เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ realme GT 7 Pro สุดยอดสมาร์ตโฟนแฟลกชิปที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี AI จนเรียกได้ว่าเป็น “The Dark Horse of AI” อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในไทย ที่มาพร้อม Snapdragon 8 Elite ชิปเรือธงรุ่นล่าสุดของ Qualcomm ซึ่งเป็นชิปประมวลผลบนมือถือที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังได้รับจอแสดงผลใหม่ Eco² OLED Plus แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6500mAh ชาร์จไว 120W และกล้องหลังระดับมืออาชีพ ที่สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้ด้วย
สเปก realme GT 7 Pro
- จอแสดงผล 8T LTPO + Eco² OLED Plus ความสว่างสูงสุด 6500 นิต
- กล้องหลัก 50MP AI Camera (Sony IMX906 + OIS)
- กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Elite
- ความจำ RAM (LPDDR5X) สูงสุด 12GB + ROM (UFS 4.0) สูงสุด 512GB
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, 360° NFC, Dual Band GPS L1 + L5
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (Ultrasonic Fingerprint Sensor)
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 6.0 (บนพื้นฐาน Android 15)
- แบตเตอรี่ 6500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 120W SUPERVOOC
- ขนาดตัวเครื่อง 162.45 x 76.89 x 8.55 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 222.8 กรัม
แกะกล่อง realme GT 7 Pro
realme GT 7 Pro ถูกแพ็คไว้ในกล่องสีดำ หน้ากล่องติดชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน พร้อมสัญลักษณ์ AI ที่มุมบน ซึ่งเป็นอีกจุดเด่นของเรือธงรุ่นนี้ ตามสโลแกน “The Dark Horse of AI” ม้ามืดแห่ง AI และยังมีจุดเด่นอีก 4 รายการ ที่ระบุไว้บนหลังกล่อง ได้แก่ ชิปประมวลผลระดับเรือธงรุ่นล่าสุดของ Qualcomm, กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล และ กล้อง Telephoto ซูม 3 เท่า, จอแสดงผล LTPO AMOLED ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz และ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6500mAh รองรับชาร์จไว 120W
ภายในกล่องจะพบกับสมาร์ทโฟน realme GT 7 Pro ถูกพันไว้ด้วยแผ่นกระดาษ โดยมีการระบุตำแหน่งสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งใช้เซ็นเซอร์แบบ Ultrasonic ที่มีความแม่นยำและอ่านลายนิ้วมือได้รวดเร็ว พร้อมติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้ว นอกจากนี้ ยังแถมเคสมาให้ด้วย รวมถึงคู่มือ, เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด, สายชาร์จ และ หัวชาร์จ
ดีไซน์จากดาวอังคาร กันน้ำ IP69
realme GT 7 Pro เวอร์ชัน Global ผลิตออกมา 2 สี ได้แก่ Mars Orange และ Galaxy Green แต่ในประเทศไทยจะวางจำหน่ายเฉพาะสีส้ม Mars Orange เท่านั้น ซึ่งเป็นสีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพื้นผิวของดาวอังคาร อีกทั้งยังได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำในระดับสูง IP69 ทำให้ realme GT 7 Pro สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ
มุมมองด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผล AMOLED ขอบมุมโค้ง ขนาด 6.78 นิ้ว ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.8% ด้านบนมีกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล และยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ไว้ใต้หน้าจออีกด้วย
ด้านหลังได้รับกล้อง 3 ตัว วางอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมสีดำ ตัดกับสีส้มของฝาหลังซึ่งมีลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพื้นผิวของดาวอังคาร
ขอบด้านข้างเป็นกรอบอะลูมิเนียมสีทองแดง วัดความบางได้ 8.55 มิลลิเมตร มีปุ่มเพิ่มระดับเสียง ปุ่มลดระดับเสียง และ ปุ่มเพาเวอร์
ด้านบนมีลำโพง และ ไมโครโฟนตัวที่ 2
ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด
จอ 6.78 นิ้ว 120Hz เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Eco² OLED Plus
realme GT 7 Pro ได้รับจอแสดงผลที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Eco² OLED Plus ที่พัฒนาร่วมกับ Samsung ซึ่งให้สีสันที่สวยงามคมชัด มอบความสว่างสูงสุดและใช้พลังงานต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นจอแสดงผล OLED ที่เป็นมิตรต่อดวงตา
จอแสดงผลของ realme GT 7 Pro มีความละเอียด 2780 x 1264 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 450ppi (พิกเซลต่อนิ้ว) มีความลึกสี 1.07 พันล้านสี อัตราส่วนคอนทราสต์ 5000000:1 ให้ขอบเขตสีกว้างพิเศษ DCI-P3 120% พร้อมรองรับ HDR 10+, Dolby Vision และมีความสว่างสูงสุดถึง 6500 นิต โดยให้ความสว่างทั่วไปสูงสุด 1000 นิต และให้ความสว่างสูงสุด 2000 นิต ในโหมด HBM (High Brightness Mode)
จอแสดงผลของ realme GT 7 Pro ใช้เทคโนโลยี 8T LTPO ช่วยให้รองรับอัตราการรีเฟรชแบบไดนามิกระหว่าง 1Hz ถึง 120Hz และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส (Touch Sampling Rate) ที่ 240Hz สำหรับการใช้งานทั่วไป และทำได้สูงสุด 2600Hz เมื่อเล่นเกม นอกจากนี้ ยังรองรับ Full-brightness DC Dimming สามารถลดระดับแสงสว่าง เพื่อมอบความสบายตาให้กับผู้ใช้งานมากที่สุด
ด้านล่างติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ไว้ใต้หน้าจอที่ทำงานได้รวดเร็วแม่นยำกว่าแบบเดิม สามารถสแกนนิ้วได้แม้หน้าจอเปียกน้ำ
เรือธงรุ่นแรกในไทยที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Elite
Qualcomm เปิดตัวชิปประมวลผลเรือธงรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Elite เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา และ realme ก็จัดอยู่ในกลุ่มแรกของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ได้รับชิปรุ่นใหม่ของ Qualcomm มาใช้งาน นั่นทำให้ realme GT 7 Pro ได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite ซึ่งถือเป็นชิปบนมือถือที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันนี้
ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite ถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร ของ TSMC ที่มี CPU Oryon แบบ 64-bit 8‑core ประกอบด้วย คอร์ด้านประสิทธิภาพ Prime-core x2 สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุด 4.32GHz และ Performance-core x6 ความเร็วสูงสุด 3.52GHz
เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อนอย่าง Snapdragon 8 Gen 3 จะพบว่า Snapdragon 8 Elite ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 45% ทั้งในด้าน Single Core และ Multi Core จากการทดสอบด้วยแอป GeekBench อีกทั้ง CPU ของ Snapdragon 8 Elite ยังประหยัดพลังงานมากกว่าชิปรุ่นก่อนถึง 44%
ด้านกราฟิก Snapdragon 8 Elite มาพร้อม GPU ใหม่ Adreno 830 ที่มีสถาปัตยกรรมแบบแบ่งส่วน ช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้นสูงสุด 40% และมอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น 40% เช่นกัน เมื่อเทียบกับ GPU รุ่นก่อน (Adreno 750) นอกจากนี้ยังได้รับการปรับปรุงฟีเจอร์ Snapdragon Elite Gaming ซึ่งรวมเทคโนโลยีล้ำๆ ไว้หลายอย่าง ได้แก่…
- Unreal Engine 5.3 with Nanite ช่วยสร้างสภาพแวดล้อม 3D คุณภาพระดับภาพยนตร์
- Real-time Hardware Accelerated Ray Tracing ช่วยให้แสงและเงาดีขึ้นกว่าเดิม 35%
- Adreno Frame Motion Engine 2.0 เพิ่มอัตราเฟรมของเกมเป็น 2 เท่า โดยส่งผลกระทบต่อพลังงานเพียงเล็กน้อย
- Snapdragon Game Super Resolution 2.0 ยกระดับคุณภาพกราฟิกให้สูงขึ้น
- Qualcomm Adaptive Performance Engine 4.0 ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยจัดการเธรดเกมบนแพลตฟอร์ม Snapdragon
ด้านความจำ realme GT 7 Pro ที่เข้ามาทำตลาดในไทย มีตัวเลือกเดียว ได้รับความจำ RAM สูงสุด 12GB (LPDDR5X) จับคู่กับ ROM สูงสุด 512GB (UFS 4.0) สามารถทำคะแนนการทพสอบประสิทธิภาพจาก AnTuTu ได้ทะลุ 2.7 ล้านคะแนนเลยทีเดียว เรียกได้ว่ามาแรงแซงทุกรุ่นในตลาดจริงๆ
ด้วยชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดในตลาดเวลานี้ทำให้ realme GT7 Prov สามารถเล่นเกมระดับ AAA แบบ PC ได้ จากการทดสอบผ่านอีมูเลเตอร์ด้วยเกม GTA V , Assassin’s Creed Rogue และเกมยอดฮิตอย่าง Final Fantasy VII Remake ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลระดับ 60fps กันได้เลยทีเดียว แม้บางช่วงจะมีการการดรอปอยู่บ้าง แต่ถือว่าไม่เป็นปัญหา ไม่มีอาการกระตุกให้เสียอารมณ์ เพียงแต่ตัวเครื่องจะร้อนมากกว่าปกติ เพราะทั้ง CPU และ GPU ทำงานเกือบจะ 100% ตลอดเวลา แนะนำให้ต่ออุปกรณ์เสริมในการควบคุมการเล่น แถมถ้าต่อออกจอใหญ่ก็กลายเป็นเครื่องคอนโซลขนาดพกพาติดตัวไปได้ทุกที
ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่
นอกจากใช้ชิปที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ realme GT 7 Pro ยังมีระบบระบายความร้อนใหม่ Iceberg VC แบบคู่ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มเรือธง ครอบคลุมพื้นที่ 11480 ตารางมิลลิเมตร ส่งผลให้ realme GT 7 Pro สามารถเล่นเกมที่ต้องใช้กราฟิกหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล โดยไม่ทำให้ประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากควบคุมความร้อนได้เป็นอย่างดี เช่นเกม PUBG ให้อัตราเฟรมสูง 120fps อย่างเสถียร แม้เล่นเป็นเวลาหลายชั่วโมง ขณะที่เกม Genshin Impact สามารถรักษาอัตราเฟรมสูงสุด 60fps โดยที่ตัวเครื่องยังเย็นสบายมือ แตกต่างจากคู่แข่งที่ตัวเครื่องจะเริ่มอุ่นขึ้น เมื่อใช้เวลาเล่นเกมเป็นเวลานานเท่ากัน
ม้ามืดแห่ง AI
