iPhone 11 มีอายุ 5 ปีแล้ว นับจากวันเปิดตัว แต่ยังเป็น iPhone ที่ทันสมัย และรองรับซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดอย่าง iOS 18 อย่างไรก็ตาม iPhone 16 ย่อมมีจุดเด่นที่เหนือกว่า โดยเฉพาะ 5 ฟีเจอร์ ต่อไปนี้ ที่อาจเป็นเหตุผลสำคัญในการอัปเกรดจาก iPhone 11 มาใช้ iPhone 16
จอแสดงผล OLED
iPhone 11 และ iPhone 16 มีขนาดหน้าจอเท่ากัน 6.1 นิ้ว แต่สีสันและความคมชัดนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง iPhone 11 ยังคงใช้จอแสดงผล LCD ขณะที่ iPhone 16 ใช้จอแสดงผล OLED รองรับ HDR และยังมีความสว่างสูงสุด 2,000 นิต เมื่ออยู่กลางแจ้ง ขณะที่จอแสดงผลของ iPhone 11 มีความสว่างสูงสุด 625 นิต
รองรับ AI
iPhone 16 ถูกสร้างมาเพื่อรองรับ Apple Intelligence แม้แต่ iPhone 15 ก็ไม่รองรับ (เพราะเริ่มต้นที่ iPhone 15 Pro และรุ่นใหม่กว่า) ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของ iPhone 11 ไม่มีโอกาสได้ใช้อย่างแน่นอน
Apple Intelligence มาพร้อมฟีเจอร์อัจฉริยะมากมาย เช่น เครื่องมือ Clean Up ในแอป Photos ช่วยลบวัตถุหรือบุคคลออกจากรูปภาพ พร้อมเติมพื้นหลังเหมือนไม่เคยมีวัตถุหรือบุคคลเคยอยู่ตรงนั้น, อิโมจิสุดล้ำ Genmoji ที่สามารถสร้างขึ้นได้จากการพิมพ์คำอธิบาย หรืออิงตามภาพถ่าย, Writing Tools ช่วยปรับสำนวนการเขียน พิสูจน์อักษร และสรุปข้อความ ไม่ว่าจะในแอป Mail, Notes, Pages หรือแอปของบริษัทอื่น นอกจากนี้ Apple Intelligence ยังช่วยให้ Siri ฉลาดขึ้นอย่างมาก
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ของ iPhone 16 ให้อายุการใช้งานยาวนานขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ iPhone 11 สามารถเล่นวิดีโอ (ผ่านการสตรีม) ได้นานขึ้น 8 ชั่วโมง และยังชาร์จได้เร็วขึ้น
iPhone 16 รองรับการชาร์จแบบมีสายสูงสุด 45W และการชาร์จแบบไร้สาย 25W (พร้อม MagSafe) ขณะที่ iPhone 11 รองรับการชาร์จแบบมีสายสูงสุด 20W และการชาร์จแบบไร้สาย 7.5W
Dynamic Island
จอแสดงผลของ iPhone 16 มาพร้อม Dynamic Island ที่เริ่มนำมาใช้กับ iPhone 14 Pro ก่อนขยายให้ครอบคลุม iPhone 15 Series ทุกรุ่น
Dynamic Island เป็นพื้นที่สำหรับโต้ตอบกับการแจ้งเตือน และ กิจกรรมสด (Live Activities) ซึ่งมีจุดเด่นที่สามารถขยายออกและปรับเปลี่ยนได้อย่างไหลลื่น ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นเส้นทางบนแผนที่ ควบคุมเพล และยังผสานการทำงานกับแอปยอดนิยมมากมาย เพื่อรับการอัปเดตแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นแอปส่งอาหาร รายงานผลการแข่งขันกีฬา วางแผนการเดินทาง และ อีกมากมาย
ปุ่มใหม่
iPhone 16 มีปุ่มใหม่เพิ่มเข้ามา 2 ปุ่ม ที่ไม่พบใน iPhone รุ่นพื้นฐานก่อนหน้านี้ เริ่มจากปุ่ม Action ถูกนำมาแทนที่ปุ่มสวิตช์ปิด/เปิดเสียง ที่เป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่ iPhone รุ่นแรก โดยปุ่ม Action ช่วยให้ผู้ใช้งานเรียกฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว
อีกปุ่มเรียกว่า Camera Control ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ควบคุมการถ่ายภาพและวิดีโอได้ไม่ว่าจะถือ iPhone ในแนวตั้งหรือแนวนอน รองรับการแตะและเลื่อนบนปุ่ม ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันการใช้งาน เช่น กดแค่ครั้งเดียว ก็เข้าถึงแอปกล้องทันที และกดอีกครั้งเพื่อถ่ายภาพ หรือ เลื่อนนิ้วบนปุ่มเพื่อซูม
นอกจากนี้ iPhone 16 ยังได้รับการปรับปรุงอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รองรับซูมแบบออปติคัล 2 เท่า มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์, กล้อง Ultra Wide ใหม่ สามารถถ่ายภาพมาโครได้, โหมดถ่ายวิดีโอ Cinematic และ Action, โหมดถ่ายภาพและวิดีโอเชิงมิติพื้นที่, ป้องกันน้ำได้ดีขึ้น, รองรับ 5G และ Wi-Fi 7 รวมไปถึงการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe
ที่มา – 9to5Mac