Apple เริ่มวางจำหน่าย HomePod (รุ่นที่ 2) และ HomePod mini อย่างทางการในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป โดย HomePod (รุ่นที่ 2) มาในราคา 11,490 บาท และ HomePod mini มีราคา 3,890 บาท
HomePod (รุ่นที่ 2)
HomePod มอบคุณภาพเสียงที่สมจริง เสียงเบสที่ทุ้มลึก และเสียงสูงที่น่าประทับใจ พร้อมรองรับแทร็คเพลงที่ใช้ระบบเสียงตามตำแหน่งเพื่อความเต็มอิ่มสมจริง วูฟเฟอร์แบบ High-excursion แบบเฉพาะที่ขับเคลื่อนไดอะแฟรมให้ขยับไปมาได้ถึง 20 มม. ไมโครโฟนในตัวที่ตั้ง EQ มาสำหรับเสียงเบส และชุดทวีตเตอร์แบบบีมฟอร์มมิ่ง 5 ตัว ต่างทำหน้าที่ประสานกันเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านเสียงอันทรงพลัง ชิป S7 ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีรับรู้การทำงานในระบบเพื่อสร้างระบบเสียงเชิงคำนวณอันล้ำสมัยยิ่งขึ้น ที่จะแสดงพลังของระบบเสียงอะคูสติกได้อย่างถึงขีดสุด เพื่อประสบการณ์การฟังในระดับสะเทือนวงการ
เทคโนโลยีการรับรู้ตำแหน่งภายในห้องช่วยให้ HomePod นำข้อมูลเสียงสะท้อนจากพื้นผิวใกล้เคียงมาประมวลผลว่า ตอนนี้ตัวเครื่องวางอยู่ชิดผนังห้องหรือตั้งอยู่กลางห้อง แล้วนำไปปรับเปลี่ยนลักษณะเสียงได้แบบเรียลไทม์ การควบคุมทิศทางอันแม่นยำของชุดทวีตเตอร์แบบบีมฟอร์มมิ่ง 5 ตัว สามารถแยกและยิงแนวเสียงทั้งแบบตรงและแบบแวดล้อม เพื่อให้ผู้ฟังได้ดื่มด่ำกับเสียงร้องที่ชัดใสและเสียงเครื่องดนตรีแบบเต็มอิ่ม
HomePod mini
HomePod mini มาพร้อมอะคูสติกเวฟไกด์ที่ออกแบบโดย Apple ที่จะควบคุมทิศทางของเสียงให้ออกมาทางด้านล่างของลำโพงเพื่อสร้างประสบการณ์เสียงแบบ 360 องศาที่ดื่มด่ำสมจริง ลูกค้าจึงสามารถวาง HomePod mini ไว้ได้เกือบจะทุกที่ในห้องโดยยังจะได้ยินเสียงที่สม่ำเสมอ ชุดไมโครโฟน 3 ตัวจะรอฟังคำสั่ง “หวัดดี Siri” ส่วนไมโครโฟนตัวที่ 4 ซึ่งหันเข้าด้านในจะคอยแยกแยะเสียงที่มาจากลำโพง เพื่อการจับเสียงที่ดียิ่งขึ้นในขณะที่เล่นเพลงอยู่
เพื่อให้ได้พลังเสียงที่ยิ่งใหญ่ในดีไซน์อันแสนกะทัดรัด ชิป Apple S5 ใน HomePod mini จะทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์สุดล้ำเพื่อวิเคราะห์ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเพลง และใช้รูปแบบการปรับจูนอันซับซ้อนเพื่อเพิ่มระดับความดัง ปรับช่วงไดนามิก และควบคุมการเคลื่อนไหวของไดรเวอร์รวมถึงแพสซีฟเรดิเอเตอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ ไดรเวอร์ที่ให้เสียงครบทุกช่วงที่สร้างสรรค์โดย Apple ขับเคลื่อนด้วยแม่เหล็กนีโอไดเนียมและแพสซีฟเรดิเอเตอร์คู่แบบตัดแรงสั่น ช่วยให้สามารถสร้างเสียงเบสที่หนักแน่นและเสียงถี่สูงที่คมชัด
HomePod (รุ่นที่ 2) และ HomePod mini สามารถรับฟังแคตตาล็อกเพลงกว่า 100 ล้านเพลงใน Apple Music เพลิดเพลินไปกับเสียงที่ดังกระหึ่มทั่วห้องด้วยลำโพงเพียงตัวเดียวในแบบคู่สเตอริโอ และใช้ระบบเสียงที่เล่นพร้อมกันในหลายห้อง หรือสร้างประสบการณ์โฮมเธียเตอร์ที่สมจริงด้วย Apple TV 4K นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถใช้ Siri เพื่อเข้าถึงความรู้ด้านดนตรี หรือจะค้นหาเพลงตามชื่อศิลปิน ชื่อเพลง เนื้อร้อง ปีทศวรรษ แนวเพลง อารมณ์เพลง หรือตามกิจกรรม ก็ทำได้เช่นกัน
ลำโพงทั้ง 2 รุ่น ยังอัดแน่นด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ และความอัจฉริยะของ Siri มอบวิธีการอันสะดวกสบายในการจัดการกับภารกิจประจำวันและการควบคุมระบบบ้านอัจฉริยะ ผู้ใช้สามารถสร้างการทำงานอัตโนมัติของบ้านอัจฉริยะผ่าน Siri รับการแจ้งเตือนเมื่อเซ็นเซอร์ส่งเสียงว่าตรวจพบควันไฟหรือก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในบ้าน ตรวจดูอุณหภูมิและความชื้นของห้อง รวมถึงใช้งานอินเตอร์คอมเพื่อส่งการประกาศไปทั่วบ้านโดยไม่ต้องสัมผัสหรือกดปุ่มใดๆ เลย
การใช้ลำโพง HomePod หรือ HomePod mini ร่วมกัน 2 เครื่องขึ้นไปจะช่วยปลดล็อคหลากหลายคุณสมบัติอันทรงพลัง เมื่อใช้ระบบเสียงที่เล่นพร้อมกันในหลายห้องด้วย AirPlay ผู้ใช้สามารถพูดว่า “หวัดดี Siri” หรือแตะค้างไว้ที่ด้านบนของ HomePod หรือ HomePod mini เพื่อสั่งให้เล่นเพลงเดียวกันผ่านลำโพงหลายตัว เล่นเพลงแตกต่างกันบนลำโพงแต่ละตัว หรือแม้แต่ใช้ลำโพงเป็นอินเตอร์คอมเพื่อประกาศข้อความไปยังห้องอื่นๆ
ผู้ใช้ยังสามารถสร้างคู่เสียงสเตอริโอโดยใช้ลำโพง HomePod หรือ HomePod mini พร้อมกัน 2 เครื่อง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะเล่นเพลงในช่องเสียงซ้ายและขวาแยกกันแล้ว คู่เสียงสเตอริโอนี้ยังจะเล่นเพลงในแต่ละช่องเสียงให้สอดคล้องลงตัวกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านเสียงที่โดดเด่นเหนือใคร