ปีที่แล้ว iPhone 15 Pro Max ถือได้ว่ามีการอัปเกรดครั้งใหญ่ในรอบหลายปี โดยเฉพาะมีการนำวัสดุกรอบไทเทเนียมมาใช้กับ iPhone เป็นครั้งแรก แทนที่ปุ่มสวิตช์ปิดเสียงด้วยปุ่ม Action และยังเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C เป็นครั้งแรกของ iPhone ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าผ่านมา 1 ปี iPhone 16 Pro Max จะได้รับการอัปเกรดใหม่อีกครั้ง ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มปุ่มใหม่ Camera Control ยกระดับการถ่ายภาพด้วยกล้องระดับโปร แบตเตอรี่ให้อายุการใช้งานยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone และแน่นอนว่าประสิทธิภาพก็ได้รับการอัปเกรดด้วยชิประดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม
แกะกล่อง iPhone 16 Pro Max
iPhone 16 Pro Max จัดส่งมาในกล่องสีขาว หน้ากล่องพิมพ์รูปภาพด้านหน้าของ iPhone พร้อมวอลเปเปอร์ใหม่ หลังกล่องติดฉลากระบุชื่อรุ่น สีสัน ความจุ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต ซึ่งทีมงาน @flashfly ได้รับสี Desert Titanium ความจุ 1TB มารีวิว
ขอบกล่องถูกปิดผนึกด้วยเทปกาวเหมือนรุ่นก่อนๆ ภายในกล่องจะพบกับ iPhone 16 Pro Max เป็นอย่างแรก โดยหันหน้าคว่ำลง และมีลิ้นจากแผ่นป้องกันรอยหน้าจอ ช่วยให้ดึงตัวเครื่องออกมาได้อย่างสะดวก จากนั้นจะเจอกับสายชาร์จ USB-C แบบสายถัด และเข็มช่วยถอดช่องเสียบซิมการ์ด
ภายในกล่องยังมีเอกสารต่างๆ ประกอบด้วย คู่มือแนะนำการใช้งานเบื้องต้น การรับประกัน และ เอกสารยืนยันว่าผ่านการรับรองจาก กสทช. แต่ไม่แถมสติกเกอร์โลโก้ Apple มาให้อีกแล้ว
สเปก iPhone 16 Pro Max
- จอแสดงผล Super Retina XDR ขนาด 6.9 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี ProMotion
- กล้องหลัง 3 ตัว 48MP Wide + 48MP Ultra Wide + 12MP Telephoto ซูมออปติคัล 5 เท่า
- กล้องหน้า 12MP TrueDepth Camera
- ชิป A18 Pro (CPU แบบ 6‑core, GPU แบบ 6‑core, Neural Engine แบบ 16‑core)
- ความจุ 256GB, 512GB และ 1TB
- การเชื่อมต่อ 5G (sub‑6 GHz), Gigabit LTE, Wi‑Fi 7, Bluetooth 5.3, Ultra Wideband รุ่นที่ 2, NFC, USB-C
- เซ็นเซอร์ Face ID, LiDAR Scanner, Barometer, High dynamic range gyro, High-g accelerometer, Proximity sensor, Dual ambient light sensors
- การหาตำแหน่ง GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou และ NavIC (รองรับ GPS ความถี่คู่)
- ป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที)
- รองรับการชาร์จไร้สายในแบบ MagSafe สูงสุด 25W
- ขนาดตัวเครื่อง 163 x 77.6 x 8.25 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 227 กรัม
- มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Black Titanium, White Titanium, Natural Titanium และ Desert Titanium
ดีไซน์ทนทาน จอใหญ่ขึ้น น้ำหนักเบา
ดีไซน์โดยรวมของ iPhone 16 Pro Max อาจยังดูคล้ายกับ iPhone 15 Pro Max ในปีที่แล้ว โดยกรอบตัวเครื่องยังใช้วัสดุไทเทเนียมที่มีความทนทาน แต่ถ้านำมาวางเทียบกันจริงๆ จะพบว่า iPhone 16 Pro Max มีรายละเอียดหลายอย่างที่แตกต่างออกไป เริ่มจากสีสันตัวเครื่องที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว เป็นสีสันใหม่มีชื่อว่า Desert Titanium ถูกนำมาแทนที่สี Blue Titanium จากรุ่นก่อน ขณะที่สี Black Titanium, White Titanium และ Natural Titanium ยังมีให้เลือกเหมือนเดิม