นอกจากชิปประมวลผลที่ทรงพลัง realme GT 7 Pro ยังมีซอฟต์แวร์ AI สุดล้ำ จนเรียกได้ว่าเป็น “ม้ามืดแห่ง AI ในอุตสาหกรรม” (The Dark Horse of AI) อย่างเช่นฟีเจอร์ AI Sketch to Image ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์รูปภาพและแก้ไขภาพถ่ายให้ออกมาสวยงามได้อย่างง่ายดาย
AI Sketch to Image เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี Generative AI เข้ามาช่วยเปลี่ยนภาพที่วาดด้วยลายมือ ให้เป็นภาพที่ออกมาสมจริง เพียงเปิดแอป AI Sketch to Image แล้วใช้ปลายนิ้ววาดภาพง่ายๆ จากนั้นเลือกรูปแบบภาพที่ต้องการ แล้วแตะปุ่ม Generate รอสักครู่ ภาพที่วาดด้วยลายมือก็จะเปลี่ยนเป็นรูปภาพเสมือนจริง
แอป AI Sketch to Image ยังสามารถเปลี่ยนภาพวาดหรือภาพที่สเก็ตช์บนแผ่นกระดาษให้เป็นรูปภาพเสมือนจริงได้เช่นกัน เพียงใช้กล้องถ่ายภาพวาดบนแผ่นกระดาษ
เทคโนโลยี Generative AI ใน realme GT 7 Pro ยังทำให้การตกแต่งแก้ไขภาพถ่ายเป็นเรื่องง่าย เพียงเข้าไปในแอป Photos เลือกภาพถ่ายที่ต้องการแก้ไข แตะปุ่ม Edit เลือกเครื่องมือ AI Editor แล้วแตะที่ AI Sketch to Image จากใช้ปลายนิ้ววาดภาพวัตถุที่ต้องเพิ่มลงในภาพถ่าย ด้วยการวาดรูปทรงอย่างง่ายๆ เสร็จแล้วแตะปุ่ม Generate รอสักครู่ AI จะเปลี่ยนภาพวาดให้เป็นวัตถุที่สมจริง ไม่ต้องใช้วิธีตัดต่อภาพแบบเดิมๆ อีกต่อไป
AI Editor ยังมีฟีเจอร์ AI Motion Deblur ช่วยปรับปรุงภาพถ่ายที่มีความเบลอ เช่น ภาพถ่ายคนกำลังวิ่ง หรือ ปั่นจักรยาน ที่จับโฟกัสยัง สามารถใช้เครื่องมือ Unblur ใน AI Editor ช่วยแก้ไขส่วนที่เบลอในภาพถ่ายให้คมชัดขึ้น
นอกจากนี้ AI Editor ยังมีฟีเจอร์ AI Eraser สำหรับลบวัตถุหรือบุคคลออกจากภาพถ่าย พร้อมเติมพื้นหลังที่ถูกลบออกไปพร้อมกับวัตถุได้อย่างแนบเนียน เหมือนไม่เคยผ่านการแก้ไขมาก่อน
ด้านประสบการณ์การเล่นเกม realme GT 7 Pro อาศัยเทคโนโลยี AI Gaming Super Resolution & Frame ทำให้กราฟิกเกมมีคุณภาพมากขึ้น ด้วยการเพิ่มความละเอียด และปรับปรุงอัตราเฟรม
AI Gaming Super Resolution ช่วยให้เกม Genshin Impact และ Honkai: Star Rail มีความละเอียดมากขึ้น สูงสุด 1.5K ซึ่งให้ความคมชัดมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับความละเอียด HD 720p นอกจากนี้ Genshin Impact และ Honkai: Star Rail ยังรองรับ AI Gaming Super Frame ส่งผลให้กราฟิกเกมมีความนุ่มนวลและราบรื่นกว่าเดิม
ขณะที่ AI Gaming Super Frame ทำให้กราฟิกเกมลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับปรุงอัตราเฟรมได้สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที ราบรื่นขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ 60 เฟรมต่อวินาที ซึ่งเห็นผลได้ชัดเจนเมื่อทดสอบกับเกม Honor of Kings, Free Fire และ PUBG
กล้องหลัง 50MP AI Camera
realme GT 7 Pro มาพร้อมระบบกล้องหลัง 3 ตัว AI Camera โดยมีกล้องหลัก และ กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 8K และแน่นอนว่าเทคโนโลยี AI ก็ถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับการถ่ายภาพให้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX906 ขนาด 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง f/1.8 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้อง Telephoto 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX882 ขนาด 1/1.95 นิ้ว รูรับแสง f/2.65 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 73 มม. มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS
- กล้อง Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX355 ขนาด 1/4 นิ้ว รูรับแสง f/2.2 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 16 มม. ให้มุมมองกว้าง 112 องศา
กล้องหลังของ realme GT 7 Pro รองรับโหมดถ่ายภาพ Street, Video, Photo, Portrait, Night, Pro, Hi-Res, Panorama, Movie, Slow-motion, Time-lapse, Long Exposure, Dual-View Video, Underwater, Doc Scanner และ Tilt-shift
โหมด Photo รองรับการซูมที่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x, 6x จนสูงสุด 120x โดยรองรับการซูมแบบออปติคัล 3x มี Filters ใหม่อย่าง Martian Sunset, Fresh, Emerald, Clear และมีฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า
แถบเครื่องมือด้านบนของโหมด Photo มีฟีเจอร์ปรับค่าชดเชยแสงได้ในช่วง -2.0 ถึง +2.0 ข้างกันเป็นโหมดถ่ายภาพ Livephoto และถัดมาที่เป็นไอคอนรูปคนวิ่ง คือโหมด AI Snap Mode ช่วยถ่ายวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่เร็ว เหมาะสำหรับถ่ายภาพคนที่กำลังวิ่ง ปั่นจักรยาน เล่นกีฬา ไปจนถึงสัตว์เลี้ยงที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
โหมด Portrait ออกแบบมาให้ซูมได้ที่ระยะ 1x, 2x, 3x, สามารถปรับค่า F เพื่อเบลอฉากหลัง เพื่อทำให้ตัวแบบโดดเด่น ขณะที่พื้นหลังละลายอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีฟีเจอร์ Soft light ให้เลือกใช้ 3 แบบ ได้แก่ Misty, Glowy และ Dreamy ขณะที่ Filters ก็ได้รับเอฟเฟกต์ใหม่ Martian Sunset, Fresh, Emerald และ Clear เช่นเดียวกับโหมด Photo และยังมีฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า
โหมด Street เป็นโหมดถ่ายภาพแนวสตรีทที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเป็นช่างภาพได้ง่ายๆ โดยช่วงของการซูมจะเปลี่ยนเป็นระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส ตั้งแต่ 16 มม., 24 มม., 49 มม., 73 มม., 144 มม. จนสูงสุด 477 มม. และมีฟีเจอร์ Auto Zoom ที่อยู่ในแถบเครื่องมือด้านบน ช่วยซูมตัวแบบโดยอัตโนมัติเพียงแตะตัวแบบบนหน้าจอ
โหมด Street มาพร้อม Filters ใหม่ Martian Sunset ที่เพิ่มความน่าสนใจให้ภาพถ่ายแนวสตรีท และยังมี Filters ที่คุ้นเคยอย่าง Street, B&W Plus (ช่วยเพิ่มความชัดเจนของแสงและเงา), 90’s Pop (ให้ภาพถ่ายดูคลาสสิคในสไตล์ภาพยนตร์วินเทจ), Crisp (สร้างบรรยากาศโดยการเพิ่มโทนสีน้ำเงินโทนเย็นในบริเวณไฮไลท์ของภาพ), Cinematic (เน้นบุคลิกภาพผ่านคอนทราสต์ และคอนทราสต์ที่ชัดเจนระหว่างแสงและความมืด), Green Fields และ Sunny Beach
โหมด Tilt-shift เหมาะสำหรับการถ่ายทิวทัศน์ในเมือง ซึ่งสามารถเปลี่ยนภาพเมืองที่มีความจอแจหรือภาพความหนาแน่นของรถบนท้องถนน ให้ดูเหมือนภาพถ่ายจำลองหรือเมืองของเล่นได้แบบสนุกมาก แถมยังรองรับการซูมที่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x, 6x จนสูงสุด 18x และสามารถปรับค่า F เพื่อปรับความเบลอของฉากหลังได้อีกด้วย
โหมด Video รองรับการซูมที่ระยะ 0.6x, 1x, 2x, 3x, 6x จนสูงสุด 18x สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 8K ที่อัตรา 24 เฟรมต่อวินาที หรือ 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที ละลายพื้นหลังได้ ด้วยการปรับค่า F แบบโหมด Portrait ได้รับ Filters ใหม่ Martian Sunset, Fresh, Emerald และ Clear เช่นเดียวกับโหมด Photo รวมถึงฟีเจอร์ Retouch
