ในที่สุด vivo แจ้งเกิดสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของตระกูล V Series ด้วย vivo V40 Series 5G มาพร้อมกัน 2 รุ่นได้แก่ vivo V40 5G และ V40 Pro 5G ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับนวัตกรรมการถ่ายภาพพอร์ตเทรต ให้เหนือไปอีกขั้น ผ่านเทคโนโลยีสุดล้ำที่ร่วมพัฒนากับ ZEISS ผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลก ภายใต้แนวคิด ZEISS Portrait So Pro หรือ “พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน” หลังจากที่ได้ทำการแกะกล่องพรีวิวสัมผัสเครื่องจริงกันไปก่อนหน้าแล้ว รวมถึงทางทีมงานได้มีการปล่อยตัวอย่างภาพถ่ายสวยๆด้วยกล้องของรุ่นนี้ให้ชมไปก่อนหน้าแล้ว ก็มาถึงรีวิวฉบับเต็มของทั้ง 2 รุ่นนี้ที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมาก
ดีไซน์โดดเด่นที่กล้องหลัง Gemini Ring
ดีไซน์โดยรวมของ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ได้รับการออกแบบมาหรูหราบางเบาในสไตล์แบบเดียวเดียวกัน ตามที่ทีมงาน @Flashfly แกะกล่องพรีวิวให้ชมไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งคู่มาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ขอบจอโค้ง 3D มีความบางเพียง 7.58 มิลลิเมตร
และเป็นสมาร์ตโฟนกลุ่มแรกของ vivo V Series ที่ได้รับมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 สามารถต้านทานน้ำที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
อย่างไรก็ตาม เราสามารถแยกแยะความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ได้ง่ายๆ เนื่องจาก vivo V40 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน Stellar Silver, สีม่วง Nebula Purple และ สีพีช Sunglow Peach ขณะที่ vivo V40 Pro 5G มีให้เลือกเฉพาะสีเงิน Stellar Silver เท่านั้น
สีพีช Sunglow Peach ได้แรงบันดาลใจมาจากแสงแรกของดวงอาทิตย์ในยามเช้า ให้ความรู้สึกสงบ อบอุ่น สะท้อนถึงความงดงาม และการเริ่มต้นวันใหม่
สีม่วง Nebula Purple เปรียบได้กับสีท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกของฝุ่นละอองดาว สัญลักษณ์ของความกว้างใหญ่ ลึกลับ และเสน่ห์ไม่มีที่สิ้นสุด
สีเงิน Stellar Silver ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับวัสดุกระจก Fluorite AG มอบสัมผัสของตัวเครื่องที่หรูหรามีระดับ สง่างามเหนือกาลเวลา และทันสมัย
vivo V40 Series 5G ยังมีความแตกต่างเล็กน้อยที่รายละเอียดของกล้องหลัง โดยทั้งคู่ ได้รับกล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide และ 50MP ZEISS OIS Main Camera รวมไว้ในกรอบวงแหวนด้านบน แต่ vivo V40 Pro 5G จะมีกล้อง 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait เพิ่มเข้ามาที่กรอบด้านล่าง ถัดลงมาเป็นแสง Aura Light Portrait
ถึงแม้จะมีตำแหน่งเลนส์กล้องหลังแตกต่างกัน แต่ vivo V40 5G กับ V40 Pro 5G ก็มีดีไซน์กล้องหลังแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Gemini Ring ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความสมมาตรอันงดงาม และมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน เพิ่มความสวยงามให้กับโมดูลกล้องหลังด้วยรูปทรงโค้งมนที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
vivo V40 5G
vivo V40 5G ชูจุดเด่นที่การถ่ายภาพพอร์ตเทรตผ่านกล้อง ZEISS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 7 Gen 3 ของ Qualcomm ความจำ RAM สูงสุด 24GB (เมื่อขยายด้วยความจำเสมือนผ่านฟีเจอร์ Extended RAM) แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5500mAh ชาร์จไว 80W FlashCharge อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของสมาร์ตโฟน vivo V Series ที่ได้รับการออกแบบมาให้ทนฝุ่นและน้ำ IP68 และมีลำโพงคู่ให้เสียงสเตอริโอ
สเปก vivo V40 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัก 50MP ZEISS OIS + 50MP ZEISS Ultra Wide
- กล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie Camera มีระบบออโต้โฟกัส
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR4X) + ROM 256GB / 512GB (UFS 2.2)