iPhone 16 Pro Max มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 6.9 นิ้ว เพิ่มขึ้นจาก 6.7 ในรุ่นก่อน ถือเป็นจอภาพที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone และยังมีขอบจอที่บางที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์ Apple ส่งผลให้ขนาดตัวเครื่อง iPhone 16 Pro Max ใกล้เคียงกับ iPhone 15 Pro Max โดยมีความสูงและกว้างกว่าเล็กน้อย รวมถึงน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาเพียง 6 กรัม ดังนั้น ใครที่เคยใช้ iPhone รุ่น Pro Max มาก่อน สามารถทำความคุ้นเคยกับขนาดใหม่ของ iPhone 16 Pro Max ได้ไม่ยาก
ด้านหน้าได้รับการป้องกันด้วย Ceramic Shield รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีการผสมสูตรใหม่ ทำให้มีความแข็งแกร่งกว่ากระจกบนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นถึง 2 เท่า
ด้านหลังใช้ดีไซน์กระจกผิวด้าน และยังดูคล้ายกับรุ่นก่อน แต่มีการอัปเกรดกล้องใหม่ โดยเฉพาะกล้อง Ultra Wide ที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 48 ล้านพิกเซล
กล้องหน้าดูเหมือนยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้ว โดยถูกซ่อนไว้ในช่องเจาะบนหน้าจอที่เรียกว่า Dynamic Island เหนือขึ้นไปเป็นตำแหน่งของลำโพงและไมโครโฟน
ส่วนขอบด้านข้างของ iPhone 16 Pro Max มีความบาง 8.25 มิลลิเมตร เท่ากับรุ่นก่อน มาพร้อมปุ่มใหม่ Camera Control อยู่ฝั่งเดียวกับปุ่มด้านข้าง
อีกข้างยังมีปุ่ม Action ที่เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่รุ่นก่อน วางอยู่เหนือปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงสเตอริโอ ไมโครโฟน และ พอร์ต USB‑C ที่เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ iPhone 15 ในปีที่แล้ว โดยพอร์ต USB‑C ของ iPhone 16 Pro Max ใช้มาตรฐาน USB 3 ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 10Gbps (กิกะบิตต่อวินาที)
นอกจากนี้ iPhone 16 Pro Max ยังได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 สามารถอยู่รอดในน้ำที่ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
จอใหญ่กว่าเดิม ปรับแต่งหน้าจอได้มากขึ้น
iPhone 16 Pro Max เป็น iPhone ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากมีการขยายขนาดเป็น 6.9 นิ้ว จากรุ่นก่อนที่มีขนาด 6.7 นิ้ว แต่ไม่ต้องกังวลว่าหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้มีขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นตามไปด้วย เพราะ Apple ทำให้ขอบหน้าจอของ iPhone 16 Pro บางลงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่งผลให้ iPhone 16 Pro Max มีขนาดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับ iPhone 15 Pro Max
iPhone 16 Pro Max มาพร้อมจอแสดงผล Super Retina XDR ซึ่งเป็นจอ OLED ความละเอียด 2868 x 1320 พิกเซล ขนาด 6.9 นิ้ว ความหนาแน่นของ 460 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 (ทั่วไป) ให้ความสว่างสูงสุด 1,000 นิต (ทั่วไป), ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 1,600 นิต (HDR), ความสว่างสูงสุดเฉพาะจุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง) และ ปรับความสว่างต่ำสุดได้ถึง 1 นิต จึงเป็นจอภาพที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะใช้งานกลางแจ้งหรือในห้องที่มีแสงน้อย
