vivo เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง vivo X200 series อย่างทางการในประเทศจีน โดยมีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ vivo X200, vivo X200 Pro และ vivo X200 Pro mini ทั้งหมดถูกสร้างมาภายใต้แนวคิดเดียวกัน “Far Beyond Imaging” ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในด้านนวัตกรรมการถ่ายภาพ รวมไปถึงการสื่อสาร เทคโนโลยี AI อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และ เทคโนโลยีการแสดงผล
สร้างนิยามใหม่ของการถ่ายภาพด้วยกล้อง Telephoto
vivo X200 series ได้รับการปรับปรุงกล้อง Telephoto ที่มีพื้นฐานมาจาก vivo X100 Ultra โดยมีระยะโฟกัสใหม่ 135 มม. จากเดิมที่ครอบคลุม 5 ระยะ ได้แก่ 24 มม. 35 มม. 50 มม. 85 มม. และ 100 มม. และโหมด Telephoto Super Stage สำหรับจับภาพการแสดงบนเวที ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต หรือ ละครเวที ก็ไม่ต้องจับจองที่นั่งแถวหน้าอีกต่อไป นอกจากนี้ vivo X200 series ยังรองรับการถ่ายภาพ Live Photo รูปแบบเดียวกับ Live Photo ของ iPhone จึงสามารถสร้างและแชร์ภาพถ่ายได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
โหมดวิดีโอของ vivo X200 series ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน สามารถถ่ายวิดีโอ Slow-Motion แบบภาพยนตร์ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที ช่วยให้จับภาพการเคลื่อนไหวที่มีรายละเอียดได้อย่างเหลือเชื่อ เช่น ภาพการแข่งขันกีฬา หรือ การเต้นรำ อีกทั้งยังรองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอแบบ Log 10-bit ความยาวโฟกัสเต็ม ซึ่งสามารถเก็บรายละเอียดของสีสันมากกว่า 1 พันล้านสี และมีพื้นที่มากขึ้นสำหรับการแก้ไขภายหลัง และมีโหมด 4K HDR Cinematic Portrait Video ให้ความคมชัดและรายละเอียดสำหรับเอฟเฟกต์ภาพบุคคลแบบศิลปะด้วยการควบคุมแสงที่ยอดเยี่ยม
เบื้องหลังที่ทำให้ vivo X200 series ถ่ายวิดีโอได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาวะแสง คือ ชิปประมวลผลภาพและวิดีโอ V3+ ที่ผลิตบนกระบวนการ 6 นาโนเมตร ช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน ประกอบด้วยสถาปัตยกรรม ISP ที่มีการรับรู้ AI พร้อมกันหลายรายการ พร้อมระบบ FIT (Frame Info Tunneling) รุ่นที่ 2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบันทึกและประมวลผลถ่ายภาพยนตร์ระดับ 4K ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะโหมด Cinematic Portrait Video และถ่ายวิดีโอระยะไกลด้วยกล้อง Telephoto
นอกเหนือจากชิปประมวลผลภาพ V3+ ที่ออกแบบเองแล้ว vivo ยังจับมือกับ Sony เพื่อออกแบบเซ็นเซอร์ Sony LYT-818 สำหรับกล้องหลักของ vivo X200 Pro โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ของ Sony ร่วมกับซอฟต์แวร์ที่ทรงพลังของ vivo ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยปรับแต่งรายละเอียดอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้ภาพที่เหมือนจริงอย่างเหลือเชื่อ ส่งผลให้กล้องหลักของ vivo X200 Pro ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น
มอบประสบการณ์สมาร์ทโฟนระดับเรือธง
vivo X200 series สร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน โดยร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Arm ผู้นำด้านเทคโนโลยีแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ระดับโลก เพื่อสร้างห้องปฏิบัติการชั้นนำในอุตสาหกรรม แสดงถึงความมุ่งมั่นของ vivo ในการเร่งพัฒนานวัตกรรมชิป และปูทางให้ vivo X200 series เป็นสมาร์ทโฟนกลุ่มแรกที่ได้รับชิปประมวลผลระดับเรือธง MediaTek Dimensity 9400 ซึ่งสามารถทำคะแนนบนแอปพลิเคชัน AnTuTu ทะลุ 3 ล้านคะแนน