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6 (2.4/5GHz), Bluetooth 5.4, NFC, OTG, USB Type-C (USB 2.0)
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, E-compass, Gyroscope
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- ระบุตำแหน่ง GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14
- มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68
- แบตเตอรี่ 5500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
- ขนาดตัวเครื่อง 164.16 x 74.93 x 7.58 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 190 กรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Sunglow Peach, Stellar Silver และ Nebula Purple
ดีไซน์เพรียวบาง ขอบจอโค้ง
vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED แบบขอบโค้ง 3D Curved Display ความละเอียด 2800 x 1260 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 452 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ความสว่างสูงสุด 4500 นิต รองรับขอบเขตสี DCI-P3 100% และความอิ่มตัวของสี NTSC 105%
พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ และติดตั้งกล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie Camera ไว้บนจอแสดงผล
กล้องหลังเลนส์ ZEISS ความละเอียด 50MP ทุกตัว
จุดเด่นสำคัญของสมาร์ตโฟน vivo V40 Series 5G อยู่ที่ระบบกล้องทุกตัวทั้งหน้า-หลัง ได้รับเลนส์ ZEISS ทั้งหมด โดย vivo V40 5G มีกล้องหลัง 2 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP ZEISS OIS Main Camera ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL GNJ ขนาด 1/1.56 นิ้ว เพิ่มการรับแสงได้มากขึ้น 2.8 เท่า พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (Optical Image Stabilization) ช่วยลดความเบลอที่เกิดจากการสั่นของมือได้อย่างดีเยี่ยม วางคู่กับกล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera ที่มีจำนวนพิกเซลมากกว่ากล้องมุมกว้างมาตรฐาน 8 ล้านพิกเซล ถึง 6.5 เท่า
- กล้องหลัก 50MP ZEISS OIS Main Camera ขนาดเซ็นเซอร์ 1/56” รูรับแสง f/1.88 มีระบบกันสั่น OIS
- กล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera รูรับแสง f/2.0 มีระบบออโต้โฟกัส ให้มุมมองกว้าง 119 องศา
โหมดถ่ายภาพของ vivo V40 5G มีโทนสีให้เลือก 3 แบบคือ Vivid เน้นสีสดในภาพ,Textured เน้นลายละเอียดและ ZEISS Natural ที่เป็นโทนสีของ ZEISS เช่นเดียวรุ่นแฟลกชิป โหมด Photo สามารถได้ถ่ายได้ตั้งแต่ระยะมุมกว้าง 0.6x ,1x ,2x และสูงสุด 20x และสามารถถ่ายภาพโหมด Macro ระยะใกล้ได้อีกด้วย
สำหรับการถ่ายวิดีโอนั้นรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K ที่ 30 fps ซูมได้สูงสุด 10x ยังมี Movie โบเก้ของ ZEISS ให้ใช้งานอีกด้วย เพิ่มความเบลอของฉากหลังให้สวยงามยิ่งขึ้น หรือจะเลือกใช้โทนสีแบบภาพยนตร์ Movie LUTs ก็มีให้เลือกใช้งาน และยังมีโหมด Micro Movie ที่มีโทนสีสวยๆและ Template ให้เลือกใช้งานในการถ่ายคลิปวิดีโอสั้นแชร์บนโลกออนไลน์ได้อย่างสนุกอีกด้วย
สร้างมาเพื่อถ่ายภาพพอร์ตเทรต
vivo V40 Series 5G ชูจุดเด่นด้านการถ่ายภาพพอร์ตเทรตด้วย ZEISS Multifocal Portrait ที่ให้ระยะโฟกัสแบบเดียวกับกล้องระดับมืออาชีพ โดยกล้องหลังของ vivo V40 5G รองรับการถ่ายภาพพอร์ตตั้งแต่ระยะ 24 มม. สำหรับถ่ายภาพแนวท่องเที่ยว, ระยะ 35 มม. สำหรับถ่ายภาพพอร์ตเทรต รวมถึงเก็บบรรยากาศด้านหลัง และระยะ 50 มม. เหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบครึ่งตัว เน้นรายละเอียดที่ตัวแบบและมีโบเก้ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ZEISS มาให้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น Biotar, B-speed, Sonnar, Planar, Distagon,Cine-flare และ Cinematic
ระบบแสง Aura Light Portrait
vivo V40 5G ยังมีไฟวงแหวน Aura Light Portrait ติดตั้งอยู่ใต้เลนส์กล้องหลัก ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความสว่างกว่าเดิม 33% มอบแสงที่นุ่มนวลและครอบคลุมยิ่งขึ้นเมื่อถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้ และเพิ่มแสงที่สว่างที่ชัดเจนเมื่อถ่ายภาพในระยะไกล ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการใช้แสงสู่ระดับมืออาชีพ
