Samsung เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรุ่นในงาน Galaxy Unpacked ที่จัดขึ้นในกรุงปารีส และทั้งหมดก็ถูกส่งมาทำตลาดในไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งทีมงาน @Flashfly ไม่รอช้ารีบพาทุกคนไปสัมผัส Galaxy รุ่นใหม่อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้ระดับไฮเอนด์ Galaxy Z Fold6 และ Galaxy Z Flip6, สมาร์ทวอทช์ใหม่ Galaxy Watch Ultra มาพร้อม Galaxy Watch7 รวมถึงหูฟังไร้สาย Galaxy Buds3 Pro และ Galaxy Buds3 แน่นอนว่า Galaxy AI ก็ได้อัปเกรดความสามารถขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน มาดูกันเลยว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
Galaxy Z Fold 6
ดีไซน์โดยรวมของ Galaxy Z Fold 6 อาจดูคล้ายกับรุ่นก่อน เนื่องจากเป็นดีไซน์ที่สมบูรณ์อยู่แล้ว ทำให้ Samsung มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงกรอบตัวเครื่อง Armor Aluminum ให้ทนทานขึ้น มาพร้อมกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 บานพับใหม่ Slim Flex Hinge และผ่านการรับรองมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP48
นอกเหนือจากการปรับปรุงความทนทาน Galaxy Z Fold 6 ยังได้รับการปรับปรุงให้มีขนาดตัวเครื่องบางและเบาที่สุด เมื่อเทียบกับ Galaxy Fold Series ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ เมื่อถูกพับ จะมีขนาด 153.5 x 68.1 x 12.1 มิลลิเมตร เมื่อกางออก จะมีขนาด 153.5 x 132.6 x 5.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 239 กรัม ขณะที่ Galaxy Z Fold 5 มีขนาด 154.9 x 67.1 x 13.4 มิลลิเมตร เมื่อถูกพับ และ 154.9 x 129.9 x 6.1 มิลลิเมตร เมื่อกางออก โดยมีน้ำหนัก 253 กรัม
Galaxy Z Fold 6 มาพร้อมจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ทั้งจอด้านนอก และจอหลักด้านใน โดยจอหลักที่พับได้ มีความละเอียด 2160 x 1856 พิกเซล ขนาด 7.6 นิ้ว ส่วนจอด้านนอกมีความละเอียด 2376 x 968 พิกเซล ขนาด 6.3 นิ้ว (รุ่นก่อนหน้ามีขนาด 6.2 นิ้ว) ทั้ง 2 จอ ยังรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และสนับสนุนการใช้งานคู่กับปากกา S Pen
แผนกกล้อง ประกอบด้วย กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, กล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ให้มุมมองกว้าง 120 องศา, กล้อง Telephoto 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ซูมออปติคัล 3 เท่า หรือ ซูมดิจิตัลสูงสุด 30 เท่า กล้องหลังสามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 8K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที
สำหรับกล้องด้านหน้า (ซ่อนไว้ในหลุมบนจอแสดงผลด้านนอก) มีความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และ กล้องด้านในแบบ Under Display (ติดตั้วไว้ใต้จอแสดงผลหลัก) ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8
ด้านประสิทธิภาพ ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 for Galaxy ความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) พื้นที่เก็บข้อมูล 512GB ความจุแบตเตอรี่ 4400mAh สามารถฟังเพลงได้ยาวนาน 77 ชั่วโมง / เล่นวิดีโอนานต่อเนื่อง 23 ชั่วโมง / ใช้งานอินเทอร์เน็ตนานสูงสุด 18 ชั่วโมง บนเครือข่าย 4G LTE หรือ Wi-Fi
Galaxy Z Flip 6
