หลังจากปล่อยให้รอมานานกว่า 3 ปี ในที่สุด iPad mini รุ่นใหม่ ก็พร้อมทำตลาดแล้ว โดยยังคงดีไซน์ที่เหมาะสำหรับการพกพา ด้วยจอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว พร้อมชิป A17 Pro ที่รองรับการประมวลผลหนักๆ และทำให้ iPad mini ฉลาดยิ่งขึ้นไปอีกจากความสามารถของ Apple Intelligence นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการทำงานร่วมกับ Apple Pencil Pro จึงตอบสนองการทำงานด้วยวิธีการใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
สเปก iPad mini (A17 Pro)
- จอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว
- ชิป A17 Pro
- ความจุ 128GB / 256GB / 512GB
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล
- การเชื่อมต่อ Wi‑Fi 6E, Bluetooth 5.3, USB-C
- รุ่น Wi-Fi + Cellular รองรับ 5G (sub-6 GHz), Gigabit LTE, UMTS, HSPA, HSPA+
- เซ็นเซอร์ Touch ID, 3-axis Gyro, Accelerometer, Ambient light sensor, Barometer
- ลำโพงสเตอริโอในแนวนอน, ไมโครโฟน 2 ตัว
- ท่องเว็บผ่าน Wi-Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง
- ขนาดตัวเครื่อง 195.4 x 134.8 x 6.3 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 293 กรัม (รุ่น Wi-Fi) / 297 กรัม (รุ่น Wi-Fi + Cellular)
- มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีม่วง, สีสตาร์ไลท์ และ สีเทาสเปซเกรย์
แกะกล่อง iPad mini 7
กล่อง iPad mini รุ่นที่ 7 ยังดูเหมือนกับรุ่นก่อน จัดส่งมาในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพ iPad mini ขนาดใหญ่ ที่มีวอลเปเปอร์เป็นคำว่า mini แต่เปลี่ยนวิธีการซีลมาเป็นแบบใหม่ จากที่ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส เปลี่ยนมาใช้แถบกระดาษกาวผนึกไว้ที่ขอบกล่อง
พลิกมาดูหลังกล่องจะเห็นแถบกระดาษกาวผนึกไว้ที่ขอบบนและขอบล่าง พร้อมระบุตัวเลือกความจุไว้อย่างชัดเจน ถัดลงมาระบุชื่อ iPad mini (A17 Pro) Wi-Fi ซึ่งเป็นรุ่นที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว
นอกจาก iPad mini รุ่นใหม่ ที่มีแบตเตอรี่ในตัว ภายในกล่องจะพบกับซองเอกสารที่ข้างในมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้น เอกสารรับประกันตัวเครื่อง รวมถึงเอกสารจาก กสทช. และยังแถมสายชาร์จ USB-C แบบสายถัก (ยาว 1 เมตร) พร้อมด้วย USB-C Power Adapter ขนาด 20 วัตต์
ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
iPad mini ได้รับการออกแบบใหม่หมดในรุ่นก่อน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นับตั้งแต่ปี 2012 ทำให้ iPad mini รุ่นที่ 7 ยังคงใช้ดีไซน์เดียวกับ iPad mini รุ่นที่ 6 โดยมีขนาดตัวเครื่อง ขนาดหน้าจอ และ น้ำหนัก เท่ากัน ทำให้ผู้ที่เคยใช้ iPad mini รุ่นก่อน ทำความคุ้นเคยได้อย่างรวดเร็ว
ตัวเครื่อง iPad mini 7 ทำมาจากวัสดุอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ผลิตออกมาทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีม่วง, สีสตาร์ไลท์ และ สีเทาสเปซเกรย์ หมายความว่าสีชมพูที่พบในรุ่นก่อน ถูกแทนที่ด้วยสีฟ้า ขณะที่สีม่วงของ iPad mini รุ่นใหม่ ก็มีเฉดสีอ่อนกว่าสีม่วงของ iPad mini 6 ส่วนใครที่ชื่นชอบสีสตาร์ไลท์ หรือ สีเทาสเปซเกรย์ ยังคงมีมาให้เลือกเหมือนเดิม
