K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีเครื่องมือช่วยปรับแต่งโทนภาพของวิดีโออย่าง Movie LUTs และ Filters พร้อมด้วยฟีเจอร์ Beauty และสามารถเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวบุคคลในวิดีโอด้วยเอฟเฟกต์ Bokeh ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังให้เป็นดวงไฟโบเก้อย่างธรรมชาติ
กล้องหน้า 32MP
กล้องหน้าของ iQOO 13 5G ยังคงถูกซ่อนไว้ในหลุมบนหน้าจอ แบบเดียวกับรุ่นก่อน แต่ได้รับการอัปเกรดให้มีความละเอียดสูงขึ้นเป็น 32 ล้านพิกเซล (จาก 16 ล้านพิกเซล ที่พบใน iQOO 12 5G) โดยมีขนาดรูรับแสง f/2.45 มาพร้อมโหมด Photo ที่มีฟีเจอร์เหมือนกับกล้องหลังทั้ง Styles และ Filters
โหมด Portrait ของกล้องหน้ามี Style หลายแบบสำหรับปรับภาพพอร์ตเทรตให้โดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับความงามบนใบหน้าอย่างละเอียดครอบคลุมทุกโซนบนใบหน้า รวมถึง Makeup เสริมความงามได้ตามเทมเพลตที่ต้องการ และสามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่รุ่นก่อนรองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Movie LUTs, Filters, Beauty และเอฟเฟกต์ Bokeh สำหรับถ่ายวิดีโอในรูปแบบพอร์ตเทรต
ตัวอย่างภาพถ่าย
วางจำหน่ายแล้ววันนี้
เรียกได้ว่าคุ้มค่าแห่งการรอคอยสำหรับสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย iQOO ที่ออกรุ่นใหม่ปีละครั้งอย่าง iQOO 13 5G ที่ถูกสร้างมาแทนที่ iQOO 12 5G ในปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะขุมพลัง Snapdragon 8 Elite จาก Qualcomm ที่มีความแรงแถมประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม ผสานกับชิปกราฟิก Q2 ช่วยให้การเล่นเกมมีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมปรับปรุงระบบระบายความร้อน ขยายขนาดแบตเตอรี่ รองรับการชาร์จแบบ Bypass ปรับปรุงจอแสดงผลให้มีความละเอียดสูงขึ้น และยังเพิ่มเอฟเฟกต์ไฟ Monster Halo ส่งผลให้ iQOO 13 5G เป็นเกมมิ่งสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาด เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนเครื่องใหม่เป็นของขวัญให้ตัวเองในช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปี
iQOO 13 5G เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา ช่องทางออนไลน์ Shopee Lazada TikTok Shop และ Thisshop รวมถึงหน้าร้าน vivo และตัวแทนจำหน่าย Banana IT City Jaymart TG ทั่วประเทศ
- 12GB + 256GB ในราคา 27,900 บาท
- 16GB + 512GB ในราคา 30,900 บาท
โปรโมชันและของสมนาคุณ ดังนี้
1. ประกัน E-VIP ประกันตัวเครื่อง 2 ปี และประกันหน้าจอแตก 2 ปี จำนวน 1 ครั้ง (มูลค่า 10,999 บาท)
2. พิเศษ! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อภายในวันที่ 4 ธ.ค. 67 – 12 ธ.ค. 67 ชำระเพิ่มเพียง 1,000 บาท เพื่ออัปเกรดความจุเป็น 16GB + 512GB
3. โปรโมชันเก่าแลกใหม่ รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินสูงสุด 8,000 บาท