นอกจากสมาร์ทโฟนจอพับได้ระดับไฮเอนด์ Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6 ที่ทีมงาน @Flashfly นำเสนอไปก่อนหน้านี้ Samsung ยังมีหูฟังไร้สาย และสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวพร้อมกันด้วย โดย Galaxy Buds3 Pro นำเสนอประสบการณ์การสื่อสารใหม่ด้วย Galaxy AI และ Galaxy Watch7 ได้รับการปรับปรุงด้วยอัลกอริทึม AI ที่ล้ำหน้า
Samsung Galaxy Buds3 Pro
Galaxy Buds3 Pro ถูกยกระดับการสื่อสารด้วย Galaxy AI สามารถแปลการบรรยายในชั้นเรียนภาษาต่างประเทศแบบเรียลไทม์ได้ผ่านโหมด Interpreter รวมถึงใช้คำสั่งเสียง (Voice Command) ควบคุมการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้โดยไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์ อีกทั้งยังรองรับ Adaptive EQ และ Adaptive ANC ช่วยคุณภาพเสียงจะถูกปรับให้เหมาะสมอัตโนมัติ พร้อมฟีเจอร์ Adaptive Noise Control, Siren Detect และ Voice Detect
สเปก Galaxy Buds3 Pro
- ลำโพงแบบ 2-Way ประกอบด้วย Dynamic 10.5 มิลลิเมตร + Planar 6.1 มิลลิเมตร
- ไมโครโฟน 3 ตัว + VPU (Voice Pickup Unit)
- รองรับฟีเจอร์ ANC, Ambient Sound, Voice Detect
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.4 พร้อมฟีเจอร์ Auto Switch
- รองรับการถอดรหัส SSC (Samsung Seamless Codec), AAC, SBC
- สนับสนุนคุณภาพเสียง UHQ, 24-bit Hi-Fi, 360 Audio with Direct Multi-Channel
- เซ็นเซอร์ Voice Pickup Unit (VPU), Force & Touch (Swipe), SWIR, Accelerometer, Hall Sensor
- ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android 10 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า และมีความจำ RAM มากกว่า 1.5GB
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP57 (เฉพาะหูฟัง)
- ขนาดหูฟังแต่ละข้าง 18.1 x 19.8 x 33.2 มิลลิเมตร
- น้ำหนักหูฟังแต่ละข้าง 5.4 กรัม
- ขนาดเคสชาร์จ 58.9 x 48.7 x 24.4 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 46.5 กรัม
- แบตเตอรี่หูฟังแต่ละข้าง 53mAh
- แบตเตอรี่เคสชาร์จ 515mAh
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Silver และ White
ดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟ Blade Lights
Galaxy Buds3 Pro ได้รับการออกแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน เริ่มตั้งแต่เคสชาร์จที่มีฝาแบบโปร่งใส จนมองทะลุเห็นหูฟังที่อยู่ภายใน โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน และ สีขาว (หูฟังและเคสชาร์จใช้สีเดียวกัน) ด้านหน้าเคสชาร์จ มีไฟแสดงสถานะ 1 จุด อยู่บริเวณใต้ฝาเคส
ส่วนฐานของเคสชาร์จ พบพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และปุ่มเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับจับคู่กับอุปกรณ์ที่จะทำงานร่วมกัน ขณะที่ดีไซน์ของส่วนฐานถูกทำให้แบนราบ จึงสามารถวางเคสชาร์จในแนวตั้งได้
ด้านหลังเคสชาร์จรองรับการชาร์จไร้สาย เพิ่มความสะดวกในการชาร์จสำหรับผู้ใช้งานที่มีแท่นชาร์จไร้สาย
สำหรับหูฟัง Galaxy Buds3 Pro ใช้ดีไซน์แบบ Canal Type หรือ In-Ear ที่คิดค้นมาใหม่ให้เหมาะกับสรีระ สวมใส่ได้พอดี และเพิ่มความโดดเด่นด้วยแถบแสงไฟ Blade Lights ซึ่งไม่มีใน Galaxy Buds3
ก้านหูฟัง Galaxy Buds3 Pro มีรูปทรงปริซึมสามเหลี่ยม ซึ่งให้ความรู้สึกดีกว่าก้านโค้งมนเมื่อควบคุมด้วยปลายนิ้ว ไม่ว่าจะถูขึ้นลงเพื่อปรับระดับเสียง หรือบีบด้วยนิ้วชี้กับนิ้วโป้งเพื่อเล่น/หยุด และยังสามารถบีบค้างไว้เพื่อเปลี่ยนการควบคุมเสียงรบกวนหรือเปิดแอปโปรด
ภายในหูฟังได้รับการติดตั้งลำโพงแบบ 2 ทิศทาง ประกอบด้วยวูฟเฟอร์ที่ให้เสียงเบสแบบจัดเต็ม และทวีตเตอร์เชิงระนาบสำหรับเสียงแหลมที่นุ่มนวล นอกจากนี้ หูฟัง Galaxy Buds3 Pro ทั้ง 2 ข้าง ยังได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP57 (แต่ไม่รวมเคสชาร์จ)
Galaxy AI
Galaxy Buds3 Pro เป็นหูฟังไร้สายรุ่นแรก ที่รองรับ Galaxy AI เมื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน Galaxy รุ่นใหม่ๆ เช่น Galaxy Z Fold6 หรือ Galaxy Flip6 โดยมีฟีเจอร์ Interpreter และ Live Translate สามารถแปลภาษาได้ โดยดูคำแปลได้จากหน้าจอของสมาร์ทโฟน Galaxy ที่จับคู่ด้วย หรือฟังคำแปลแบบเรียลไทม์ผ่านหูฟังก็ได้เช่นกัน
Galaxy AI ยังช่วยปรับเสียงได้ตามที่ผู้ฟังต้องการด้วย Adaptive EQ/Adaptive ANC โดยอิงตามรูปทรงใบหูและพฤติกรรมการสวมใส่ของแต่ละคน จากนั้นอัลกอริทึมของ Galaxy AI จะวิเคราะห์เสียงที่ตรวจจับได้ผ่านไมโครโฟนด้านในและด้านนอก เพื่อสร้างประสบการณ์การรับฟังให้เหมาะสมที่สุด และปรับเสียงให้เข้ากับหูของผู้ฟังแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ
Adaptive Noise Control ยังอาศัย Galaxy AI เพื่อทำให้ Galaxy Buds3 Pro ป้องกันเสียงรบกวนที่ไม่จำเป็นออกไปได้ ด้วยการประเมินและลดเสียงรบกวนจากภายนอกโดยอัตโนมัติ เช่น เสียงการจราจร และสร้างประสบการณ์เสียงที่เหมาะสมได้ด้วยการปรับสมดุลระหว่าง ANC กับโหมด Ambient ที่พัฒนาใหม่ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถรับฟังเพลงโปรดได้โดยไม่ต้องตัดตัวเองออกจากโลกรอบตัว
Galaxy Buds3 Pro ยังมีฟีเจอร์ Voice Detect ทำงานร่วมกับโหมด Ambient เพื่อคอยเปิด/ปิด ANC ตามสถานการณ์ตลอดการสนทนาของผู้ใช้งาน ทำให้ผู้สวมใส่ Galaxy Buds3 Pro ได้ยินเสียงสนทนาที่ดังและชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออก นอกจากนี้ Galaxy Buds3 Pro ก็มีฟีเจอร์ Siren Detect คอยตรวจจับเสียงสัญญาณเตือนภัยหรือเสียงไซเรน เพื่อสลับใช้โหมด Ambient โดยอัตโนมัติ
Voice Command
นอกจากการควบคุมด้วยการสัมผัสที่ก้านหูฟัง Galaxy Buds3 Pro ยังรองรับคำสั่งเสียง หรือ Voice Command เพื่อควบคุมการใช้งาน โดยไม่ต้องสัมผัสหูฟัง เช่น พูดว่า next song เพื่อฟังเพลงถัดไป หรือ volume up เพื่อเพิ่มความดัง
คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ
Galaxy Buds3 Pro ให้เสียงคุณภาพสูงที่เรียกว่า UHQ (Ultra High Quality) ด้วย SSC (Samsung Seamless Codec) สามารถบีบอัดและเข้ารหัสเสียงได้สูงสุดถึง 24bit/96kHz แล้วนำมาถอดรหัสใน Galaxy Buds3 Pro โดยยังคงเสียงชัดพิเศษสูงถึง 24-bit/96kHz เพื่อให้รายละเอียดซับซ้อนของเสียงต้นฉบับ
ทั้งนี้ UHQ SSC รองรับการใช้งานร่วมกับ Galaxy S24 series, S23 series, Z Fold6, Z Flip6, Z Fold5, Z Flip5 และ Tab S9 series ที่ทำงานบน One UI 6.1.1 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า
ระบบเสียง 360 Audio
เมื่อจับคู่หูฟัง Galaxy Buds3 Pro กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือ ทีวี ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสกับประสบการณ์เสียงสมจริงรอบทิศทาง ด้วยระบบเสียง 360 Audio ที่สามารถระบุทิศทางของเสียงได้อย่างแม่นยำตามการเคลื่อนไหวของศีรษะ
ทั้งนี้ ระบบเสียง 360 Audio รองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Galaxy ที่ทำงานบน One UI 3.1 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า ขณะที่ทีวี รองรับเฉพาะบางรุ่นของ Samsung เช่น Neo QLED 8K (QN900D, QN800D), Neo QLED 4K (QN95D, QN90D, QN87D, QN85D) OLED (S95D, S90D, S85D) และ QLED (Q80D, Q70D)
Auto Switch
Galaxy Buds3 Pro รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายเครื่องในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทีวี แล็ปท็อป พร้อมด้วยฟีเจอร์ Auto Switch ที่สามารถสลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างชาญฉลาด เช่น เมื่อมีสายเรียกเข้าขณะดูวิดีโอบนแท็บเล็ต ก็สามารถสนทนาจากสมาร์ทโฟนได้ทันที
