หลังจากปล่อย ROG Ally รุ่นแรกออกมาเขย่าตลาดเกมพกพาในไทยเมื่อปีที่แล้วแถมยังได้รับความนิยมแบบถล่มทลายในไทยอีกด้วย ล่าสุดในปี 2024 ทาง ASUS ก็ได้สานต่อความสำเร็จด้วย ROG Ally X (อาร์โอจี อัลลาย เอ็กซ์) ถึงแม้ว่ายังไม่ใช่ ROG Ally 2 ที่หลายคนรอคอย แต่ก็ถือเป็นเวอร์ชันอัปเกรดที่นำจุดอ่อนจากรุ่นแรกมาพัฒนาให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาที่มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ส่วนจะมีอะไรที่ได้รับการอัปเกรดไปจากรุ่นก่อน ทีมงาน @Flashfly ได้รีวิวมาให้แล้ว
สเปก ROG Ally X
- จอสัมผัส IPS ความละเอียด Full HD ขนาด 7 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
- CPU: AMD Ryzen Z1 Extreme Processor
- GPU: AMD Radeon Graphics, RDNA 3
- ความจำ RAM 24GB (LPDDR5X-7500)
- พื้นที่เก็บข้อมูล 1TB M.2 NVMe 2280 Gen 4×4 SSD
- สนับสนุนการ์ด Micro SD (UHS-II, Micro SD 4.0)
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (USB 3.2 Gen 2), USB-C (USB 4), 3.5mm Audio Combo Jack
- การเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi 6E (802.11ax), Bluetooth 5.2
- ลำโพงคู่ 1W พร้อมเทคโนโลยี Smart Amplifier
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos, Hi-Res Audio
- เทคโนโลยีลดเสียงรบกวน AI Noise Cancellation
- ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home
- แบตเตอรี่ Li-ion 80Wh
- รองรับชาร์จเร็ว 100W
- ขนาดตัวเครื่อง 280 x 111 x 24.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 678 กรัม
ดีไซน์คล้ายเดิม แต่ดีกว่าเดิม
หากมองในภาพรวม ROG Ally X ยังดูเหมือนกับ ROG Ally รุ่นแรก นอกจากสีสันตัวเครื่องจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีดำ แต่ไม่ได้หมายความว่าทาง ASUS จะไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะความจริงแล้ว ROG Ally X ได้รับการปรับปรุงดีไซน์หลายจุด เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เพื่อให้เหมาะสมกับหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น
เริ่มตั้งแต่ Grip ที่ถูกปรับให้มีความโค้งมนรับกับฝ่ามือ ทำให้จับถือสะดวกมากขึ้น ด้วยการเพิ่มความสูง 4.5 มิลลิเมตร พร้อมทำให้มีความลึกลงจากเดิม ช่วยเพิ่มการยึดเกาะเป็นพิเศษ และป้องกันการลื่นของนิ้วมือ
ตำแหน่งของจอยสติ๊ก เป็นอีกจุดที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีการขยับให้เข้ามาใกล้กับปุ่ม D-Pad และปุ่มกดด้านหน้า ช่วยให้การย้ายปลายนิ้วไปกดแต่ละปุ่มง่ายและเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นแรกที่เว้นช่องว่างห่างมากเกินไป
จอยสติ๊กของ ROG Ally X ยังมีความทนทานมากขึ้นตามมาตรฐาน XBOX โดยตัว Analog หมุนบังคับของจอยสติ๊ก สามารถหมุนได้ถึง 5 ล้านรอบ ขณะที่ ROG Ally ผ่านการทดสอบที่ 2 ล้านรอบ
ปุ่ม D-Pad ก็ได้รับการออกแบบใหม่เช่นกัน เพื่อลดความเหนียวเมื่อเคลื่อนที่เป็นวงกลม ในขณะที่ยังคงสั่งงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งยังรองรับการควบคุม 8 ทิศทาง ซึ่งรุ่นก่อนรองรับการควบคุม 4 ทิศทาง
