Apple ขยายขีดความสามารถของฟีเจอร์ Continuity ให้สามารถเข้าถึงและควบคุม iPhone ได้โดยตรงจาก Mac ผ่านแอปพลิเคชันใหม่ iPhone Mirroring บนระบบปฏิบัติการ macOS Sequoia และ iOS 18
ทำความรู้จักกับ iPhone Mirroring
iPhone Mirroring หรือ การสะท้อนหน้าจอ iPhone ช่วยให้เข้าถึงและใช้งาน iPhone ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบจากบน Mac โดยผู้ใช้งานจะได้เห็นภาพพื้นหลังที่ตัวเองเลือกและไอคอนต่างๆ แบบเดียวกับบน iPhone และยังสามารถปัดเพื่อสลับหน้าต่างบนหน้าจอโฮม หรือเลือกใช้งานแอปโปรดได้อีกด้วย
การโต้ตอบกับ iPhone ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านคีย์บอร์ด แทร็คแพด และเมาส์จาก Mac รวมถึงเสียงต่างๆ จาก iPhone ก็จะดังออกมาจากลำโพง Mac ด้วย
ผู้ใช้งานยังสามารถถ่ายโอนไฟล์ระหว่าง iPhone กับ Mac ได้อย่างราบรื่น ด้วยการลากแล้วปล่อย โดยที่ iPhone ยังคงล็อคอยู่ และยังทำงานร่วมกับโหมด StandBy ได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้ใช้จึงสามารถรับข้อมูลได้เพียงแค่เหลือบมอง นอกจากนี้ ยังสามารถดูและโต้ตอบการแจ้งเตือนของ iPhone ได้โดยตรงจากบน Mac อีกด้วย
วิธีใช้งาน iPhone Mirroring
iPhone Mirroring เป็นแอปพลิเคชันใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน macOS Sequoia และ iOS 18 ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในเวอร์ชัน Beta แต่ผู้ใช้งานทั่วไปจะได้รับการอัปเดตในช่วงเดือนกันยายนนี้
- หลังจากอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็น macOS Sequoia และ iOS 18 ผู้ใช้ Mac จะพบไอคอนของแอป iPhone Mirroring บน Dock ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้ทันที (หากไม่พบบน Dock ให้เข้าไปเปิดใน Launchpad หรือโฟลเดอร์ Applications )
- เมื่อเปิดแอป iPhone Mirroring จะพบหน้าต่างข้อมูลเด้งขึ้นมา ให้คลิก Continue
- เลือก iPhone ที่ต้องการเชื่อมโยงกับ Mac (กรณีมี iPhone หลายเครื่อง)
- ปลดล็อค iPhone ด้วยรหัสผ่าน เพื่ออนุญาตการเชื่อมต่อ
- คลิก Get Started
- ใช้ Touch ID หรือป้อนรหัสผ่านบน Mac เพื่อยืนยันตัวตน
สำหรับการใช้งาน iPhone Mirroring ครั้งแรก จะมีตัวเลือกในการลงชื่อเข้าใช้ระหว่าง ต้องการให้รับรองความถูกต้องทุกครั้งที่มีการเชื่อมต่อ หรือ อนุญาตการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ หากเลือกอย่างหลัง ผู้ใช้งานจะไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตน เมื่อ Mac ถูกปลดล็อคแล้ว
ทั้งนี้ iPhone จะต้องอยู่ในโหมดถูกล็อค ขณะใช้งาน iPhone Mirroring หมายความว่า iPhone จะไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อเริ่มเชื่อมต่อกับ Mac ในโหมดสะท้อนหน้าจอ และถ้าผู้ใช้งานพยายามเปิดฟีเจอร์ iPhone Mirroring จะได้รับการแจ้งเตือนว่า iPhone ถูกใช้งานอยู่
iPhone Mirroring ทำอะไรได้บ้าง?
