Jake Moore ที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกของบริษัทซอฟต์แวร์ ESE แนะนำให้ผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่า ควรทิ้งแล้วเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่กว่า โดยเฉพาะ iPhone ที่มีอายุเกิน 7 ปี และจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยกเลิกการผลิต (Obsolete Products) ของ Apple
ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เตือนว่าสมาร์ทโฟนที่ผลิตในปี 2008 – 2014 ไม่รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีทางไซเบอร์หรือมัลแวร์ได้ง่าย
สำหรับ iPhone ที่มีอายุเกิน 7 ปี นับจากวันที่หยุดการจำหน่าย จะถูก Apple รวมไว้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยกเลิกการผลิต (Obsolete Products) ซึ่ง iPhone ที่อยู่ในกลุ่มนี้ จะไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมฮาร์ดแวร์หรืออัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่
เดือนเมษายนที่ผ่านมา iPhone 6 Plus กลายเป็น iPhone รุ่นล่าสุดที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยกเลิกการผลิต (Obsolete Products) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2014 ก่อนจะเลิกผลิตในเดือนกันยายน 2016
Jake Moore กล่าวว่า หากกำลังใช้ iPhone รุ่นเก่าที่ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยแล้ว ผู้ใช้งานควรพิจารณาเปลี่ยนอุปกรณ์เป็นรุ่นที่ใหม่กว่า และปลอดภัยกว่า “iPhone รุ่นเก่า ยังคงมีการหมุนเวียนอยู่ และเมื่อพบช่องโหว่แล้ว ผู้โจมตีก็สามารถโจมตีได้อย่างรวดเร็ว และมุ่งเป้าไปที่ใครก็ตามที่ไม่มีอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้อัปเดตแพทช์”
ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้วมีรายงานว่า ผู้ใช้ iOS จำนวน 250 ล้านคน ยังไม่มีการอัปเกรดไปใช้ iPhone รุ่นใหม่ ถึงแม้จะใช้มานานกว่า 4 ปีแล้วก็ตาม
ที่มา – DailyMail