นอกจากนี้ vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ vivo V Series ที่มาพร้อม AI 3D Studio Lighting ใช้ประโยชน์จากอัลกอริทึมของ AI มาวิเคราะห์ใบหน้าแบบ 3D เพื่อเติมแสงบนใบหน้าอย่างเหมาะสม ทำให้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตออกมาสวยงามสมจริง อย่างเป็นธรรมชาติ
กล้องหน้าเลนส์ ZEISS ความละเอียด 50MP
กล้องหน้าของ vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ก็ได้รับเลนส์ ZEISS พร้อมโบเก้สวยๆให้เลือกใช้งานเช่นเดียวกับกล้องหลัง โดยกล้องหน้านั้นติดตั้งไว้บนหน้าจอ มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 มีระบบออโต้โฟกัส ให้มุมมองกว้าง 92 องศา สามารถถ่ายได้ 3 ระยะคือ 0.8x ,1x และ 2x รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกับเพื่อนๆ เก็บใบหน้าได้ครบทุกคน และยังมีเทคโนโลยีปรับแต่งใบหน้าให้ดูดีขึ้นด้วย AI Facial Contouring Technology รองรับถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 30 fps เช่นเดียวกับกล้องหลัง
แน่นอนว่าโหมดถ่ายภาพและวิดีโอที่น่าสนใจก็ยังคงอัดแน่นใน vivo V40 Series 5G ไม่ว่าจะเป็นโหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง ,ถ่ายอาหาร ,โหมดโปร ,โหมดภ่ายภาพมุมกว้าง, โหมดถ่ายวัตถุเคลื่อนที่เร็ว ,การถ่ายภาพตอนกลางคืน ,ถ่ายดาว จนไปถึงการถ่ายภาพดวงจันทร์ การถ่ายวิดีโอสนุกด้วย Time-lapse และ Dual View
ใน vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์ AI ในการตกแต่งภาพถ่ายทั้ง AI erase ในการลบคนหรือวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพด้วย Smart circle แค่วงออกไปเท่านั้น และยังมี AI Photo Enhance เปลี่ยนภาพถ่ายความละเอียดต่ำให้มีความคมชัดระดับ Ultra HD ได้ทันที ใครที่มีไฟล์ภาพเก่าๆอยากทำให้คมชัดยิ่งขึ้นก็ทำได้ง่ายๆด้วย AI
ตัวอย่างภาพถ่าย vivo V40 5G
ชิปประมวลผล Snapdragon 7 Gen 3
vivo V40 5G ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3 ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตร ของ TSMC ประกอบด้วย CPU (Qualcomm Kryo) แบบ 64-bit Octa Core (1 + 3 + 4) ที่มีคอร์หลัก สูงสุด 2.63GHz + คอร์ด้านประสิทธิภาพ สูงสุด 2.4GHz + คอร์ด้านประหยัดพลังงาน สูงสุด 1.8GHz ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 15% และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวม 20% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 7 Gen 1 ขณะที่ Adreno GPU ของ Snapdragon 7 Gen 3 สามารถเรนเดอร์กราฟิกได้เร็วขึ้นสูงสุด 50%
ด้านความจำมากับ RAM (LPDDR4X) ขนาด 12GB สามารถขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM (ยืมพื้นที่ ROM มาใช้เป็นความจำเสมือนชั่วคราว) โดยมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (UFS 2.2) ให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 256GB และ 512GB
จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า vivo V40 5G ทำได้มากกว่า 820,000 คะแนน
แบต 5500mAh ชาร์จไว 80W FlashCharge
vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น มีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน 5500mAh ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ BlueVolt ทำให้ขนาดแบตเตอรี่เล็กลง 16.5% มีความหนาแน่นของประจุเพิ่มขึ้น 20% ส่งผลให้แบตเตอรี่ของ vivo V40 Series 5G มีความจุแบตเตอรี่มากกว่า 1000mAh เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปที่มีขนาดเดียวกัน ทำให้แบตเตอรี่มีน้ำหนักเบากว่า
และช่วยให้ตัวเครื่อง vivo V40 5G และ V40 Pro 5G มีดีไซน์ที่บางเป็นพิเศษ นอกจากนี้ vivo V40 Series 5G ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W FlashCharge แถมหัวชาร์จ 80W Power Adapter มาให้แล้วในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ลำโพงคู่ให้เสียงสเตอริโอ