มุมมองด้านหน้าของ iPad mini 7 มาพร้อมจอแสดงผล Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว รองรับการทำงานร่วมกับ Apple Pencil Pro หรือ Apple Pencil (USB‑C) แต่ต้องซื้อแยกต่างหาก iPad mini ยังคงติดตั้งกล้องหน้าไว้ในขอบหน้าจอแนวตั้ง ขณะที่ iPad รุ่นอื่นๆ ของ Apple ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ย้ายกล้องหน้าไว้ในขอบหน้าจอแนวนอนหมดแล้ว แต่ด้วยขนาดที่เล็กเหมาะมือของ iPad mini การวางตำแหน่งกล้องหน้าในแนวตั้ง ก็ถือว่าเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานแล้ว
ด้านหลังดูคล้ายกับรุ่นก่อน ติดตั้งกล้องหลักไว้ที่มุมบน ถัดลงมามีรูไมโครโฟน ตามด้วยแฟลช True Tone โดยวางโลโก้ Apple อยู่ตรงกึ่งกลาง และที่แตกต่างออกไปก็คือ มีการสลักชื่อ iPad mini จากรุ่นก่อนที่ไม่มี mini ต่อท้าย
ขอบด้านข้างมีความบางเท่าเดิม 6.3 มิลลิเมตร ตรงกลางเป็นตำแหน่งของช่องต่อแบบแม่เหล็ก สำหรับแนบติดกับ Apple Pencil Pro สำหรับชาร์จหรือจัดเก็บ และยังยึดติดกับ Apple Pencil (USB‑C) ได้เช่นกัน
มุมมองด้านบนประกอบด้วยปุ่มปรับระดับเสียง, ลำโพงสเตอริโอ และ ปุ่มด้านบนหรือปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งรวมเซ็นเซอร์ Touch ID ไว้ในปุ่มด้านบนด้วย
ด้านล่างมีลำโพงสเตอริโอ และตรงกลางเป็นพอร์ตเชื่อมต่อ USB‑C ซึ่งมีการอัปเกรดมาตรฐานเป็น USB 3 ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 10Gbps เร็วกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า
ชิป A17 Pro รองรับการเล่นเกมระดับ AAA
iPad mini รุ่นที่ 7 ได้รับการปรับปรุงอย่างชัดเจนในด้านประสิทธิภาพ โดยใช้ชิป A17 Pro ที่มี CPU แบบ 6-core ประกอบด้วย คอร์ด้านประสิทธิภาพ 2-core และ คอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4-core ทำให้มีประสิทธิภาพ CPU สูงขึ้นถึง 30% ขณะที่ GPU แบบ 5-core ก็มีประสิทธิภาพกราฟิกที่แรงขึ้น 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
ชิป A17 Pro ช่วยให้ iPad mini รุ่นใหม่ รองรับการเล่นเกมระดับ AAA ที่เน้นกราฟิกหนักๆ โดยมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงด้วยเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ซึ่งเร็วกว่าเรย์เทรซซิ่งแบบซอฟต์แวร์ถึง 4 เท่า รวมถึงการรองรับ Dynamic Caching และการให้แสงเงาแบบเมชที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ ชิป A17 Pro ยังมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานแอปพลิเคชันระดับมืออาชีพ รวมถึงแอปพลิเคชัน AR
นอกจากนี้ iPad mini 7 ยังได้รับการอัปเกรดความจุให้เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 2 เท่า เริ่มต้นที่ 128GB และยังมีอีก 2 ตัวเลือก ได้แก่ 256GB และ 512GB ขณะที่รุ่นก่อนที่เริ่มต้นด้วย 64GB และสูงสุด 256GB
การเชื่อมต่อเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากชิปที่แรงขึ้น iPad mini รุ่นใหม่ ยังได้รับการปรับปรุงการเชื่อมต่อให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยรองรับ Wi-Fi 6E (802.11ax) ซึ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสูงสุด 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ผู้ใช้งานจึงสามารถดาวน์โหลดไฟล์ เล่นเกมออนไลน์ หรือสตรีมภาพยนตร์ได้เร็วขึ้น ขณะที่ iPad mini รุ่น Wi-Fi + Cellular ก็สามารถเปิดใช้งาน 5G ด้วย eSIM เนื่องจากไม่รองรับซิมการ์ดแบบเดิมอีกต่อไป
สำหรับการเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C ก็มีความเร็วกว่ารุ่นก่อนสูงสุด 2 เท่า เนื่องจากรองรับมาตรฐาน USB 3 ที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 10Gbps (เพิ่มขึ้นจาก 5Gbps ในรุ่นก่อน) ช่วยให้การนำเข้าภาพถ่ายและวิดีโอขนาดใหญ่ทำได้เร็วยิ่งขึ้น
จอภาพ 8.3 นิ้ว รองรับ Apple Pencil Pro
จอแสดงผลของ iPad mini 7 ยังไม่มีการอัปเกรดที่สำคัญ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน โดยใช้จอภาพ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว ที่มีแบ็คไลท์แบบ LED พร้อมเทคโนโลยี IPS ให้ความชัดเจนแม้มองจากมุมกว้าง มีความละเอียด 2266 x 1488 พิกเซล ความหนาแน่นของพิกเซล 326 ppi (พิกเซลต่อนิ้ว) ความสว่าง 500 นิต รองรับการแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) ผ่านการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือ และเคลือบสารกันแสงสะท้อน
อย่างไรก็ตาม iPad mini รุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับ Apple Pencil Pro ที่เปิดตัวพร้อม iPad Pro รุ่นชิป M4 ช่วยปลดล็อคความสามารถและการโต้ตอบใหม่ๆ ที่จะทำให้ iPad mini กลายเป็นสมุดสเก็ตช์ภาพที่พกติดตัวไปได้ทุกที่
Apple Pencil Pro มาพร้อมเซ็นเซอร์ใหม่สำหรับตอบสนองต่อท่าทางการบีบ เมื่อผู้ใช้งานบีบ จะแสดงชุดเครื่องมือเพื่อให้ผู้ใช้สลับเครื่องมือ น้ำหนักเส้น และสีได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรองรับการตอบสนองแบบสั่นด้วย Haptic Feedback สามารถตอบสนองได้อย่างแม่นยำจนรู้สึกได้ เมื่อบีบ แตะสองครั้ง หรือเปลี่ยนเป็น Smart Shape ก็จะสัมผัสถึงการสั่นเบาๆ เพื่อยืนยันสิ่งที่ต้องการทำ
เซ็นเซอร์ Gyroscope ที่ฝังอยู่ใน Apple Pencil Pro ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหมุนด้าม Apple Pencil Pro เพื่อควบคุมเครื่องมือประเภทปากกา และแปรงรูปทรงต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ปากกาและกระดาษจริงๆ Apple Pencil Pro ยังรองรับฟีเจอร์ Hover หรือยกปลาย Apple Pencil เพื่อดูตัวอย่างได้อย่างแม่นยำ การยกปลาย Apple Pencil จะแสดงให้เห็นว่า Apple Pencil จะสัมผัสลงตรงไหนบนจอภาพ ช่วยเพิ่มความแม่นนำในการเขียน สเก็ตช์ และวาดภาพ รวมถึงดูแนวการหมุนของเครื่องมือก่อนจะเริ่มขีดเขียน
ยังมีความหน่วงต่ำ มีความไวต่อการเอียงและแรงกด ซึ่งช่วยให้วาดเขียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยน้ำหนักเส้นหลายระดับ รวมถึงการแรเงาบางๆ ขณะที่การแตะสองครั้งบน Apple Pencil ช่วยในการสลับระหว่างเครื่องมือต่างๆ อย่างปากกาและยางลบได้อย่างรวดเร็ว และยังเป็น Apple Pencil รุ่นแรกที่รองรับแอป Find My ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหา Apple Pencil Pro ได้หากทำหาย หรือวางไว้ผิดที่ผิดทาง ไม่ว่าข้างนอกหรือภายในบ้าน ก็สามารถขอให้แอป Find My ช่วยตามหาได้ทันที