จอแสดงผลของ iPhone 16 Pro Max รองรับ HDR ขอบเขตสีกว้าง (P3) และ การแสดงผลแบบ True Tone จึงแสดงภาพจากคอนเท้นต์ต่างๆ ได้อย่างสวยงามคมชัด อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชแบบปรับได้สูงสุดที่ 120Hz และสนับสนุนการแสดงผลแบบ Always-On Display (จอภาพแบบติดตลอด)
iPhone 16 Pro Max ทำงานบน iOS 18 เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งมีการปรับปรุง User Interface ครั้งใหญ่บนหน้าจอโฮม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดวางไอคอนและวิดเจ็ตไว้ตรงไหนก็ได้บนที่ว่างของหน้าจอโฮม ไม่ว่าจะวางไว้เหนือ Dock เพื่อให้เรียกใช้ได้ง่าย หรือวางเป็นกรอบรอบๆ วอลเปเปอร์ แต่เพื่อความเป้นระเบียบ ไอคอนต่างๆ บนหน้าจอโฮม ยังคงถูกตรึงไว้กับตารางที่มองไม่เห็น เพื่อให้แต่ละไอคอนมีช่องว่างเท่ากัน
ไอคอนบนหน้าจอโฮม สามารถเปลี่ยนสีพื้นหลังให้เข้ากับ Dark Mode ได้อย่างกลมกลืน หรือจะเปลี่ยนโทนสีไอคอนให้เข้ากับวอลเปเปอร์ที่ต้องการได้ การใส่โทนสีให้กับไอคอน สามารถใช้หลอดดูดสี เพื่อเลือกสีจากวอลเปเปอร์ที่กำลังใช้ ทำให้ภาพรวมของหน้าจอโฮมดูลงตัวมากขึ้น หรือใช้แถบปรับแต่งทั้งเฉดสีและความอิ่มตัวของสีด้วยตัวเอง เรายังสามารถขยายไอคอนบนหน้าจอโฮมให้ใหญ่ขึ้นได้ โดยปิดการแสดงชื่อแอปใต้ไอคอน ซึ่งทำให้ไอคอนมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ยังสามารถวางไอคอนได้สูงสุด 6 แถว และแต่ละแถวมี 4 ไอคอน
ผู้ใช้งานยังสามารถเปลี่ยนขนาดวิดเจ็ตได้ทันทีบนหน้าจอโฮม โดยไม่ต้องเข้าไปที่ตัวเลือกการปรับแต่ง ด้วย iOS 18 วิดเจ็ตจะมีแถบกลมสีขาวอยู่ที่มุม ซึ่งสามารถลากเพื่อทำให้ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงได้ อย่างไรก็ตาม ขนาดของวิดเจ็ตถูกจำกัดไว้ตามที่วิดเจ็ตกำหนดมาให้ ตัวอย่างเช่น วิดเจ็ตแบตเตอรี่ สามารถเปลี่ยนขนาดให้เท่ากับ ขนาดไอคอน 2×2 หรือ 4×4 หรือ 6×2
หน้าจอล็อคของ iPhone 16 Pro Max ที่ทำงานบน iOS 18 สามารถเปลี่ยนปุ่มทางลัดที่อยู่ด้านล่าง ให้เป็นฟังก์ชันอื่นที่ต้องการได้ จากปกติที่เป็นปุ่มกล้องและไฟฉาย หรือจะลบออกไปทั้งหมดเลยก็ได้ ซึ่งทางลัดที่จะนำมาแทนที่กล้องและไฟฉาย ไม่เพียงแต่รองรับแอปหรือฟีเจอร์ของ Apple เท่านั้น แต่ยังรวมถึงแอปของนักพัฒนารายอื่นด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแอปนั้นจะรองรับหรือไม่
นอกจากนี้ Control Center หรือ ศูนย์ควบคุมใน iOS 18 ก็ได้รับการออกแบบใหม่ สามารถปรับแต่งได้มากขึ้น และยืดหยุ่นยิ่งกว่าเดิม ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงกลุ่มส่วนควบคุมที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงสิ่งต่างๆ ที่ใช้เป็นประจำทุกวันได้ง่ายขึ้น และสามารถปัดสลับไปมาระหว่างแต่ละส่วนได้ง่ายดาย
ปุ่มใหม่ Camera Control
ปีที่แล้ว Apple ได้เปลี่ยนปุ่มสวิตช์ปิด/เปิดเสียงของ iPhone 15 Pro ให้กลายเป็นปุ่ม Action ที่มีประโยชน์กว่า มาในปีนี้ iPhone 16 ทุกรุ่น รวมถึง iPhone 16 Pro Max ก็ได้รับปุ่มใหม่เพิ่มเข้ามาอีก เรียกว่า ตัวควบคุมกล้อง หรือ Camera Control โดยติดตั้งอยู่ที่ขอบตัวเครื่อง ฝั่งเดียวกับปุ่มเพาเวอร์หรือปุ่มด้านข้าง
ปุ่ม Camera Control เกิดจากการผสานฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว ประกอบด้วยเซ็นเซอร์รับแรงกดความแม่นยำสูง พร้อมการตอบสนองแบบสั่นที่จำลองความรู้สึกมาจากการกดชัตเตอร์กล้อง DSLR และยังมีเซ็นเซอร์สัมผัสแบบใหม่ ซึ่งสามารถรับรู้การโต้ตอบที่แม่นยำ ไม่ว่าจะกดหรือเลื่อนนิ้ว