ทั้งนี้ ฟีเจอร์ Auto Switch รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Galaxy ที่ทำงานบน One UI 4.1.1 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า ทีวีบางรุ่นของ Samsung และแล็ปท็อป Galaxy Book ที่ใช้ One UI 6.0 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
หูฟัง Galaxy Buds3 Pro แต่ละข้าง มีความจุแบตเตอรี่ 53mAh ขณะที่เคสชาร์จมีความจุแบตเตอรี่ 515mAh ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 30 ชั่วโมง (หรือ 7 ชั่วโมง เฉพาะหูฟัง) เมื่อฟังเพลงโดยปิด ANC สำหรับการใช้สนทนา ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 22 ชั่วโมง (หรือ 5 ชั่วโมง เฉพาะหูฟัง)
Samsung Galaxy Watch7
สร้างสุขภาพให้ดีขึ้นด้วย Galaxy Watch7 ซึ่งสามารถติดตามการออกกำลังกายอย่างแม่นยำได้มากกว่า 100 โหมด พร้อมให้ข้อมูลภาพรวมของร่างกายและความฟิตด้วย Body Composition รองรับฟีเจอร์ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และตรวจวัดความดันโลหิต อีกทั้งยังมีอัลกอริทึม AI ที่ล้ำหน้า ช่วยวิเคราะห์การนอนหลับอย่างละเอียด
สเปก Galaxy Watch7
- จอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว สำหรับรุ่น 40 มิลลิเมตร หรือ 1.5 นิ้ว สำหรับรุ่น 44 มิลลิเมตร
- ชิปประมวลผล Exynos W1000 (5-Core, 3nm)
- ความจำ RAM 2GB + ROM 32GB
- การเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.3, Wi-Fi (2.4+5GHz), NFC
- เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง GPS (L1+L5) / Glonass / Beidou / Galileo
- มาตรฐานความทนทาน 5ATM + IP68 / MIL-STD-810H
- เซ็นเซอร์ Samsung BioActive Sensor (Optical Bio-signal Sensor + Electrical Heart Signal + Bioelectrical Impedance Analysis), Temperature Sensor, Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Light Sensor
- ระบบปฏิบัติการ Wear OS Powered by Samsung (Wear OS 5) ครอบทับด้วย One UI 6 Watch
- ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android 11 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า และมีความจำ RAM มากกว่า 1.5GB
- ขนาดตัวเรือน 44.4 x 44.4 x 9.7 มิลลิเมตร สำหรับรุ่น 44 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 33.8 กรัม สำหรับรุ่น 44 มิลลิเมตร
- แบตตอรี่ 425mAh สำหรับรุ่น 44 มิลลิเมตร
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Green และ Cream สำหรับรุ่น 40 มิลลิเมตร หรือ Green สำหรับรุ่น 44 มิลลิเมตร
ดีไซน์หรูหรา
ขณะที่ Galaxy Watch Ultra ได้รับการออกแบบใหม่ แต่ Galaxy Watch7 ยังคงใช้ดีไซน์ตัวเรือนวงกลมอันเป็นเอกลักษณ์จากรุ่นก่อน ซึ่งข้อดีก็คือ ผู้ใช้งานที่อัปเกรดมาจากรุ่นเก่า สามารถทำความคุ้นเคยกับนาฬิกาเรือนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
Galaxy Watch7 มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ 40 มิลลิเมตร มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Green และ Cream ขณะที่รุ่น 44 มิลลิเมตร มีเฉพาะสี Green (สำหรับเวอร์ชันที่ทำตลาดในไทย) สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ของ Samsung ใช้ดีไซน์กระจกเรียบ
มาพร้อมสายนาฬิกาลายคลื่นที่เหมาะกับการออกกำลังกาย โดยมีรายละเอียดการเย็บที่ใช้สีสันสดใส ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับข้อมือ
Galaxy Watch7 รุ่น 44 มิลลิเมตร มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ขนาด 1.5 นิ้ว ขณะที่รุ่น 40 มิลลิเมตร มีขนาดจอแสดงผล 1.3 นิ้ว โดยมีดีไซน์หน้าปัดวงกลมที่คุ้นตาจากรุ่นก่อนๆ