อย่างไรก็ตาม iPad mini 7 ยังรองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil (USB-C) ที่มีราคาประหยัดกว่า (2,990 บาท) ซึ่งให้ความแม่นยำที่ลึกไปถึงระดับพิกเซล มีความหน่วงต่ำ และไวต่อการเอียง เหมาะสำหรับการจดโน้ต สเก็ตช์ ใส่คำอธิบายประกอบ เขียนบันทึก และสามารถแนบติดกับขอบด้านข้าง iPad mini ได้ แต่การจับคู่และชาร์จต้องใช้สาย USB-C
กล้องหลัง 12MP Wide Camera พร้อม Smart HDR 4
iPad mini 7 มาพร้อมกล้อง Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ชุดเลนส์ 5 ชิ้น ขนาดรูรับแสง f/1.8 รองรับการซูมดิจิทัลสูงสุด 5 เท่า และได้รับการปรับปรุงจากรุ่นก่อนด้วย Smart HDR 4 ทำให้ภาพถ่ายมีรายละเอียดสมจริงยิ่งขึ้น
กล้อง Wide ของ iPad mini 7 มีระบบออโต้โฟกัสด้วย Focus Pixels ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ รองรับโหมด Panorama (สูงสุด 63MP), Burst (โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง) และสามารถบันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง iPad mini 7 ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ที่อาศัย Neural Engine แบบ 16-core ช่วยระบุประเภทเอกสารจากแอปกล้องโดยอัตโนมัติ และสามารถใช้แฟลช True Tone เพื่อลบเงาออกจากเอกสารด้วย
สำหรับการถ่ายวิดีโอ รองรับความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มาพร้อมโหมด Time‑lapse ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว, Slo‑mo (ความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 240 เฟรมต่อวินาที), ช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับวิดีโอที่มีอัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และมีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (4K, 1080p และ 720p)
กล้องหน้า 12MP Ultra Wide Camera รองรับ Center Stage
กล้องหน้าของ iPad mini รุ่นใหม่ ใช้กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.4 รองรับ Smart HDR 4 แบบเดียวกับกล้องหลัง มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ โหมดภาพถ่ายต่อเนื่อง และสามารถบันทึกภาพถ่ายและ Live Photos ด้วยขอบเขตสีกว้าง รองรับฟีเจอร์ Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง ซึ่งช่วยแพนกล้องให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีคนช่วยถือ ขณะวิดีโอแชทผ่าน FaceTime และถ้ามีบุคคลคื่นเข้ามาอยู่ในเฟรมด้วย Center Stage ก็สามารถตรวจจับได้ และจะซูมออก เพื่อให้ผู้ใช้งานกับเพื่อนได้ร่วมเฟรมเดียวกัน
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า สามารถบันทึกในความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที รองรับโหมด Time‑lapse ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว, ช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับวิดีโอที่มีอัตราความเร็วของเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และมีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ (1080p และ 720p)
iPadOS 18
iPad mini รุ่นใหม่ มาพร้อม iPadOS 18 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดที่ทำให้ iPad มีความอเนกประสงค์และชาญฉลาดขึ้นไปอีกขั้น อีกทั้งยังนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