ผู้ใช้งาน iPhone 16 Pro Max สามารถกดปุ่ม Camera Control เพื่อเปิดแอปกล้อง และกดอีกครั้งเพื่อถ่ายภาพได้ทันที, เมื่ออยู่ในโหมดวิดีโอ ก็สามารถกดเพื่อเริ่มบันทึกวิดีโอ, รองรับการกดเบาๆ เพื่อเปิดตัวควบคุมอย่างการซูม หรือ กดเบาๆ สองครั้ง เพื่อเลือกการตั้งค่าอื่นของกล้อง แล้วเลื่อนนิ้วบนปุ่มเพื่อปรับการตั้งค่านั้น
นอกเหนือจากการใช้งานกล้อง ปุ่ม Camera Control ยังรองรับการทำงานร่วมกับ Apple Intelligence อีกด้วย เช่น กดค้างไว้เพื่อเรียกดูเวลาเปิดบริการหรือคะแนนของร้านอาหารที่เดินผ่าน, เพิ่มกิจกรรมจากใบปลิวลงในปฏิทิน, ระบุสายพันธุ์แมวได้อย่างรวดเร็ว หรือ จะใช้เป็นทางลัดเข้าสู่เครื่องมือบริษัทอื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือค้นหาของ Google หรือใช้ประโยชน์จาก ChatGPT
ในอนาคต (ภายในปีนี้) ปุ่ม Camera Control จะได้รับการอัปเดตให้สามารถทำงานเป็นชัตเตอร์แบบสองจังหวะได้ เพื่อล็อคโฟกัสและค่าแสงที่ตัวแบบโดยอัตโนมัติเมื่อกดเบาๆ ช่วยให้ผู้ใช้จัดเฟรมภาพใหม่ได้โดยที่ตัวแบบไม่หลุดโฟกัส และรองรับการทำงานร่วมกับแอปของนักพัฒนารายอื่น
ปรับปรุงกล้อง Ultra Wide
ระบบกล้องหลังของ iPhone 16 Pro Max ได้รับปรับปรุงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะกล้อง Ultra Wide ที่มีความละเอียดสูงขึ้น ขณะที่กล้องหลักถูกเรียกใหม่ว่ากล้อง Fusion กล้องทุกตัวยังผ่านการเคลือบสารกันแสงสะท้อนบนผิวเลนส์ เพื่อลดสิ่งแปลกปลอมอย่างเอฟเฟกต์แสง Flare และ Ghost
- กล้อง Fusion 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.78 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ รุ่นที่ 2
- กล้อง Ultra Wide 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองภาพ 120 องศา และรองรับการถ่ายภาพมาโคร 48 ล้านพิกเซล
- กล้อง Telephoto 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/2.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์แบบ 3D และออโต้โฟกัส
กล้อง Fusion มาพร้อมเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ที่เร็วขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น สามารถอ่านข้อมูลได้เร็วขึ้น 2 เท่า ทำให้ชัตเตอร์ไม่มีความหน่วงเลยเมื่อถ่ายภาพ 48 ล้านพิกเซล ในแบบ ProRaw หรือ HEIF
กล้อง Ultra Wide ใหม่ยังใช้เซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ที่มีออโต้โฟกัส เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพ 48 ล้านพิกเซล ในแบบ ProRAW และ HEIF ที่มีความละเอียดสูงขึ้นได้ เมื่อถ่ายภาพในมุมกว้างขึ้นที่มีการจัดเฟรมในแบบแปลกตา หรือใช้การถ่ายภาพมาโครเพื่อเข้าไปใกล้ๆ ตัวแบบ
กล้อง Telephoto ประกอบด้วยชุดเลนส์ 7 ชิ้น ดีไซน์แบบ Tetraprism ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบกระจกพับที่อยู่ใต้เลนส์เพื่อสะท้อนแสงถึง 4 ครั้ง ทำให้แสงเดินทางได้ไกลขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม ช่วยให้สามารถซูมแบบออปติคัลได้ 5 เท่า ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 25 เท่า
กล้องหลังทั้ง 3 ตัวของ iPhone 16 Pro Max ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสลับไปมาระหว่างทางยาวโฟกัส 7 ระยะ ได้แก่ มาโคร 0.5x, 13 มม., 24 มม., 28 มม., 35 มม., 48 มม. และ 120 มม.