ขณะที่ปุ่ม Trigger ของ ROG Ally X ก็มีการใช้ Hall Effect Triggers ที่ช่วยให้การเคลื่อนที่แม่นยำกว่าเดิม มีความทนทานสูง และไม่เสื่อมสภาพหลังจากการใช้งานที่ยาวนาน
ปุ่มมาโคร M1 และ M2 ถูกปรับให้มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อน มีความยืดหยุ่น เพื่อลดปัญหาการกดปุ่มโดยไม่ตั้งใจ และยังสามารถตั้งโปรแกรมให้ใช้งานฟังก์ชันเฉพาะ เพื่อใช้งานได้ในลักษณะเดียวกับการใช้ปุ่ม Fn บน PC
มาดูที่พอร์ตเชื่อมต่อด้านบนกันบ้าง จะเห็นว่าพอร์ต ROG XG Mobile Interface จากรุ่นแรกถูกตัดทิ้งออกไป แต่มีพอร์ต USB Type-C เพิ่มเข้ามา ทำให้ ROG Ally X มีพอร์ต USB Type-C รวม 2 พอร์ต ประกอบด้วยพอร์ต USB 3.2 Gen 2 Type-C และพอร์ต USB 4 Type-C
พอร์ต USB Type-C ทั้ง 2 พอร์ต รองรับ USB Power Delivery สูงสุด 100W จึงชาร์จได้เร็วขึ้น (แต่ในกล่องให้หัวชาร์จ 65W) และสนับสนุน DisplayPort 1.4 สำหรับต่อจอแสดงผลภายนอก ขณะที่พอร์ต USB 4 Type-C ช่วยให้ ROG Ally X สามารถเชื่อมต่อกับการ์ดจอภายนอก หรือ eGPU
นอกจากปรับปรุงดีไซน์ภายนอก ภายใน ROG Ally X ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเช่นกัน โดยได้รับความจุแบตเตอรี่ 80Wh เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากรุ่นก่อนที่มีขนาด 40Wh ส่งผลให้ ROG Ally X มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นราว 70 กรัม แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะทีมออกแบบของ ASUS ได้มีการปรับแต่งแชสซีใหม่ทำให้มีขนาดเบา เพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของแบตเตอรี่
จอ 7 นิ้วรีเฟรช 120Hz พร้อม FreeSync Premium
ROG Ally X มาพร้อมจอแสดงผล LCD IPS ระบบสัมผัสมัลติทัช 10 จุด ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ขนาด 7 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 16:9 ได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ให้ความทนทานและต้านทานรอยขีดข่วนและการกระแทกเป็นพิเศษ
จอแสดงผลของ ROG Ally X ให้มุมมองกว้างชัดเจนด้วยเทคโนโลยี IPS (In-Plane Switching) โดยมีความสว่างสูงสุด 500 นิต ขณะที่จอ LCD ทั่วไป จะมีความสว่างสูงสุด 200 – 300 นิต ทำให้มองเห็นรายละเอียดกราฟิกเกมได้อย่างชัดเจน เมื่อเล่นเกมในที่กลางแจ้ง อีกทั้งยังรองรับขอบเขตสี sRGB 100% ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และมีความเร็วในการตอบสนองของภาพ 7 มิลลิวินาที จึงมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นไม่สะดุด
เช่นเดียวกับรุ่นก่อน จอแสดงผลของ ROG Ally X ยังมาพร้อมเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium ช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหลไม่กระตุก ด้วยการรักษาอัตราการรีเฟรชสูง รองรับการชดเชยเฟรมเรทต่ำ และให้เวลาแฝงต่ำ