Home Screen ใน iPadOS 18 มีตัวเลือกมากขึ้นสำหรับการปรับแต่งหน้าจอเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเอง ด้วยไอคอนแอปและวิดเจ็ตที่สามารถวางไว้ตรงไหนก็ได้บนที่ว่าง นอกจากนี้ ไอคอนแอปและวิดเจ็ต ยังมาในลุคใหม่โทนสีเข้มหรือย้อมสี และสามารถปรับขนาดไอคอนให้ใหญ่ขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เหมาะสมลงตัวสำหรับแต่ละคน
Control Center ได้รับการออกแบบใหม่ให้เข้าถึงหลายสิ่งที่ผู้ใช้งานทำเป็นประจำได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้เข้าถึงตัวควบคุมที่ใช้บ่อยๆ ที่จัดรวมไว้เป็นกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถจัดระเบียบตัวควบคุมใหม่ๆ จากแอปของบริษัทอื่นได้อีกด้วย
Math Notes หรือโน้ตคณิตศาสตร์ ช่วยให้ผู้ใช้ iPad พิมพ์หรือเขียนนิพจน์ทางคณิตศาสตร์ แล้วดูคำตอบที่จะแสดงในลายมือของตัวเองทันที หรือจะกำหนดและใช้ค่าตัวแปร แล้วเขียนสมการเพื่อใส่กราฟก็ได้ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึง Math Notes จากแอป Notes และใช้ฟังก์ชั่นทางคณิตศาสตร์ทั้งหมดในโน้ตใดก็ได้
Calculator แอปเครื่องคิดเลข ออกแบบมาเพื่อความสามารถที่ไม่เหมือนใครของ iPad ช่วยให้ผู้ใช้งานมีวิธีใหม่ในการใช้ Apple Pencil เพื่อแก้นิพจน์หรือสมการทางคณิตศาสตร์อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน รวมถึงเครื่องคิดเลขพื้นฐานและเครื่องคิดเลขทางวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยฟังก์ชันใหม่อย่างประวัติการคำนวณและการแปลงหน่วย
Smart Script ในแอป Notes ช่วยให้การเขียนด้วยลายมือมีความลื่นไหล ยืดหยุ่น และอ่านง่ายยิ่งขึ้น พร้อมความสามารถในการแก้ไขข้อความที่เขียนด้วยลายมือ ช่วยให้ผู้ใช้งานเว้นวรรคหรือวางข้อความตัวพิมพ์ที่จะเปลี่ยนเป็นลายมือของตัวเองได้ง่ายๆ และเมื่อใช้ Apple Pencil เขียนข้อความ ลายมือก็จะได้รับการปรับให้เรียบร้อยขึ้น อ่านได้ง่ายขึ้น
SharePlay ใน iPadOS 18 เพิ่มความสามารถในการช่วยเหลือเพื่อนๆ และครอบครัว เกี่ยวกับปัญหาการใช้งานอุปกรณ์ของพวกเขา ด้วยการแตะและวาดบนหน้าจอของผู้ใช้งาน เพื่อชี้ให้เห็นว่าพวกเขาควรทำยังไงบนอุปกรณ์ของตัวเอง คล้ายกับการควบคุมหน้าจอจากระยะไกล เวลาขอความช่วยเหลือจากทีมงานฝ่ายสนับสนุนผลิตภัณฑ์
Freeform มาพร้อมฟีเจอร์ Scenes หรือฉาก ช่วยในการจัดระเบียบ ติดป้ายชื่อ และจัดเรียงคอนเทนต์ใหม่ เพื่อให้นำเสนอบอร์ดทีละส่วนได้ และยังสามารถส่งสำเนาให้ใครก็ได้โดยใช้ Link ที่จะเปิดบอร์ดนั้นบนอุปกรณ์ของผู้รับ นอกจากนี้ Freeform ยังเพิ่มโหมด Diagramming ช่วยให้สร้างความเชื่อมโยงบนผืนผ้าใบได้ง่ายขึ้น และสามารถเรียงเนื้อหาในบอร์ดได้ตามต้องการ ด้วยการจัดตำแหน่งวัตถุให้ชิดพอดีกับเส้นตาราง
Files รองรับรูปแบบไฟล์สําหรับไดรฟ์ภายนอกมากขึ้น และสามารถฟอร์แมตไดรฟ์ภายนอกเป็นรูปแบบไฟล์ APFS, exFAT หรือ MS-DOS (Fat32) อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงไฟล์บน iCloud ได้ตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงที่ทำกับไฟล์ขณะออฟไลน์ จะซิงค์กับ iCloud ทันทีที่กลับมาออนไลน์อีกครั้ง