นอกจากควบคุมด้วยการสัมผัสหน้าจอ Galaxy Watch7 ยังรองรับการควบคุมด้วยคำสั่งท่าทางอย่างการบีบนิ้ว (แตะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ 2 ครั้ง ด้วยมือข้างที่สวมนาฬิกา) เพื่อรับสาย, ถ่ายภาพ, ปิดการแจ้งเตือน ฟีเจอร์บีบนิ้วรองรับการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน Galaxy ที่ทำงานบน One UI 6.1.1 หรือเวอร์ชันใหม่กว่า และต้องเข้าไปเปิดการใช้งานที่การตั้งค่าบนนาฬิกา หรือเข้าไปที่แอป Samsung Galaxy Wearable
ด้านข้างตัวเรือนติดตั้งปุ่มมาให้ 2 ปุ่ม คั่นกลางด้วยรูไมโครโฟน อีกข้างมีช่องลำโพง ซ่อนอยู่บริเวณฝาหลัง
ด้านหลังเป็นตำแหน่งเซ็นเซอร์ติดตามสุขภาพ BioActive ของ Samsung ซึ่งประกอบด้วยเซ็นเซอร์ Optical Bio-signal, Electrical Heart Signal และ Bioelectrical Impedance Analysis และซ่อนแม่เหล็กไว้สำหรับเชื่อมต่อกับแท่นชาร์จแบตเตอรี่
นอกจากนี้ Galaxy Watch7 ยังถูกสร้างมาให้มีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยใช้กระจก Sapphire Crystal และตัวเรือน Armor Aluminum อีกทั้งยังได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำ 5ATM + IP68 และผ่านมาตรฐานความทนทาน MIL-STD-810H
จอแสดงผล
Galaxy Watch7 มาพร้อมจอแสดงผล Super AMOLED ที่มีความละเอียดและขนาดแตกต่างกันไปตามขนาดตัวเรือน โดยรุ่น 44 มิลลิเมตร มีความละเอียด 480 x 480 พิกเซล ขนาด 1.5 นิ้ว ขณะที่รุ่น 40 มิลลิเมตร มีความละเอียด 432 x 432 พิกเซล ขนาด 1.3 นิ้ว ทั้ง 2 ขนาด รองรับโหมด Always On Display แบบ Full Color และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Sapphire Crystal
Galaxy AI
จุดเด่นของ Galaxy Watch7 คือ มาพร้อมการดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อให้ข้อมูลสุขภาพในเชิงลึกที่มีความแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับ ที่สามารถให้คำแนะนำเฉพาะผู้สวมใส่แต่ละคน พร้อมด้วย Energy Score ที่สามารถวัดระดับพลังงานของผู้สวมใส่ทั้งการนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ และกิจกรรมประจำวัน เพื่อให้ผู้สวมใส่วางแผนได้ว่าควรพักผ่อนหรือควรออกไปบริหารร่างกาย
ทั้งนี้ ฟีเจอร์ Energy Score ใช้งานได้บนสมาร์ทโฟน Android 11 ขึ้นไป และต้องใช้แอป Samsung Health เวอร์ชัน 6.27 ขึ้นไป พร้อมลงชื่อเข้าใช้บัญชี Samsung Account
Galaxy AI ยังช่วยให้ผู้สวมใส่ Galaxy Watch7 สามารถตอบกลับข้อความได้อย่างรวดเร็ว ผ่านฟีเจอร์ Suggested Replies โดยผู้ช่วย AI สามารถแนะนำข้อความตอบกลับ โดยอ้างอิงจากข้อความก่อนหน้าของผู้ใช้งาน และมีข้อความให้เลือกหลายรูปแบบตามอารมณ์ที่ผู้ใช้งานต้องการจะสื่อ อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Suggested Replies จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับ Galaxy Z Flip6 หรือ Galaxy Z Fold6 ที่ใช้ One UI 6.1.1 ขึ้นไป
Samsung BioActive Sensor
Galaxy Watch7 มาพร้อมเซ็นเซอร์ BioActive ของ Samsung ซึ่งประกอบด้วย เซ็นเซอร์การวิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย (Bioelectrical Impedance Analysis), เซ็นเซอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrical Heart Signal / ECG) และเซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณชีวภาพแบบออปติคัล (Optical Bio-signal Sensor)
เซ็นเซอร์ BioActive ทำงานร่วมกับไฟ LED จำนวน 13 ดวง และ Galaxy AI จึงสามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ รูปแบบการนอนหลับ และข้อมูลด้านสุขภาพอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตรวจวัดความดันโลหิต และ วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG ด้วยความแม่นยำสูง
ติดตามการออกกำลังกายขั้นสูง