vivo V40 Series 5G ยังเป็นสมาร์ตโฟนกลุ่มแรกของ vivo V Series ที่มีลำโพงคู่ให้เสียงสเตอริโอ พร้อมระบบเสียง 3D เพิ่มเสียงเบสให้หนักแน่น จึงมอบประสบการณ์ความบันเทิงได้อย่างเต็มอิ่มทั้งภาพและเสียง
vivo V40 Pro 5G
เช่นเดียวกับรุ่นพื้นฐาน vivo V40 Pro 5G นับเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ vivo V Series ที่มีความสามารถในการป้องกันฝุ่นและน้ำตามตามมาตรฐาน IP68 รวมถึงได้รับการติดตั้งลำโพงคู่ให้เสียงสเตอริโอ โดยเหนือกว่าที่มีกล้อง Telephoto Portrait เสริมเข้ามา และใช้ชิปประมวลผล Dimensity 9200+ ของ MediaTek ความจำ RAM สูงสุด 24GB (เมื่อขยายด้วยความจำเสมือนผ่านฟีเจอร์ Extended RAM) ความจุแบตเตอรี่ 5500mAh และรองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
สเปก vivo V40 Pro 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัก 50MP ZEISS OIS + 50MP ZEISS Ultra Wide + 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait
- กล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie Camera มีระบบออโต้โฟกัส
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9200+
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) + ROM 512GB (UFS 3.1)
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7 (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3, NFC, OTG, USB Type-C (USB 2.0)
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, E-compass, Gyroscope
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- ระบุตำแหน่ง GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14
- มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68
- แบตเตอรี่ 5500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
- ขนาดตัวเครื่อง 164.16 x 74.93 x 7.58 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 192 กรัม
- มีให้เลือกเฉพาะสี Stellar Silver
เลนส์ ZEISS Telephoto Portrait 50MP
กล้องทุกตัวของ vivo V40 Pro 5G ได้รับเลนส์กล้อง ZEISS เช่นเดียวกัน แต่พิเศษกว่าที่มีกล้องหลัง 3 ตัว โดยเพิ่มกล้อง 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait เข้ามา ทำให้ระบบแสง Aura Light Portrait ต้องขยับลงไป กลายเป็นอีกจุดที่สร้างความแตกต่างจาก vivo V40 5G
กล้องหลังของ vivo V40 Pro 5G ยังได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีประมวลผลภาพ VCS (vivo Camera-Bionic Spectrum) ช่วยปรับภาพให้คมชัดขึ้น 25% และเพิ่มความแม่นยำของสี 7.7% เมื่อเทียบกับกล้องมือถือทั่วไป ทำให้ภาพถ่ายมีความคมชัดใกล้เคียงกับที่ตาเห็น
- กล้องหลัก 50MP ZEISS OIS Main Camera ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX921 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/56” รูรับแสง f/1.88 มีระบบกันสั่น OIS
- กล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide-Angle Camera รูรับแสง f/2.0 มีระบบออโต้โฟกัส ให้มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง 50MP ZEISS Telephoto Portrait Camera ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX816 มีระบบกันสั่น OIS
เนื่องจากมีกล้อง 50MP ZEISS Telephoto Portrait ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ vivo V40 Pro 5G รองรับการซูมออปติคัลได้สูงสุด 4 เท่า และซูมแบบดิจิทัล สูงสุด 50 เท่า
อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพภาพพอร์ตในระยะที่หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็น ระยะ 24 มม. สำหรับถ่ายภาพแนวท่องเที่ยว , ระยะ 35 มม. สำหรับถ่ายภาพพอร์ตเทรต รวมถึงเก็บบรรยากาศด้านหลัง, ระยะ 50 มม. สำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบครึ่งตัวขึ้นไป, ระยะ 85 มม. สำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตช่วงหน้าอกขึ้นไป และ ระยะ 100 มม. สำหรับถ่ายภาพที่เน้นใบหน้าบุคคล สื่ออารมณ์ได้ชัดเจน