Game Mode ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ลื่นไหลยิ่งขึ้น โดยลดการใช้ทรัพยากรที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อรักษาอัตราเฟรมให้สูงอยู่เสมอสำหรับการเล่นเกมนานต่อเนื่องหลายชั่วโมง และเมื่อฟังเสียงเกมผ่าน AirPods ก็ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น โดย Game Mode จะลดความหน่วงของเสียง และยังช่วยให้คอนโทรลเลอร์ไร้สายตอบสนองการควบคุมได้อย่างฉับไว
Apple Intelligence
ชิป A17 Pro ยังทำให้ iPad mini 7 รองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Apple Intelligence เช่นเดียวกับ iPad ที่ใช้ชิป M Series โดยฟีเจอร์ชุดแรกของ Apple Intelligence ที่มาพร้อม iPadOS 18.1 ประกอบด้วย…
Writing Tools
Writing Tools ช่วย Rewrite หรือขัดเกลาการเขียนข้อความให้มีภาษาที่สวยงามขึ้น พร้อมด้วยฟีเจอร์ Proofread หรือ พิสูจน์อักษร และสรุปข้อความได้เกือบทุกที่ที่เขียน ทั้งในแอป Mail, Messages, Notes, Pages และแอปของบริษัทอื่น
ฟีเจอร์ Rewrite ใน Writing Tools สามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ปรับข้อความออกมาในรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็นภาษาทางการที่ดูเป็นมืออาชีพ หรือภาษาที่อ่านง่ายดูเป็นมิตร ขระที่ฟีเจอร์ Proofread สามารถตรวจสอบไวยากรณ์ คำที่เลือกใช้ และโครงสร้างประโยค ขณะเดียวกันยังแนะนำสิ่งที่ควรแก้ รวมถึงคำอธิบายว่าทำไมจึงควรแก้ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกข้อความ เพื่อให้สรุปออกมาในรูปแบบของย่อหน้า หัวข้อย่อย ตาราง หรือรายการที่ดูแล้วเข้าใจง่าย
Siri คนเดิม เพิ่มเติมความฉลาด
Apple Intelligence ช่วยยกระดับ Siri ให้ฉลาดกว่าเดิม พร้อมผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวทั้งระบบมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่ User Interface ดีไซน์ใหม่ ที่มีแสงส่องเรืองๆ รอบขอบหน้าจออย่างสวยงาม และสามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri ได้ด้วย
เมื่ออัปเดต iPad mini 7 เป็น iPadOS 18.1 ทำให้ Siri มีความเข้าใจภาษาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การสื่อสารกับ Siri จึงเป็นธรรมชาติ และยืดหยุ่นยิ่งขึ้น แม้ผู้ใช้งานอาจพูดตะกุกตะกัก อีกทั้งยังสามารถรักษาบริบทของคำขอก่อนหน้าแล้วนำไปปรับใช้คำขอถัดไปได้ นอกจากนี้ Siri ยังมีความรอบรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มากขึ้น จึงสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่างๆ บน iPad และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple ได้
ฟีเจอร์ใหม่ๆ ในแอป Photos
แอป Photos ได้รับเครื่องมือใหม่ๆ ที่ใช้ประโยชน์จาก Apple Intelligence อย่างความทรงจำ หรือ Memories ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างภาพยนตร์ที่อยากดูได้ง่ายๆ เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย จากนั้น Apple Intelligence จะเลือกภาพถ่ายและวิดีโอที่ดีที่สุดตามคำอธิบายของผู้ใช้งาน แล้วนำมารังสรรค์เป็นสตอรี่ไลน์ที่แยกออกเป็นบทต่างๆ ไม่ซ้ำกันตามธีมที่พบในภาพ แล้วนำทั้งหมดมาร้อยเรียงเข้าด้วยกันเป็นภาพยนตร์ที่มีโครงเรื่องเป็นของตัวเอง
ฟีเจอร์ลบออก หรือ Clean Up สามารถตรวจหาและลบวัตถุที่รบกวนสายตาออกจากฉากหลังของรูปภาพ โดยไม่ส่งผลต่อรูปภาพต้นฉบับ ตัวอย่างเช่น ลบบุคคลที่ไม่รู้จักในฉากหลังที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ โดย Apple Intelligence จะช่วยเติมฉากหลังที่หายไปหลังจากบุคคลหรือวัตถุถูกลบให้อย่างแนบเนียน เหมือนไม่เคยมีอะไรมาบดบัง