เมื่อเข้าสู่แอป iPhone Mirroring จะเห็นหน้าจอของ iPhone อยู่บนหน้าจอ Mac เหมือนใช้แอปอีมูเลเตอร์ แต่นี่คือหน้าจอจริงๆ แบบเรียลไทม์ของ iPhone ที่เชื่อมต่ออยู่ ซึ่งจะแสดงวอลเปเปอร์และแอปทั้งหมดที่มีใน iPhone และสามารถควบคุมหรือเข้าใช้งานได้โดยใช้ เมาส์ แทร็คแพด และคีย์บอร์ดจาก Mac
เมื่อมีการเปิดวิดีโอใน iPhone จะแสดงภาพบน Mac รวมถึงเสียงก็จะดังออกจากลำโพงของ Mac เช่นกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดแอปกล้องหรือใช้ไมโครโฟนได้
ระหว่างอยู่ในโหมด iPhone Mirroring การแจ้งเตือนที่ถูกส่งมายัง iPhone จะไปแสดงผลบนหน้าจอ Mac รวมอยู่ใน Notification Center ที่มุมบนขวา โดยการแจ้งเตือนของ iPhone จะแสดงด้วยไอคอน iPhone ขนาดเล็ก แต่จะดูเหมือนการแจ้งเตือนของ Mac ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปิดดูการแจ้งเตือนและโต้ตอบได้โดยตรงจาก Mac
iPhone Mirroring ช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์ รูปภาพ และ วิดีโอ ข้ามไปมาระหว่าง Mac กับ iPhone ได้อย่างง่ายดายด้วยการลากแล้ววาง แต่ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานในช่วงปลายปี 2024
ข้อจำกัดของ iPhone Mirroring
Mac จะไม่สามารถเปิดใช้งาน iPhone Mirroring ได้ ถ้าหาก Mac กำลังถูกใช้ AirPlay เพื่อสตรีมเพลงหรือวิดีโอไปยังอุปกรณ์อื่น หรือกำลังเปิดใช้งาน Sidecar กับ iPad
iPhone Mirroring ไม่สามารถทำงานทับซ้อนกับ Continuity Camera หมายความว่า ถ้าหากกำลังใช้งาน iPhone เป็นเว็บแคมสำหรับ Mac จะไม่สามารถใช้งาน iPhone Mirroring ในเวลาเดียวกันได้
แอปสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Hulu ไม่อนุญาตให้ชมคอนเท้นต์บนหน้าจอ Mac เมื่ออยู่ในโหมด iPhone Mirroring โดยหน้าจอจะเป็นสีดำ
ยังไม่มีวิธีในการปรับขนาดหน้าต่าง iPhone ที่สะท้อนอยู่บนหน้าจอ Mac และไม่สามารถสลับโหมดเป็นแนวนอนได้ด้วยตัวเอง แต่หน้าจอ iPhone จะปรับเป็นแนวนอนอัตโนมัติตามแอปหรือเกมที่แสดงผลในแนวนอน
ปัจจุบัน ยังไม่สามารถเข้าถึงศูนย์ควบคุมและศูนย์การแจ้งเตือนใน iPhone ได้ เมื่ออยู่ในโหมด iPhone Mirroring, ไม่สามารถลบแอปออกจากหน้าจอหลักได้ และไม่สามารถจัดเรียงแอปใหม่ได้ แต่สามารถลบแอปได้เมื่อเข้าไปที่แอป Settings
อุปกรณ์ที่รองรับ iPhone Mirroring
iPhone Mirroring จำเป็นต้องใช้ Mac ที่มีชิป M1 ขึ้นไป หรือชิปรักษาความปลอดภัย T2 และทำงานบน macOS Sequoia โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้
- Mac mini ปี 2020 และใหม่กว่า
- MacBook Air ปี 2020 และใหม่กว่า
- iMac ปี 2021 และใหม่กว่า
- MacBook Pro (14” / 16”) ปี 2021 และใหม่กว่า
- MacBook Pro 13” ปี 2020 และใหม่กว่า
- Mac Studio ปี 2022 และใหม่กว่า
- Mac Pro ปี 2023
- MacBook Pro ปี 2018 และใหม่กว่า
- MacBook Air ปี 2018 และใหม่กว่า
- iMac ปี 2020
- iMac Pro
- Mac mini ปี 2018
- Mac Pro ปี 2019
สำหรับ iPhone ต้องทำงานบน iOS 18
- All iPhone 15 Series ทุกรุ่น
- iPhone 14 Series ทุกรุ่น
- iPhone 13 Series ทุกรุ่น
- iPhone 12 Series ทุกรุ่น
- iPhone 11 Series ทุกรุ่น
- iPhone XS Max
- iPhone XS
- iPhone XR
- iPhone SE (รุ่นที่ 2 และ 3)
นอกจากนี้ iPhone และ Mac ที่จับคู่กัน ต้องใช้บัญชี Apple ID เดียวกัน พร้อมเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย และต้องเปิดการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Wi-Fi โดย iPhone และ Mac จะต้องอยู่ใกล้กัน