ทางด้านการถ่ายวิดีโอด้วย vivo V40 Pro 5G นั้นทำได้ยอดเยี่ยมรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 4K 60 fps ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลยทีเดียว โดยสามารถซูมได้สูงสุด 10x
ตัวอย่างภาพถ่าย vivo V40 Pro 5G
ชิปประมวลผล Dimensity 9200+
vivo V40 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9200+ ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ของ TSMC ประกอบด้วย CPU แบบ 64-bit Octa Core (1 + 3 + 4) ซึ่งมีคอร์หลัก Arm Cortex-X3 ความเร็วสูงสุด 3.35GHz + คอร์ด้านประสิทธิภาพ Arm Cortex-A715 ความเร็วสูงสุด 3.0GHz + คอร์ด้านประหยัดพลังงาน Arm Cortex-A510 ความเร็วสูงสุด 2.0GHz พร้อมด้วย GPU – Arm Immortalis-G715
ด้านความจำมากับ RAM (LPDDR5X) ขนาด 12GB สามารถขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM (ยืมพื้นที่ ROM มาใช้เป็นความจำเสมือนชั่วคราว) โดยมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน (UFS 3.1) ขนาด 512GB
สังเกตได้ว่า vivo V40 Pro 5G ใช้ชิปความจำมาตรฐานใหม่กว่า จึงมีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลเร็วกว่า vivo V40 5G และจากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า vivo V40 Pro 5G ทำได้เกือบ 1,350,000 คะแนน
สรุปราคาและการจำหน่าย
vivo V40 Series 5G ให้ความโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็นด้วยดีไซน์พรีเมียมที่มีสวยงาม บางเบา โดยชูจุดเด่นที่การถ่ายภาพพอร์ตเทรตจากกล้อง ZEISS ทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าหรือกล้องหลัง ก็มีความละเอียดเท่ากันหมด (50 ล้านพิกเซล) สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตให้ออกมาดูดีเหมือนมีช่างภาพมืออาชีพมาช่วยถ่าย อีกทั้งยังใช้จอแสดงผลแบบขอบจอโค้ง 3D ที่ให้สีสันสวยงาม พร้อมลำโพงคู่เพื่อมอบเสียงสเตอริโอ นอกจากนี้ ยังได้รับมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 เรียกได้ว่า vivo V40 Series 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงอย่างแท้จริง แต่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
ทั้งนี้ vivo V40 5G มีความเพียบพร้อมเช่นเดียวกับ vivo V40 Pro 5G ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ เลนส์กล้อง ZEISS แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5500mAh รองรับชาร์จไว 80W FlashCharge ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนระดับ Lite Flagship แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น vivo V40 Pro 5G จะตอบโจทย์กว่า อีกทั้งยังมีกล้อง 50MP ZEISS Telephoto Portrait เสริมเข้ามา ช่วยถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะที่หลากหลายกว่า
vivo V40 5G เปิดราคาทางการในประเทศไทยที่ 15,999 บาทในรุ่นความจุ 12GB+256GB และราคา 17,999 บาทรุ่นความจุ 12GB+512GB มีให้เลือก 3 สีได้แก่ สีพีชซันโกลว์ (Sunglow Peach) ,สีม่วงเนบิวลา (Nebula Purple) และ สีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) ส่วน vivo V40 Pro 5G ความจุ 12GB+512GB ราคา 24,999 บาท มีให้เลือกสีเงินสเตลลาร์ (Stellar Silver) สีเดียวเท่านั้น
พิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อภายในวันที่ 2 กันยายน – 30 กันยายน 2567 จะได้สิทธิ์รับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 12,298 บาท ประกอบด้วย
- หูฟัง vivo TWS 3e (มูลค่า 1,799 บาท เฉพาะผู้ที่ซื้อรุ่น V40 Pro 5G)
- V40 Series 5G Premium Gift Box (มูลค่ารวม 10,499 บาท) ภายในประกอบด้วย เคสใส 1 ชิ้น ตัวยึดกับเคสสีพีช 1 ชิ้น สายคล้องข้อมือแบบเชือกสีดำ 1 ชิ้น กระเป๋าใส่เหรียญสีดำ 1 ใบ และ E-VIP รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก
พิเศษยิ่งขึ้น! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อในรูปแบบ Walk-In ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2567 ณ vivo Brand Shop ทุกสาขา รับเพิ่มทันทีหูฟัง vivo TWS 3e สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 5G และส่วนลด 500 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ V40 Pro 5G