ทั้งนี้ Apple Intelligence ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย ที่จะปล่อยออกมาให้เจ้าของ iPad mini 7 ได้อัปเดตในอนาคต ซึ่งในเร็วๆ นี้ ยังได้รับฟีเจอร์ Image Playground, Image Wand และ Genmoji
Image Playground ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างรูปภาพสนุกๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึง Image Wand ที่จะทำให้โน้ตดูน่าสนใจยิ่งขึ้นโดยการเปลี่ยนภาพสเก็ตช์คร่าวๆ เป็นภาพที่สวยงาม และเมื่อผู้ใช้วงพื้นที่ว่างๆ Image Wand ก็จะสร้างภาพขึ้นมาโดยใช้บริบทจากพื้นที่รอบข้าง ขณะที่ Genmoji เป็นอิโมจิที่ล้ำหน้าไปอีกระดับ เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย หรือเลือกรูปภาพของเพื่อนหรือสมาชิกครอบครัว
นอกจากนี้ Siri จะได้รับการอัปเดตให้ผสานการทำงานร่วมกับ ChatGPT ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ประโยชน์จากความสามารถในการเข้าใจรูปภาพและเอกสารของ ChatGPT โดยไม่ต้องสลับไปมาระหว่างเครื่องมือต่างๆ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึง ChatGPT ได้ฟรี โดยไม่ต้องสร้างบัญชีใหม่
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
น่าแปลกใจเล็กน้อยที่ iPad mini รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมชิป A17 Pro ยังคงให้อายุการใช้งานยาวนานพอๆ กับรุ่นก่อนหน้าที่ใช้ชิป A15 Bionic ด้วยแบตเตอรี่ Lithium Polymer 19.3 Wh ความจุเท่าเดิม ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 10 ชั่วโมง สำหรับท่องเว็บผ่าน Wi‑Fi หรือดูวิดีโอ ขณะที่รุ่น Wi-Fi + Cellular ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 9 ชั่วโมง
สรุปราคาและการจำหน่าย
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ iPad mini รุ่นที่ 7 มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยชิป A17 Pro ด้วย CPU เร็วขึ้น 30% ขณะที่ GPU เร็วขึ้น 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และด้วยชิปรุ่นใหม่ ยังช่วยให้ iPad mini 7 รองรับการเล่นเกมระดับ AAA และสนับสนุนฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Apple Intelligence ส่งผลให้ iPad mini 7 เป็น iPad ที่มีขนาดเล็กที่สุด แต่ทรงพลังมากที่สุดของ Apple ยิ่งจับคู่กับ Apple Pencil Pro และทำงานบน iPadOS 18 ก็ช่วยเสริมให้ iPad mini รุ่นใหม่ เป็นอุปกรณ์พกพาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ขนาดกะทัดรัด บนดีไซน์บางเบาสุดพรีเมียม
ทั้งนี้ iPad mini รุ่นที่ 7 พร้อมให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว เฉพาะรุ่น Wi-Fi ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular จะเปิดให้จับจองในเร็วๆ นี้ โดยมีให้เลือก 4 สี เช่นเดียวกัน ได้แก่ สีฟ้า, สีม่วง, สีสตาร์ไลท์ และ สีเทาสเปซเกรย์
ราคา iPad mini 7 รุ่น Wi-Fi
- 128GB ราคา 17,900 บาท
- 256GB ราคา 21,900 บาท
- 512GB ราคา 28,900 บาท
ราคา iPad mini 7 รุ่น Wi-Fi + Cellular
- 128GB ราคา 23,900 บาท
- 256GB ราคา 27,900 บาท
- 512GB ราคา 34,900 บาท