MediaTek เปิดตัว Dimensity 9300+ ชิปมือถือเรือธงรุ่นล่าสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Dimensity ของ MediaTek เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ เมืองซินจู๋ ประเทศไต้หวัน โดย Dimensity 9300+ มาพร้อมความเร็วสัญญาณนาฬิกาเพิ่มขึ้นและออกแบบมาเพื่อเร่งการประมวลผล generative AI บนอุปกรณ์ พร้อมทั้งรองรับ LLM ที่หลากหลายยิ่งขึ้นและชุดเพิ่มประสิทธิภาพอื่น ๆ มากกว่ารุ่น Dimensity 9300
คุณ JC Hsu รองประธานอาวุโสองค์กรของ MediaTek กล่าวว่า “Dimensity 9300+ จะช่วยเติมเต็มระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบของแอปพลิเคชัน generative AI ด้วยชิปที่สามารถรองรับ LLM ได้หลากหลายรวมถึงมีระบบ LoRA Fusion ในอุปกรณ์ และเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งาน AI ชิป Dimensity 9300+ ยังมีประสิทธิภาพที่น่าตื่นตาและชุดเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเร่งความเร็วในการทำ Inference ของ LLM และการเรียกใช้โทเค็นเร็วขึ้นมากเพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น”
ด้วยการออกแบบโดยใช้คอร์ขนาดใหญ่ทั้งหมดหรือ All-Big-Core พร้อม TSMC 4nm รุ่นที่ 3 ทำให้ Dimensity 9300+ มีคอร์ Arm Cortex-X4 หนึ่งคอร์ที่ทำงานที่ความเร็วสูงสุดได้ถึง 3.4 GHz พร้อมคอร์ Cortex-X4 สามคอร์และคอร์ Cortex-A720 สี่คอร์ อีกทั้งยังเพิ่มพลังการประมวลผลด้วย AI แรงกว่ารุ่นก่อน ๆ เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ NeuroPilot Speculative Decode Acceleration ของ MediaTek ที่อยู่ในเอ็นจิ้น Generative AI ล่าสุดของบริษัท โดยเอ็นจิ้น APU 790 AI อันทรงพลังจะช่วยให้ Dimensity 9300+ ไม่เพียงแต่รองรับ LLM ที่มีพารามิเตอร์ 1B, 7B และ 13B ที่มาพร้อมกับความสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาดได้สูงถึง 33B แต่ยังสามารถเรียกใช้ LLM ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอีกด้วย มากกว่านั้นด้วยเทคโนโลยี NeuroPilot Speculative Decode Acceleration ชิป Dimensity 9300+ จึงสามารถประมวลผล LLM ด้วยพารามิเตอร์เจ็ดพันล้านพารามิเตอร์ที่ 22 โทเค็นต่อวินาที ซึ่งมากกว่าอัตราการแข่งขันของโซลูชันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงถึง 2 เท่า
Dimensity 9300+ ผสานรวม Raytracing รุ่นที่ 2 เข้ากับ Arm Immortalis-G720 GPU ดังนั้นเหล่าเกมเมอร์จึงจะได้สัมผัสประสบการณ์ Raytracing ที่ราบรื่นและรวดเร็วที่ 60 FPS พร้อมเอฟเฟกต์แสง Global Illumination ระดับเกมคอนโซล โดยชิปยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี HyperEngine ล่าสุดของ MediaTek เพื่อยกระดับการเล่นเกมให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น พร้อมทั้งเทคโนโลยี MediaTek Adaptive Gaming (MAGT) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเมื่อเล่นเกมยอดนิยม ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่และทำให้อุปกรณ์ไม่ร้อน นอกจากนี้ ชิปยังรวม Network Observation System (NOS) รุ่นใหม่ของ HyperEngine เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานพร้อมกันของเครือข่าย WiFi/Cellular และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการคาดการณ์เครือข่ายที่แม่นยำ และเมื่อเริ่มใช้งาน MediaTek NOS จะช่วยประหยัดพลังงานได้สูงสุดถึง 10% และประหยัดข้อมูลเครือข่ายมือถือได้สูงสุดถึง 25%
นอกจากนี้ ในด้านของการถ่ายภาพยังถ่ายได้ทุกช็อตสวยไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือวีดิโอแม้ในสภาพแสงน้อย เพราะ Dimensity 9300+ มีเทคโนโลยี Imagiq 990 ISP ของ MediaTek ที่มีระบบการประมวลผล RAW 18 บิต โดย Imagiq 990 มีเอ็นจิ้นวิดีโอแบบ Semantic Analysis ที่มี AI ในตัวเพื่อรองรับคุณสมบัติการถ่ายวิดีโอ AI ขั้นสูง ได้แก่ การแบ่งเซกเมนต์ 16 ฉากพร้อมการจับภาพวิดีโอแบบเรียลไทม์เพื่อลดนอยส์ เพิ่มความสว่าง และปรับแก้สี ยิ่งไปกว่านั้น Dimensity 9300+ ยังรวม MiraVision 990 ของ MediaTek ซึ่งมีเทคโนโลยีเอ็นจิ้น AI depth ขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพคอนเทนต์ในสมาร์ทโฟน
Dimensity 9300+ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งาน AI ที่หลากหลาย เพราะมี
• การรองรับ LoRA Fusion และ NeuroPilot LoRA Fusion 2.0 บนอุปกรณ์ ดังนั้นนักพัฒนาสามารถนำแอปพลิเคชัน generative AI รุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เพลง และอื่น ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว
• การรองรับ LLM ล่าสุด รวมถึง 01.AI Yi-Nano, Alibaba Cloud Qwen, Baichuan AI, ERNIE-3.5-SE, Google Gemini Nano และ Meta Llama 2 และ Llama 3
• ExecuTorch Delegation สำหรับระบบนิเวศที่ใช้งาน Inference ในอุปกรณ์
ผู้ใช้ยังเชื่อมต่อได้รวดเร็วและเชื่อถือได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เนื่องด้วย Dimensity 9300+ มีโมเด็ม 5G R16 ที่ออกแบบมาพร้อม AI ที่มี Situational Awareness ซึ่งโมเด็มสามารถรองรับ 4CC-CA Sub-6GHz พร้อมดาวน์ลิงก์สูงสุด 7Gbps