iPhone 16 Pro Max ยังได้รับฟีเจอร์ Photographic Styles เจเนอเรชันล่าสุด ช่วยผู้ใช้งานถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์และปรับแต่งภาพถ่ายให้ออกมาสวยงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยการปรับสีสัน ไฮไลท์ และเงามืดในแบบเรียลไทม์ อีกทั้ง Styles ต่างๆ ยังมีความเข้าใจในโทนสีผิวจริงที่อยู่ใต้ผิวหนังมากขึ้นด้วย ผู้ใช้จึงสามารถปรับแต่งได้ว่าอยากให้โทนสีผิวในภาพออกมาเป็นอย่างไร โดยที่การปรับแต่งนั้นจะมีผลเฉพาะกับบางสีของ Styles ที่เลือกไว้ ไม่ได้เพิ่มสีให้กับทั้งฉากแบบฟิลเตอร์
หลังจาก iPhone 16 Pro Max ได้รับการอัปเดตเป็น iOS 18.1 แอป Photos จะได้รับเครื่องมือใหม่ Clean Up ซึ่งอาศัยความฉลาดของ Apple Intelligence ช่วยระบุและลบวัตถุที่รบกวนสายตาออกจากฉากหลังในภาพถ่ายได้ง่ายๆ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว พร้อมเติมฉากหลังที่หายไปได้อย่างแนบเนียน
การถ่ายวิดีโอด้วย iPhone 16 Pro Max ก็ได้รับการปรับปรุงจากรุ่นก่อนเช่นกัน ทั้งคุณภาพของวิดีโอ และเสียงที่ถูกบันทึกในวิดีโอ โดยสามารถถ่ายวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K สูงสุด 120 เฟรมต่อวินาที จากรุ่นก่อนที่ทำได้สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที และเมื่อเปิดดูย้อนหลังในแอป Photos ก็สามารถปรับความเร็วในการเล่นวิดีโอได้ ระหว่าง 24 / 30 / 60 / 120 เฟรมต่อวินาที
ผู้ใช้งาน iPhone 16 Pro Max ยังสามารถปรับแก้สีด้วยคุณภาพระดับภาพยนตร์แบบเฟรมต่อเฟรมสำหรับวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที และสามารถบันทึก ProRes และ Log ระดับ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที ลงบนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้โดยตรง
นอกจากนี้ iPhone 16 Pro Max ยังมาพร้อมไมโครโฟนใหม่คุณภาพระดับสตูดิโอ 4 ตัว จึงสามารถบันทึกวิดีโอพร้อมเสียงในระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) เพื่อให้เสียงที่เต็มอิ่มสมจริง เมื่อเปิดดูวิดีโอและฟังผ่าน AirPods, Apple Vision Pro หรือระบบเสียงรอบทิศทาง
ชิป A18 Pro
iPhone 16 Pro Max ขับเคลื่อนด้วยชิปรุ่นใหม่ A18 Pro ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรรุ่นที่ 2 พร้อมสถาปัตยกรรมใหม่ที่มีทรานซิสเตอร์เล็กลงและเร็วขึ้น ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น และมีพลังการประมวลผลระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองการเล่นเกมที่เน้นกราฟิกหนักๆ การถ่ายภาพขั้นสูง และรองรับฟีเจอร์ AI มากมายของ Apple Intelligence
ชิป A18 Pro ประกอบด้วย CPU แบบ 6-core (คอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์) ทำงานเร็วขึ้น 15% แต่ใช้พลังงานน้อยลง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ขณะที่ GPU แบบ 6-core ก็เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าสูงสุด 20% ด้านเทคโนโลยีเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ก็เร็วขึ้นสูงสุด 2 เท่า ทำให้แหล่งกำเนิดแสงและภาพสะท้อนมีความสมจริงมากขึ้น จากการทดสอบเล่นเกมระดับ AAA อย่างตระกูล Resident Evil ที่มาลง iPhone ได้ภาพที่ลื่นไหลขึ้น
โดยคะแนนที่ได้จากการทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องจากแอป Antutu ทำได้ 1,786,995 คะแนน ส่วน Geekbench 6 ทั้งคะแนน Single-Core และ Multi-Core ทำได้ได้สูงพอสมควร ถือว่าแรงกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด
Siri ฉลาดมากขึ้น พร้อมทำงานร่วมกับ ChatGPT
ด้วย Apple Intelligence ที่กำลังจะปล่อยออกมาให้เจ้าของ iPhone 16 Pro Max ได้ใช้งานหลังจากอัปเดต iOS 18.1 ในเดือนตุลาคมนี้ จะช่วยให้ Siri มีความฉลาดยมากยิ่งขึ้น สามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานได้รวดเร็วและเป็นธรรมชาติ เข้าใจภาษาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นแม้ผู้ใช้จะพูดตะกุกตะกัก รวมถึงเรียนรู้จากคำถามก่อนหน้า เพื่อปรับให้เข้ากับคำถามใหม่
Siri เวอร์์ชันใหม่ถูกผสานเป็นหนึ่งเดียวกับประสบการณ์ทั้งระบบมากขึ้น และมาในดีไซน์ใหม่ที่จะส่องแสงเรืองๆ อย่างสวยงามบริเวณโดยรอบของขอบหน้าจอ iPhone โดยผู้ใช้งานสามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri ได้ทุกเมื่อ ทั้งยังสลับไปมาระหว่างเสียงและข้อความได้อย่างลื่นไหล เพื่อเพิ่มความรวดเร็วให้กับสิ่งที่ทำเป็นประจำทุกวัน
ที่น่าสนใจก็คือ Siri ยังสามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ ChatGPT ของ OpenAI ในเรื่องที่ช่วยได้ โดยจะมีการถามผู้ใช้งานก่อนจะส่งคำถามไปยัง ChatGPT รวมถึงเอกสารหรือรูปภาพใดๆ ก็ตาม จากนั้น Siri จึงจะแสดงคำตอบโดยตรง
ใช้งานยาวนานสูงสุด 33 ชั่วโมง
iPhone 16 Pro Max ได้ชื่อว่าเป็น iPhone ที่มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 33 ชั่วโมง สำหรับการเล่นวิดีโอแบบออฟไลน์ นานขึ้น 4 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับ iPhone 15 Pro Max ที่มีอายุการใช้งานนานสูงสุด 29 ชั่วโมง
Apple ไม่ได้เปิดเผยความจุแบตเตอรี่ของ iPhone แต่ระบุว่ามีการออกแบบและปรับปรุงภายในใหม่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่า แบตเตอรี่ของ iPhone 16 Pro Max จะมีขนาดใหญ่ขึ้น และด้วยชิปรุ่นใหม่กว่า ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ iPhone 16 Pro Max ใช้พลังงานน้อยลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
นอกจากนี้ iPhone 16 Pro Max ยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ชาร์จได้สูงสุด 50% ในเวลา 35 นาที และสนับสนุนการชาร์จแบบไร้สายผ่าน MagSafe สูงสุด 25W, ชาร์จไร้สายในแบบ Qi2 สูงสุด 15W หรือ Qi สูงสุด 7.5W
สรุปราคาและการจำหน่าย
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน iPhone 16 Pro Max ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กลายเป็น iPhone ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุด จึงตอบสนองการใช้งานได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการรับชมความบันเทิงและเล่นเกม ด้านการถ่ายภาพก็ทำได้ดีกว่าเดิมด้วยกล้อง Ultra Wide ใหม่ที่มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ไม่ว่าจะถ่ายภาพมุมกว้างหรือใกล้วัตถุ การุ่ายวิดีโอก็มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น สามารถบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที เสริมด้วยปุ่มใหม่ Camera Control ควบคุมกล้องได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็น iPhone ที่ทรงพลังที่สุด สำหรับการใช้งาน Apple Intelligence ที่กำลังจะปล่อยออกมาให้อัปเดตพร้อมกับ iOS 18.1 ในเดือนตุลาคมนี้
iPhone 16 Pro Max จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้น 48,900 บาท สำหรับรุ่น 256GB, ราคา 56,900 บาท สำหรับรุ่น 512GB และ ราคา 64,900 บาท สำหรับ รุ่น 1TB