แถบเครื่องมือด้านบนของโหมด Video มีฟีเจอร์ปรับค่าชดเชยแสง EV แบบโหมด Photo ถัดมาเป็นฟีเจอร์ Ultra Stedy ซึ่งเป็นการเปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหว แต่ในโหมดนี้จะรองรับความละเอียด Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และรองรับการบันทึกวิดีโอในรูปแบบ Dolby Vision เมื่อเปิดโหมด HDR
โหมด Night สำหรับถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือในเวลากลางคืน รองรับการซูมภาพตั้งแต่ช่วง 0.6x ซึ่งหมายถึงสามารถเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide ในโหมด Night ได้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความโดดเด่นให้ภาพถ่ายยามค่ำคืนด้วยการเพิ่ม Filters ต่างๆ เช่น Martian Sunset, Gloden, Warm & Cool, Pink & Teal และ Night City
สมาร์ทโฟนรุ่นแรกในโลกที่มีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำ
ความพิเศษของ realme GT 7 Pro ที่ทำให้ทีมงาน @flashfly ต้องเขียนถึงโดยเฉพาะ แยกจากโหมดถ่ายภาพอื่นๆ ก็คือโหมด Underwater ซึ่งทำให้ realme GT 7 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำ เนื่องจากตัวเครื่องได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำถึงระดับ IP69 สูงกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงในตลาดปัจจุบัน ที่กันน้ำได้ในระดับ IP68
โหมด Underwater ถูกรวมไว้เมนู More ของแอปกล้อง เมื่อเปิดเข้ามาจะพบกับคำแนะนำซึ่งมีสิ่งที่ผู้ใช้งานควรจะรับทราบไว้ ได้แก่ สามารถนำ realme GT 7 Pro ลงไปถ่ายภาพใต้น้ำได้ที่ความลึกไม่เกิน 2 เมตร และอยู่ใต้น้ำได้นานสูงสุด 30 นาที ไม่ควรแช่น้ำนานกว่านี้ เนื่องจากความเสียหายจากน้ำไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน
เมื่ออยู่ใต้น้ำ ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการถ่ายภาพโดยใช้ปุ่มกดด้านข้าง
- ปุ่มเพิ่มระดับเสียง สำหรับการซูม
- ปุ่มลดระดับเสียง ใช้สลับระหว่างกล้องหน้า-กล้องหลัง
- ปุ่มเพาเวอร์ กดเพื่อปิดหน้าจอ หรือ กดค้างไว้ เพื่อออกจากโหมดถ่ายภาพ (เมื่อกดปุ่มเพาเวอร์ค้างไว้ สมาร์ทโฟนจะเข้าสู่โหมดไล่น้ำออกจากตัวเครื่อง)
สำหรับการถ่ายภาพสามารถใช้ปุ่มชัตเตอร์บนหน้าจอได้ตามปกติ นอกจากนี้ ยังสามารถปลดล็อคสมาร์ทโฟน ด้วยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ขณะที่หน้าจอเปียกน้ำหรืออยู่ใต้น้ำ เนื่องจากใช้เซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ที่มีพื้นที่สแกนใหญ่ขึ้น และรองรับการใช้งานใต้น้ำ
กล้องหน้า 16MP มุมมองกว้าง 82.3 องศา
กล้องหน้าของ realme GT 7 Pro ติดตั้งไว้บนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX480 ขนาด 1/3.09 นิ้ว รูรับแสง f/2.2 รูรับแสง f/2.45 ให้มุมมองกว้าง 82.3 องศา
โหมดถ่ายภาพ Photo ของกล้องหน้า ได้รับ Filters ใหม่ อย่าง Martian Sunset, Fresh, Emerald และ Clear พร้อมฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้าได้ละเอียดกว่ากล้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นผิว, แก้ม, ขนาดศีรษะ และ ขนาดดวงตา โหมด Portrait ของกล้องหน้า มีฟีเจอร์ปรับระยะชัดลึกเหมือนกล้องหลัง รวมถึงฟีเจอร์ Soft light, Filters และ Retouch แบบเดียวกับโหมด Photo