Galaxy Watch7 สามารถติดตามการออกกำลังกายได้อย่างแม่นยำมากกว่า 100 โหมด และสร้างกิจวัตรด้วยการผสมผสานการออกกำลังกายต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายของผู้ใช้งาน โดยมีฟีเจอร์ Race ที่สามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพในปัจจุบันกับในอดีตแบบเรียลไทม์ เพื่อติดตามความก้าวหน้าและรักษาแรงจูงใจไว้ได้
ฟีเจอร์ Race ออกแบบมาสำหรับการวิ่งและการปั่นจักรยานกลางแจ้ง และถ้าต้องการเพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลก่อนหน้า จะต้องวิ่งหรือปั่นจักรยานบนเส้นทางเดิมตามเส้นทางที่สร้างขึ้นไว้ล่วงหน้าเท่านั้น โดยผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบได้ด้วยการเลือกสถิติใดสถิติหนึ่งภายใน 14 วันก่อนหน้า
ผู้สวมใส่ Galaxy Watch7 ยังสามารถรับภาพรวมของร่างกายและความฟิตด้วย Body Composition ด้วยการวัดองค์ประกอบของร่างกาย เพียงใช้นิ้วกลางแตะที่ปุ่มบน และนิ้วนางแตะที่ปุ่มล่าง จากนั้นรอวัดค่าจนถึง 100% ก็จะได้ข้อมูลองค์ประกอบของร่างกายออกมา ได้แก่ น้ำหนัก, กล้ามเนื้อโครงร่าง, มวลไขมัน, ไขมันในร่างกาย, ดัชนีมวลกาย (BMI), น้ำในร่างกาย และ อัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย (BMR)
ประสิทธิภาพ
Galaxy Watch7 ได้รับชิปประมวลผล Exynos W1000 เช่นเดียวกับ Galaxy Watch Ultra ซึ่งเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดของ Galaxy Watch และเป็นชิปรุ่นแรกของ Exynos ที่ใช้โปรเซสเซอร์ขนาด 3 นาโนเมตร มาพร้อม CPU ที่เร็วขึ้น 3 เท่า และให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้น 30% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน
นอกจากนี้ Galaxy Watch7 ยังเป็นสมาร์ทวอทช์ Galaxy รุ่นแรกที่มีระบบ GPS แบบ Dual-frequency จึงสามารถติดตามตำแหน่งได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น แม้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในเมืองที่หนาแน่นและแออัด
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
Galaxy Watch7 รุ่น 44 มิลลิเมตร มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 425mAh ให้อายุการใช้งานยาวนานสูงสุด 40 ชั่วโมง เมื่อปิดโหมด Always On Display หรือนานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อเปิดโหมด Always On Display ซึ่งต้องขอบคุณชิปรุ่นใหม่อย่าง Exynos W1000 ที่ใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ซึ่งมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้มีพลังงานยาวนานมากขึ้น
สรุปราคาและการจำหน่าย
Galaxy Buds3 Pro ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการหูฟังไร้สายแบบ TWS ที่ดีที่สุดของ Samsung เพื่อใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Galaxy รุ่นใหม่ ซึ่งสามารถส่งมอบคุณภาพเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีฟีเจอร์อันชาญฉลาดมากมายจาก AI ที่ช่วยให้การใช้งานได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
ขณะที่ Galaxy Watch7 เป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้ Galaxy Watch Ultra ที่เปิดตัวพร้อมกัน โดยได้รับเซ็นเซอร์ติดตามสุขภาพเหมือนกัน จึงเป็นคู่หูสำหรับผู้ใช้งานที่เริ่มหันมาดูแลสุขภาพ ไปจนถึงนักกีฬาที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง
Galaxy Buds3 Pro เปิดตัวในราคา 7,490 บาท (Galaxy Buds3 ราคา 5,490 บาท) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Silver และ White ขณะที่ Galaxy Watch7 วางจำหน่ายในราคา 10,900 บาท สำหรับรุ่น 40 มิลลิเมตร มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Green และ Cream และราคา 12,900 บาท สำหรับรุ่น 44 มิลลิเมตร มีให้เลือกเฉพาะสี Green สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้