ROG Ally X มาพร้อม Armoury Crate SE 1.5 เวอร์ชั่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบใหม่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น มีแถบเลื่อนที่ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นในการควบคุมค่า TDP เพื่อการตั้งค่าเอง และการจัดสรร VRAM และการตั้งค่าอื่นๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น การอัปเดตซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ได้รับการปรับให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น สามารถดาวน์โหลดได้จาก Armory Crate ตั้งแต่ BIOS ไปจนถึงไดรเวอร์กราฟิก และอื่นๆที่จำเป็นได้ทันที
โปสเซสเซอร์ AMD Ryzen Z1 Extreme
ROG Ally X ถูกขับเคลื่อนด้วยโปสเซสเซอร์ AMD Ryzen Z1 Extreme แบบเดียวกับรุ่นก่อน ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมแบบ 4nm Zen 4 จำนวน 8 คอร์ ให้ความถี่สูงสุด 5.1GHz ด้านกราฟิกใช้ GPU RDNA 3 Radeon 780M พร้อม 12CU ความถี่สูงสุด 2.7GHz โดยใช้พลังงานประมาณ 15W เท่านั้น นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อ eGPU หรือ การ์ดจอภายนอก ได้อีกด้วย ผ่านพอร์ต USB 4 Type-C
จากการทดสอบเล่นเกม สามารถปรับความละเอียดสูงกว่า 1080p ได้แบบสบายๆ อย่างเช่น Resident Evil 8 ,Resident Evil 4 Remake บางเกมสามารถปรับความละเอียดสูงสุดได้เลย เล่นได้แบบลื่นไหลกว่าเดิมมาก อย่างเกม Tekken 8 ก็สามารถปรับได้ความละเอียดสูง ไม่หน่วงและไม่ต้องปรับลดความละเอียดลงเพื่อให้เกมลื่นไหลขึ้น ถือได้ว่า ROG Ally X ได้ถูกปรับปรุงแก้ไขออกแบบมาอย่างดีแม้ใช้ AMD Ryzen Z1 Extreme ตัวเดียวกับรุ่นที่แล้ว
RAM 24GB (LPDDR5X-7500)
ROG Ally X ได้รับการอัปเกรดความจำ RAM เพิ่มขึ้นจาก 16GB แบบ LPDDR5-6400 เป็น 24GB แบบ LPDDR5X-7500 โดยสามารถแบ่งความจำเป็น 16GB สำหรับ CPU และ 8GB สำหรับ iGPU จึงมั่นใจได้ว่าทั้ง CPU และ GPU จะได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพที่ราบรื่นและรวดเร็ว ไม่มีสะดุด
พื้นที่เก็บข้อมูลแบบ SSD ของ ROG Ally X ก็มีการอัปเกรดด้วยเช่นกัน โดยมีขนาด 1TB PCIe 4.0 NVMe (2280) สามารถถอดอัปเกรดได้ง่าย เผื่ออนาคตต้องการเพิ่มขนาดความจุให้มากขึ้น ขณะที่รุ่นก่อนมีขนาด 512GB PCIe 4.0 NVMe (2230) และยังมีช่องอ่านการ์ด SD มาให้เหมือนเดิม
ระบายความร้อน Zero Gravity แบบพัดลมคู่
ถึงแม้ ROG Ally X ยังไม่ได้รับการอัปเกรดโปรเซสเซอร์ แต่ได้รับการปรับปรุงระบบระบายความร้อนใหม่ ช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้น โดยใช้ระบบระบายความร้อน Zero Gravity แบบพัดลมคู่ ที่มีจำนวนใบพัดเพิ่มขึ้นเป็น 77 ใบ (จาก 47 ใบ) และระบายความร้อนออกไปทางช่องระบายอากาศที่ 3 ตรงด้านบน
พัดลมคู่ใน ROG Ally X ถูกปรับให้มีขนาดเล็กลง 23% บางเพียง 0.1 มิลลิเมตร (บางลง 50%) ทำให้มีพื้นที่ให้อากาศผ่านระหว่างใบพัดแต่ละใบได้มากขึ้น โดยมีเสียงรบกวนเบาลง และยังส่งผลให้มีพื้นที่ภายในมากขึ้น ทำให้ ROG Ally X มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าเดิม
ด้วยการปรับปรุงระบบระบายความร้อนใหม่ ส่งผลให้ ROG Ally X สามารถระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 24% และทำให้แผงหน้าจอเย็นลงถึง 6 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ASUS ยังติดตั้งตัวกรองฝุ่นที่ครอบคลุมช่องระบายอากาศทั้ง 2 ช่อง ช่วยป้องกันสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในพัดลม ทำให้ ROG Ally X มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
ระบบเสียง Dolby Atmos
ลำโพงของ ROG Ally X ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับการเล่นเกม ประกอบด้วยลำโพงด้านหน้า 2 ตัว ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เสียงที่ดังยิ่งขึ้น พร้อมด้วยเทคโนโลยี Smart Amp มอบประสบการณ์เสียงคุณภาพสูง สามารถเพิ่มความดังได้โดยไม่ผิดเพี้ยน และยังรองรับระบบเสียงเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos ใครที่ลองจับบอกเลยประทัยใจมากๆ โดยเฉพาะหากนำไปดูหนัง ซีรีย์เรื่องโปรด
นอกจากนี้ ROG Ally X ยังมีระบบตัดเสียงรบกวนด้วย AI แบบ 2 ทาง สามารถกรองเสียงรบกวนรอบข้างออกไประหว่างการแชทด้วยเสียง ช่วยให้เกมเมอร์สื่อสารกันได้ชัดเจน
แบตใหญ่ขึ้น ชาร์จไวกว่าเดิม
เนื่องจาก ROG Ally X เป็นเกมคอนโซลแบบพกพา การอัปเกรดแบตเตอรี่จึงเป็นเรื่องที่บรรดาเกมเมอร์ให้ความสำคัญ และ ASUS ก็ไม่ละเลยในจุดนี้ จึงมีการขยายความจุแบตเตอรี่ให้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 40Wh เป็น 80Wh โดยที่มีน้ำหนักตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 70 กรัม
ความจุแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเล่นเกมระดับ AAA ได้นานสูงสุด 2.7 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เพื่อความบันเทิงอย่างชมวิดีโอออนไลน์จาก Netflix หรือ YouTube จะให้อายุการใช้งานนานสูงสุดถึง 14.5 ชั่วโมง เมื่อแบตเตอรี่เต็ม ROG Ally X ยังได้รับการปรับปรุงเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วย สามารถชาร์จเร็วสูงสุดถึง 100W จากรุ่นก่อนที่รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 65W อย่างไรก็ตาม ภายในกล่องแถมหัวชาร์จ หรือ Power Adapter มาให้ในขนาด 65W
สรุปราคาและการจำหน่าย
ROG Ally X ถูกสร้างมาเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของ ROG Ally รุ่นแรก เพื่อให้เป็นเกมพกพาที่มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยได้รับการปรับแต่งดีไซน์และปุ่มควบคุมต่างๆ ให้จับถือได้ถนัดและมีความทนทานมากขึ้น ด้านประสิทธิภาพก็ได้รับการปรับปรุงทั้งระบบระบายความร้อน ขยายความจุแบตเตอรี่ เพิ่มขนาดความจำ และพื้นที่เก็บข้อมูล ช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหลมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับเกมเมอร์ตัวจริงที่กำลังมองหาเครื่องเกมพกพาประสิทธิภาพสูง สำหรับเล่นเกมระบบปฏิบัติการ Windows โดยเฉพาะ
- ROG Ally X พร้อมแล้วที่จะให้คุณเป็นเจ้าของ ในราคาเปิดตัว 29,990 บาท โดยลูกค้าจะได้รับการรับประกันตัวเครื่อง Global Warranty 2 ปี เข้าศูนย์ได้กว่า 83 ประเทศทั่วโลก และ Carry-In Warranty 2 ปี สามารถส่งตัวเครื่องเข้าศูนย์บริการใกล้บ้าน พร้อมฟรี! XBOX PC Game Pass ระยะเวลา 3 เดือน ให้คุณเล่นเกมได้มากกว่า 100 เกม
- ASUS Online Store: https://th.rog.gg/ekn4nh
- ASUS Official Store บน Shopee: https://th.asus.click/q3yspf
- ASUS Official Store บน Lazada: https://th.asus.click/iPUSWt