Galaxy Z Flip 6 ได้รับวัสดุที่มีความทนทานแบบเดียวกับ Galaxy Z Fold 6 ไม่ว่าจะเป็นกรอบตัวเครื่อง Armor Aluminum กระจก Corning Gorilla Glass Victus 2 บานพับ Slim Flex Hinge และได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP48
Galaxy Z Flip 6 มาพร้อมจอแสดงผลหลักที่สามารถพับได้ Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด 1080 x 2640 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช 120Hz จอแสดงผลด้านนอก IPS ความละเอียด 720 x 748 พิกเซล ขนาด 3.4 นิ้ว
เมื่อกางออก Galaxy Z Flip 6 จะมีขนาดตัวเครื่อง 165.1 x 71.9 x 6.9 มิลลิเมตร เมื่อถูกพับจะมีขนาด 85.1 x 71.9 x 14.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 187 กรัม ขณะที่ Galaxy Z Flip 5 มีขนาด 165.1 x 71.9 x 6.9 มิลลิเมตร เมื่อกางออก แต่เมื่อถูกพับจะหนากว่าเล็กน้อย 0.2 มิลลิเมตร
แผนกกล้องหลัง ประกอบด้วย กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS วางคู่กับกล้อง Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 รองรับการซูมคุณภาพออปติคัล 2 เท่า หรือ ซูมดิจิตัลสูงสุด 10 เท่า สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที ส่วนกล้องเซลฟี่ 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
ด้านประสิทธิภาพ ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 for Galaxy พร้อมระบบระบายความร้อน vapor Chamber ครั้งแรกของ Galaxy Z Flip Series โดยมีความจำ RAM 12GB (รุ่นก่อนมีขนาด 8GB) พื้นที่เก็บข้อมูล 256GB
ถึงแม้ Galaxy Z Flip 6 จะมีขนาดใกล้เคียงรุ่นก่อน แถมบางกว่าเล็กน้อย แต่กลับมีขนาดแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นจาก 3700mAh เป็น 4000mAh สามารถฟังเพลงได้ยาวนาน 68 ชั่วโมง / เล่นวิดีโอนานต่อเนื่อง 23 ชั่วโมง / ใช้งานอินเทอร์เน็ตนานสูงสุด 20 ชั่วโมง บนเครือข่าย Wi-Fi (19 ชั่วโมง สำหรับ 4G LTE)
Galaxy Watch Ultra
Samsung นำเสนอสมาร์ทวอทช์ Galaxy Watch Ultra เป็นครั้งแรกในปีนี้ เป็นทางเลือกที่เหนือกว่า Galaxy Watch 7 โดยมีความพิเศษที่ตัวเรือนทำมาจากไทเทเนียมเกรด 4 ป้องกันจอแสดงผลด้วย Sapphire Crystal ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำ 10ATM, IP68 และผ่านการทดสอบความทนทาน MIL-STD-810H
จอแสดงผลของ Galaxy Watch Ultra ให้ความสว่างสูงสุด 3000 นิต ใช้ชิป 3 นาโนเมตร พื้นที่เก็บข้อมูล 32GB ความจุแบตเตอรี่ 590mAh มี GPS แบบความถี่คู่ และมีปุ่มพิเศษสำหรับใช้เป็นปุ่มทางลัดเข้าถึงฟีเจอร์ที่ต้องการ
Galaxy Watch Ultra มีให้เลือกขนาดเดียว 47 มม. รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth + 4G LTE มาในสี Titanium Gray, Titanium Silver และ Titanium Beige
Galaxy Watch7
Galaxy Watch7 มาพร้อมตัวเรือนอะลูมิเนียม (Armor Aluminum 2) ป้องกันจอแสดงผลด้วย Sapphire Crystal ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำ 5ATM, IP68 และผ่านการทดสอบความทนทาน MIL-STD-810H ด้านประสิทธิภาพ Galaxy Watch7 ใช้โปรเซสเซอร์ตัวเดียวกับ Galaxy Watch Ultra ได้รับพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวเท่ากัน และมี GPS แบบความถี่คู่เช่นเดียวกัน แต่จอแสดงผลให้ความสว่างสูงสุด 2000 นิต
Galaxy Watch 7 มีให้เลือก 2 ขนาด 40 มม. หรือ 44 มม. (รุ่น 40 มม. มีความจุแบตเตอรี่ 300mAh และรุ่น 44 มม. มีความจุ 425mAh) มาในสี Green และ Cream มี 2 ตัวเลือก ระหว่าง Bluetooth + 4G LTE กับ Bluetooth Only
Galaxy Buds3 Pro และ Galaxy Buds3
หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ของ Samsung มีไฮไลท์ที่ Galaxy Buds3 Pro ซึ่งมาพร้อมเคสชาร์จที่มีฝาเคสโปร่งใส มองเห็นตัวหูฟังที่อยู่ภายใน โดยมีไฟ LED มาให้ 1 ดวงที่ด้านหน้า สำหรับแสดงสถานะแบตเตอรี่และการเชื่อมต่อ
ตัวหูฟัง Galaxy Buds3 Pro ใช้ดีไซน์แบบ in-ear มีก้านสั้นลง ขอบมุมเหลี่ยมอย่างเด่นชัด และมีจุกหูฟังซิลิโคน จึงสามารถป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่า ขณะที่ Galaxy Buds3 ใช้ดีไซน์ open-ear อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันน้ำในระดับ IP57 เช่นเดียวกัน
Galaxy Buds3 Pro และ Galaxy Buds3 สนับสนุน SmartThings Find ช่วยให้สามารถค้นหาหูฟังที่เผลอทำหล่นหายได้ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.4 พร้อมฟีเจอร์ Auto Switch สามารถสลับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ขณะดูหนังบนแท็บเล็ต ก็สามารถรับสายที่โทรเข้ามาจากสมาร์ทโฟนได้ทันที
Galaxy Buds3 Pro และ Galaxy Buds3 รองรับระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC), Adaptive EQ, ระบบเสียง 360 Audio และ สนับสนุนไฟล์เสียงคุณภาพสูง 24bit/96kHz Galaxy Buds 3 Pro ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 30 ชั่วโมง (หรือ 7 ชั่วโมง เฉพาะหูฟัง) เมื่อปิด ANC ขณะที่ Galaxy Buds 3 ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 24 ชั่วโมง (หรือ 6 ชั่วโมง เฉพาะหูฟัง) เมื่อปิด ANC
นอกจากนี้ Galaxy Buds 3 Pro ยังเหนือกว่ารุ่นมาตรฐาน ด้วยการติดตั้งลำโพงแบบ 2 ทิศทาง รองรับฟีเจอร์ Adaptive Noise Control, Ambient Sound และ Blade Lights (เอฟเฟกต์แสงไฟที่ก้านหูฟัง ปรับได้ 3 แบบ)
Galaxy AI เวอร์ชั่นใหม่
Interpreter
วุ้นแปลภาษาเวอร์ชั่นใหม่ ฉลาดยิ่งขึ้นใช้งานสะดวกกส่าเดิมมาก สามารถแสดงผลได้ทั้ง 2 หน้าจอ พูดคุยแปลภาษาให้เห็นทั้ง 2 ฝั่งได้ทันที และยังสามารถดูย้อนหลังได้
Sketch to image
หรืออธิบายง่ายๆของฟีเจอร์นี้กับการใช้ AI วาดภาพให้นั่นเอง เราแค่ทำการสเก็ตหรือวาดรูปง่ายๆด้วยนิ้วหรือปากกา S pen แบบง่ายๆ แล้วให้ AI สร้างภาพที่เราวาดขึ้นมาให้ โดยสีที่เราวาดลงไปนั้นก็มีผลต่อรูปที่ให้ AI สร้างขึ้นมาอีกด้วย อย่างเราวาดรูปหมวกลงไปบนรูปภาพด้วยสีขาว AI ก็จะสร้างรูปหมวกสีขาวขึ้นมาให้หลายๆนั่นเอง หรือวาดรูปรถด้วยสีแดง AI ก็จะสร้างภาพรถสีแดงขึ้นมาให้เลือกทันที
รวมถึงการเขียนตัวหนังสือแล้วให้ AI สร้างภาพตามคำที่เขียนก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของ Galaxy AI ที่ยอดเยี่ยมมาก
Portrait studio
ฟีเจอร์นี้ก็สนุกมากในการเปลี่ยนภาพถ่ายบุคคลในภาพในกลายเป็นภาพวาด AI ได้ง่ายดายมากๆ แถมมีให้เลือก 4 รูปคือ Comic แนวภาพวาดในหนังสือการ์ตูน Comic , 3D cartoon รูปภาพแนวการ์ตูนอนิเมชั่นสามิติ ,Watercolour ภาพวาดสไตล์สีน้ำ และสุดท้าย Sketch เปลี่ยนภาพลายเส้น
นอกจากนี้ที่แป้นพิมพ์ของ Samsung Keyboard ก็ยังมีฟีเจอร์ AI ให้ใช้งานในการช่วยเขียนข้อความหรือแต่งประโยคให้แบบมือโปร ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมลไปลูกค้า เขียนข้อความลางานกับหัวหน้า รวมถึงข้อแคปชั่นบนโลกโซเชียล ได้อย่างง่ายดายและรองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบอีกด้วย แต่เราเขียนคำสั้นๆลงไปเท่านั้น เช่น ลางาน หรือหากต้องการตำหนิใครแต่กลัวใช้คำไม่เหมาะสมก็ใช้ AI ช่วยแต่งประโยคได้เช่นคำว่า แก้งาน แน่นอนว่าใช้เขียนง้อแฟนก็ทำได้หมด