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถปรับค่า F เพื่อปรับระยะชัดลึกได้เช่นเดียวกับโหมด Portrait รวมถึงฟีเจอร์ Retouch และ Filters รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่าย
นอกจากนี้ realme GT 7 Pro สามารถถ่ายภาพ Live Photo แล้วนำไปแชร์ยัง Story บน Instagram ได้ รวมถึงยังสามารถส่งไฟล์หรือภาพถ่ายไปยัง iPhone ได้ง่ายๆและรวดเร็วด้วย Share with iPhone แบบ Air Drop เพียงแค่ติดตั้งแอปพลิเคชั่น O+ Connect บนเครื่องที่ต้องการส่งไฟล์ไปเท่านั้น เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานไปอีกขั้น จากการทดสอบส่งรูปข้ามเครื่องถือได้ว่าใช้งานง่ายมากๆเลยทีเดียว
แบตสุดอึด Titan 6500mAh ชาร์จไว 120W SUPERVOOC
แบตเตอรี่ของ realme GT 7 Pro ใช้เทคโนโลยีชั้นนำ Silicon Anode ที่มีความจุใหญ่ที่สุด 6500mAh ผสานกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรม สามารถสแตนด์บายได้นานถึง 510 ชั่วโมง / ฟังเพลงผ่าน Spotify นานสูงสุด 76 ชั่วโมง / ดูวิดีโอบน Youtube นานกว่า 20 ชั่วโมง / เล่นเกม Freefire นานสูงสุด 10 ชั่วโมง มั่นใจได้ว่าการใช้งานอย่างหนักตั้งแต่เช้าจรดเย็น พลังงานยังเหลือ
นอกจากนี้ realme GT 7 Pro ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W SUPERVOOC ใช้เวลาชาร์จเพียง 13 นาที ได้ระดับแบตเตอรี่ถึง 50% หรือชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 37 นาที และในช่วงเวลาเร่งด่วน ที่มีเวลาชาร์จเพียง 1 นาที ก็เพียงพอสำหรับการโทรนาน 1 ชั่วโมง หรือ สแตนด์บายได้นานถึง 20 ชั่วโมง และถ้าใช้เวลาชาร์จ 5 นาที จะสามารถใช้โทรได้นาน 7 ชั่วโมง หรือ สแตนด์บายได้นานถึง 124 ชั่วโมง
สรุปราคาและการจำหน่าย
ไม่ได้เป็นการกล่าวจนเกินไป ถ้าจะบอกว่า realme GT 7 Pro เป็นเรือธงที่ดีที่สุดในปี 2567 เพราะนี่คือสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ และมาพร้อมเทคโนโลยี AI สุดล้ำ ที่ช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น อีกทั้งยังยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำ ผู้ใช้งานจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Action Camera อีกต่อไป นอกจากนี้ realme GT 7 Pro ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พิเศษ รองรับการใช้งานที่ยาวนานข้ามวัน และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็สามารถชาร์จจนเต็มในเวลาไม่กี่นาที สรุปแล้ว realme GT 7 Pro ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูง เล่นเกมได้ลื่นไหล จอแสดงผลให้สีสันสวยงาม และ กล้องถ่ายรูปคุณภาพสูง เรียกได้ว่า มีความโดดเด่นในทุกด้าน
realme GT 7 Pro ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีความจุเดียวคือ 12/512GB และจำหน่ายเพียงสีเดียวคือ Mars Orange ราคา 29,999 บาท พิเศษ! Exclusive เฉพาะช่องทาง Shopee ในวันที่ 18 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม และหากสั่งซื้อในวันที่ 18 – 25 พฤศจิกายน รับทันที Voucher ลดสูงสุด 2,000 และ realme Buds Air 6 มูลค่า 1,999 บาท
DarkHorseOfAI #realmeGT7Pro #First8EliteFlagship #realme #realmeTH