ผู้ใช้งานในประเทศจีน จะได้สัมผัสถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้าน AI และการสื่อสาร ผ่านระบบปฏิบัติการ OriginOS 5 และ BlueLM ช่วยให้ vivo X200 series สามารถโต้ตอบด้วยเสียง และแปลภาษาแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ด้าน AI มากมายที่คอยตอบสนองต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ฟิลเตอร์สำหรับไลฟ์สด ไปจนถึงการปรับปรุงความงามอัจฉริยะ แต่ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและความปลอดภัยของข้อมูลไว้อย่างดี
vivo X200 series ยังได้รับการปรับปรุงด้านการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ไม่ต้องใช้เครือข่ายในระดับกิโลเมตร ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ vivo ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารได้ในระยะทางไกล แม้อยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณเครือข่ายครอบคลุมไม่ทั่วถึง
สำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ มีการเพิ่มปริมาณซิลิกอน 5% ทำให้แบตเตอรี่ของ vivo X200 series มีความจุเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังให้ความทนทานต่อความเย็นที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น
ให้ประสบการณ์การรับชมที่ดื่มด่ำ
vivo X200 series เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมเทคโนโลยีจอแสดงผล Zeiss Master Color ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง vivo กับ Zeiss ยักษ์ใหญ่ด้านระบบออปติคัล จึงมั่นใจได้ว่าจอแสดงผลของ vivo X200 Series ให้สีสันที่สวยงามสมจริง ด้วยค่าความแม่นยำของสี ΔE ที่ 0.27 ไม่ว่าจะรับชมวิดีโอหรือดูตัวอย่างภาพถ่าย
vivo X200 series ยังมีเซ็นเซอร์อุณหภูมิสีแบบปรับได้ ช่วยปรับความสว่างหน้าจอให้เข้ากับสภาพแสงโดยรอบ ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถจ้องมองหน้าจอได้อย่างสบายตามากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีการหรี่แสงขั้นสูง 2160Hz PWM Dimming ช่วยรักษาเสถียรภาพของการแสดงผลโดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของแสงโดยรอบ สามารถลดอัตราการกะพริบและลดแสงของหน้าจอ ทำให้สายตาไม่เมื่อยล้าจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
vivo X200 และ vivo X200 Pro มาในสีน้ำเงิน และสีขาว ทั้งคู่ได้รับการออกแบบจอแสดงผลแบบหน้าจอโค้ง ขณะที่ vivo X200 Pro mini มีให้เลือกในสีชมพู และสีฟ้าสดใส ใช้จอแสดงผลแบบจอแบน ขนาด 6.31 นิ้ว
ทั้งนี้ ตามรายงานล่าสุดของ Counterpoint พบว่า vivo รวมถึงแบรนด์ย่อย iQOO ได้ครองตำแหน่งสูงสุดในตลาดสมาร์ทโฟนของจีน ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 17.9% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 และยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำด้านยอดขายจนถึงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ vivo ที่ติดอันดับ Kantar Brandz Most Valuable Chinese Brands 100 ในปี 2024 โดยอยู่ที่อันดับที่ 34
ด้วยการตลาดที่แข็งแกร่งและการรับรู้ของแบรนด์ ช่วยเสริมให้ vivo X200 series เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ X series ที่จะมาสร้างนิยามใหม่ให้กับความเป็นเลิศด้านอุปกรณ์พกพา ครอบคลุมทั้งด้านประสิทธิภาพ AI การสื่อสาร การแสดงผล อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงระดับไฮเอนด์ โดย vivo X200 series จะเริ่มทำตลาดในจีนวันที่ 14 ตุลาคมนี้