vivo สานต่อความสำเร็จที่ vivo V30 Series 5G ทำไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ด้วยสมาร์ตโฟน vivo V40 Series 5G ที่มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ทั้งคู่ชูจุดเด่นที่ได้รับเลนส์กล้อง ZEISS ทุกตัว ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง สมกับคอนเซ็ปต์ “พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน” ยังคงมีดีไซน์เพรียวบาง หน้าจอขอบโค้งกันน้ำกันฝุ่น ชาร์จไว 80W FlashCharge
แกะกล่อง vivo V40 Series 5G
vivo V40 5G และ V40 Pro 5G ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีดำ หน้ากล่องระบุชื่อรุ่น V40 หรือ V40 Pro ไว้อย่างชัดเจนอยู่ภายในกรอบวงแหวนที่สื่อถึงระบบไฟ Aura Light Portrait โดยใต้ชื่อรุ่นถูกกำกับไว้ด้วยข้อความ Co-engineered with ZEISS ยืนยันได้ว่าทั้งคู่มาพร้อมเลนส์กล้องคุณภาพสูงและเทคโนโลยีการถ่ายภาพชั้นนำที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลก
ภายในกล่อง vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ยังได้รับอุปกรณ์เสริมและของแถมเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ฟิล์มกันรอยหน้าจอ (ติดมาให้แล้วจากโรงงาน), เคส, คู่มือ, ข้อมูลสำคัญและบัตรรับประกัน, สายชาร์จ, หัวชาร์จแบตเตอรี่สูงสุด 80W และ เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด
ทั้งนี้ เคสที่แถมมาให้ในกล่อง มีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสีสันของตัวเครื่อง โดยตัวเครื่องสีพีช Sunglow Peach จะได้รับเคสใส, ตัวเครื่องสีเงิน Stellar Silver ได้รับเคสทึบสีดำ และ ตัวเครื่องสีม่วง Nebula Purple ได้รับเคสทึบสีม่วง ซึ่ง vivo V40 5G มีให้เลือกทั้ง 3 สี แต่ vivo V40 Pro 5G มีเฉพาะสีเงิน Stellar Silver
ดีไซน์เพรียวบาง ขอบจอโค้ง กันน้ำได้
vivo V40 5G และ V40 Pro 5G ได้รับการออกแบบมาในสไตล์เดียวกัน โดดเด่นที่จอแสดงผลแบบขอบโค้ง 3D ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ และติดตั้งกล้องหน้า 50MP ZEISS Group Selfie Camera ไว้ในหลุมบนจอแสดงผล
vivo V40 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Sunglow Peach, Stellar Silver และ Nebula Purple ขณะที่ vivo V40 Pro 5G มีให้เลือกเฉพาะสี Stellar Silver แต่ด้านหลังของทั้งคู่ใช้วัสดุกระจก และดีไซน์คล้ายกันมาก แตกต่างกันที่ตำแหน่งกล้องหลัง เนื่องจาก vivo V40 Pro 5G มีกล้อง 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait เพิ่มเข้ามา
- สีพีช Sunglow Peach ได้แรงบันดาลใจมาจากแสงแรกของดวงอาทิตย์ในยามเช้า มอบพลังบวกผ่านความรู้สึกสงบและอบอุ่น เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความหวัง และการเริ่มต้นใหม่
- สีเงิน Stellar Silver เกิดจากการผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับวัสดุกระจก Fluorite AG ให้สัมผัสตัวเครื่องที่หรูหรา ทันสมัย และมีระดับ
- สีม่วง Nebula Purple เปรียบเสมือนสีสันของท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ปกคลุมด้วยหมอกดาว ให้ความรู้สึกลึกลับ น่าหลงใหล และเหนือกาลเวลา
vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมโมดูลกล้องหลังดีไซน์ใหม่เรียกว่า Gemini Ring ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสมมาตรอันงดงาม และมีเอกลักษณ์ของกลุ่มดาวราศีเมถุน เพิ่มความสวยงามให้กับโมดูลกล้องหลังด้วยรูปทรงโค้งมนที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับดีไซน์ในภาพรวม
ถึงแม้ภาพรวมของ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G จะมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก แต่ก็สามารถแยกแยะความแตกต่างได้ที่โมดูลกล้องหลัง โดยทั้ง 2 รุ่น ได้รับกล้อง 50MP ZEISS Ultra Wide และ 50MP ZEISS OIS Main Camera รวมไว้ในกรอบวงแหวนด้านบน แต่ vivo V40 Pro 5G จะมีกล้อง 50MP ZEISS OIS Telephoto Portrait เพิ่มเข้ามาที่กรอบด้านล่าง ถัดลงมาเป็นแฟลช Aura Light
ดีไซน์ตัวเครื่องของทั้งคู่ ยังมีความบางเฉียบเพียง 7.58 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา ตอกย้ำแนวคิดการออกแบบของ vivo ที่มุ่งเน้นการผสานความโฉบเฉี่ยวทันสมัย เข้ากับประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยม
ปุ่มปรับระดับเสียงวางไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์ที่ขอบด้านข้าง
ด้านบนพบรูไมโครโฟนตัวที่ 2 พร้อมข้อความ Professional Portrait บ่งบอกถึงจุดเด่นในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต
มุมมองด้านล่าง ประกอบด้วย ลำโพงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C (USB 2.0), ไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด
นอกจากนี้ vivo V40 5G และ V40 Pro 5G ยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ vivo V Series ที่ออกแบบมาให้ป้องกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP68 สามารถอยู่รอดในน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที จึงพกพาสมาร์ตโฟนไปดูหนังเวลาแช่น้ำในอ่างได้อย่างสบายใจ และมั่นใจได้ว่าสมาร์ตโฟนจะปลอดภัยเมื่อถูกสาดน้ำหรือตากฝน
เลนส์กล้อง ZEISS ทุกตัว
vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ได้รับการยกระดับนวัตกรรมภาพพอร์ตเทรตให้เหนือไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ร่วมพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลกอย่าง ZEISS ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ZEISS Portrait So Pro หรือ พอร์ตเทรตเปิด เกิดทุกคน” และมาพร้อมเลนส์กล้อง ZEISS ทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลังหรือกล้องหน้า
กล้องหลังของ vivo V40 5G ประกอบด้วย กล้อง Ultra Wide 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ให้มุมมองกว้าง 119 องศา มีระบบออโต้โฟกัส ถัดลงมาเป็นกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL GNJ ขนาด 1/1.56″ รูรับแสง f/1.88 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล (Optical Image Stabilization)
กล้องหลังของ vivo V40 Pro 5G ประกอบด้วย กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ให้มุมมองกว้าง 119 องศา ถัดลงมาเป็นกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX921 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล OIS (Optical Image Stabilization) และยังมีกล้อง Telephoto Portrait ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX816 รองรับซูมออปติคัล 2 เท่า ZEISS Hyper Zoom สูงสุด 50 เท่า และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล (Optical Image Stabilization) อีกเลนส์ด้วย
แน่นอนว่าทั้ง 2 รุ่นยังคงมาพร้อมไฟ Aura Light อัจฉริยะเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิของสภาพแสง ให้ใบหน้าสว่างสวยงามแม้ในที่มืด แถมรอบนี้ยังอัปเกรดมี AI เข้ามาช่วยอีกด้วย
กล้องหน้าของทั้งคู่เหมือนกัน ติดตั้งไว้ในหลุมบนหน้าจอ มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ให้มุมมองกว้าง 92 องศา รองรับระบบออโต้โฟกัส และได้รับเลนส์ ZEISS เช่นเดียวกับกล้องหลัง
แบต 5500mAh ชาร์จไว 80W FlashCharge
vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G มีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน 5500mAh โดยใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ BlueVolt ทำให้มีขนาดแบตเตอรี่เล็กลง 16.5% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไปที่มีความจุเท่ากัน อีกทั้งยังทำให้แบตเตอรี่ของ vivo V40 Series 5G มีความหนาแน่นของประจุเพิ่มขึ้น 20% ทำให้แบตเตอรี่เบากว่า ขณะที่สามารถเพิ่มความจุแบตเตอรี่ได้ถึง 1000mAh เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่อื่นที่มีขนาดเดียวกัน นอกจากนี้ vivo V40 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W FlashCharge แถมหัวชาร์จ 80W Power Adapter มาให้แล้วในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
จอสว่างสูงสุด 4500 นิต
จอแสดงผลเป็นอีกคุณสมบัติที่ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G แชร์สเปกร่วมกัน โดยมาพร้อมจอแสดงผล AMOLED แบบขอบโค้ง 3D Curved Display ความละเอียด 2800 x 1260 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และให้ความสว่างสูงสุด 4500 นิต โดยติดตั้งกล้องเซลฟี่ไว้ในหลุมบนจอแสดงผล และซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ
ประสิทธิภาพ
มาถึงความแตกต่างที่ชัดเจนของ vivo V40 Series 5G โดย vivo V40 5G ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 7 Gen 3 ความจำ RAM (LPDDR4X) ขนาด 12GB ขณะที่ความจุ ROM (UFS 2.2) มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ 256GB หรือ 512GB สามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 24GB
สำหรับ vivo V40 Pro 5G ได้รับชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9200+ ด้านความจำมีตัวเลือกเดียว RAM 12GB (LPDDR5X) จับคู่กับ ROM 512GB (UFS 3.1) และสามารถขยายความจำ RAM ด้วยฟีเจอร์ Extended RAM ได้สูงสุด 12GB เช่นเดียวกัน
เปิดตัวในประเทศไทย 29 สิงหาคมนี้
vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ถูกสร้างมาเพื่อเอาใจผู้ใช้งานที่เน้นการถ่ายภาพเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการถ่ายภาพพอร์ตเทรตด้วยเลนส์กล้องคุณภาพสูงจากผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ระดับโลกอย่าง ZEISS อีกทั้งยังมีดีไซน์หรูหราพรีเมียมด้วยจอแสดงผลขอบโค้ง 3D ขนาดใหญ่ ตัวเครื่องบางเพียง 7.58 มิลลิเมตร ช่วยให้จับถือได้อย่างสะดวก พร้อมป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP68
ทั้งนี้ vivo V40 Series 5G กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทย วันที่ 29 สิงหาคมนี้ แต่ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเป็นเจ้าของ vivo V40 5G และ vivo V40 Pro 5G ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เพื่อเป็นเจ้าของ vivo V40 Series 5G ก่อนใคร พร้อมรับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 12,798 บาท ประกอบด้วย…
- ส่วนลด 500 บาท (เฉพาะผู้ที่ซื้อรุ่น V40 Pro 5G)
- หูฟัง vivo TWS 3e (มูลค่า 1,799 บาท)
- V40 Series 5G Premium Gift Box (มูลค่ารวม 10,499 บาท) ภายในประกอบด้วย เคสใส 1 ชิ้น ตัวยึดกับเคสสีพีช 1 ชิ้น สายคล้องข้อมือแบบเชือกสีดำ 1 ชิ้น กระเป๋าใส่เหรียญสีดำ 1 ใบ และ E-VIP รับประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี ประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก