Infinix เปิดตัว NOTE 40 Series สมาร์ทโฟนซีรีส์ล่าสุดอย่างเป็นทางการในไทยเรียบร้อยแล้วได้แก่ NOTE 40Pro+ 5G และ NOTE 40 Pro โดยรุ่นที่ทีมงาน @flashfly ได้รับมารีวิว เป็นรุ่นไฮเอนด์อย่าง NOTE 40 Pro+ 5G มาพร้อมสโลแกน ซูเปอร์ชาร์จเพื่อชีวิตสุดอิสระ กับเทคโนโลยี AllRound FastCharge 2.0 ขับเคลื่อนพลังงานด้วย Cheetah X1 ชิปเซ็ตที่อินฟินิกซ์ได้พัฒนาขึ้นเป็นตัวแรก ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มองหาสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพในราคาคุ้มค่า อีกทั้งยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์โดดเด่นด้วย Active Halo Lighting ระบบไฟที่ขับเคลื่อนด้วย AI
สเปก Infinix NOTE 40 Pro+ 5G
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัก 108MP + OIS
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7020
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB
- รองรับ Extended RAM สูงสุด 12GB
- ลำโพงคู่ Sound by JBL
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi, Bluetooth, NFC, USB Type-C, OTG
- สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-display Fingerprint Sensor)
- เซ็นเซอร์ Ambient light sensor, Proximity sensor, Gyroscope, Infrared, Electronic compass
- ระบบปฏิบัติการ XOS 14
- แบตเตอรี่ 4600mAh
- รองรับชาร์จเร็วแบบใช้สาย 100W All-Round FastCharge2.0
- รองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 20W Wireless MagCharge และ Reverse Wireless Charging
- รองรับการชาร์จ Bypass Charging 2.0
- ขนาดตัวเครื่อง 164.28 x 74.5 x 8.09 มิลลิเมตร
แกะกล่อง Infinix NOTE 40 Pro+ 5G
Infinix NOTE 40 Pro+ 5G มาพร้อมกล่องสีเขียว ที่หน้ากล่องบอกจุดเด่นที่สำคัญอย่างรองรับการเชื่อมต่อ NFC, ลำโพงคุณภาพสูงจาก JBL, ความจำขนาดใหญ่ RAM 12GB + 12GB ที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB และรองรับชาร์จเร็วถึง 100W
ภายในกล่อง นอกจากจะพบกับสมาร์ทโฟน Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ที่มีแบตเตอรี่ในตัว ยังมีของแถมที่น่าสนใจอย่างเคส MagCase และแท่นชาร์จไร้สาย MagPad
เคส MagCase ออกแบบมาเพื่อปกป้องสมาร์ทโฟน และยังซ่อนแม่เหล็กไว้ที่ด้านหลัง เพื่อแนบติดกับ MagPad สำหรับการชาร์จไร้สาย ขณะที่ MagPad สามารถชาร์จได้สูงสุด 15W ผ่านพอร์ต USB-C ชาร์จได้ทันที ไม่ต้องถอดเคสออก
นอกจากนี้ ภายในกล่องยังแถมกระจกป้องกันหน้าจอ (ต้องติดเอง), สติกเกอร์, คู่มือ, ใบรับประกัน, เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด, สายชาร์จ และ หัวชาร์จ 100W USB-C Power Adapter
ดีไซน์พรีเมียม โดดเด่นที่ Active Halo Lighting
Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงามพรีเมียม โดดเด่นที่ฝาหลังแบบหนังเทียมสีเขียว Vintage Green เสริมหรูด้วยกรอบตัวเครื่องโลหะสีทอง เข้ากับกรอบกันชนกล้องหลังสีทองเช่นกัน และยังมีสีดำ Obsidian Black เป็นอีกตัวเลือก
ภายในกรอบกล้องหลัง มีจุดเด่นที่ Active Halo Lighting ระบบไฟที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตั้งค่าการกะพริบหรือส่องสว่างได้ 3 รูปแบบ โดยจะกะพริบหรือส่องสว่างเมื่อมีสายเรียกเข้า, ได้รับการแจ้งเตือน, กำลังชาร์จแบตเตอรี่, เล่นเกม, ฟังเพลง, เปิดเครื่อง รวมไปถึงเรียกใช้ผู้ช่วย AI (Voice Assistant) โดยแต่ละฟีเจอร์สามารถเข้าไปเปิดหรือปิดได้การใช้ไฟ Active Halo ได้ เพื่อประหยัดแบตเตอรี่
นอกจากยังมีไฟแฟลช 4 ดวงที่อยู่ในวงกลมสีขาว สำหรับถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวตอนกลางคืน สามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ
พลิกมาดูที่ด้านหน้าจะพบกับจอแสดงผลแบบขอบจอโค้ง 3D ทำมุม 55 องศา ซึ่งเป็นมุมโค้งที่ลงตัวที่สุดในการแสดงผลและจับถือใช้งาน โดยมีขนาดหน้าจอใหญ่ 6.78 นิ้ว และมาพร้อมกระจกป้องกันรอย Corning Gorilla Glass
จอแสดงผลของ Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ถูกเจาะหลุมไว้สำหรับติดตั้งกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล และซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอด้วย
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.09 มิลลิเมตร วางปุ่มปรับระดับเสียง ไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
อีกข้างไม่มีปุ่มกดหรือช่องใส่ซิมการ์ด จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าขอบหน้าจอกับขอบมุมฝาหลังโค้งมาบรรจบกันโดยมีกรอบตัวเครื่องคั่นกลาง
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง ถัดมาเป็นตำแหน่งอินฟราเรด สามารถใช้ฟีเจอร์รีโมทคอนโทรลได้ และ ลำโพงจาก JBL
ด้านล่างมีลำโพงอีกตัว จึงให้เสียงสเตอริโอ ถัดมาเป็นพอร์ต USB Type-C ตามด้วยไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด
นอกเหนือจากดีไซน์ที่หรูหราพรีเมียม Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ยังได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP53 ซึ่งเพียงพอต่อการป้องกันละอองน้ำ เช่น น้ำกระเซ็นจากการล้างมือ ไม่ได้ป้องกันน้ำและฝุ่นอย่างเต็มรูปแบบ จึงควรใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้งานใกล้แหล่งน้ำ
จอโค้ง 3 มิติ AMOLED รีเฟรช 120Hz
Infinix NOTE 40 Pro+ 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความลึกสี 10-bit (ให้สีสันมากกว่า 1.07 พันล้านสี) ความละเอียด Full HD 1080p ขนาด 6.78 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 1300 นิต รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 1500Hz
ไม่เพียงแต่ให้สีสันที่สวยงามคมชัด จอแสดงผลของ Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ยังช่วยถนอมดวงตาด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 1440Hz ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland สำหรับการป้องกันแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสายตา ทำให้จ้องหน้าจอเป็นเวลานานได้อย่างสบายตา
ลำโพงคู่จาก JBL
ด้านเสียง Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ได้รับลำโพง 2 ตัว ติดตั้งที่ด้านบนและด้านล่าง โดยทาง Infinix ได้จับมือกับ JBL แบรนด์เครื่องเสียงและเทคโนโลยีระดับโลกจาก HARMAN ซึ่งไม่เพียงแต่ให้เสียงสเตอริโอ แต่ยังให้เสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา
ลำโพงคู่ของ Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ประกอบด้วยแม่เหล็ก 5 ชิ้น และใช้กรวยลำโพง หรือ Diaphragm ที่ผลิตจากซิลิโคนความยืดหยุ่นสูง และปรับปรุงขนาดของช่องลำโพง เพื่อให้เสียงเบสเพิ่มขึ้นสูงถึง 58% พร้อมเอฟเฟกต์เสียงเบสที่มีความลึกและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
กล้องหลัก 108MP + OIS
Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ติดตั้งกล้องหลังมาให้ 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) รองรับการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียด Lossless Superzoom สูงสุด 3 เท่าและซูมไกลสุด 10 เท่าแบบดิจิตอล ส่วนกล้องอีก 2 ตัว ความละเอียดเท่ากัน 2 ล้านพิกเซล ช่วยถ่ายภาพพอร์ตเทรต และ ภาพถ่ายระยะใกล้
โหมด Portrait สามารถถ่ายได้ 2 ระยะคือ 1 เท่าและ 2 เท่า โหมดวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 2K 30fps ซูมได้ระยะ 1 เท่า 3 เท่า และสูงสุด 10 เท่า พร้อมฟีเจอร์ลดการสั่นไหว และ Ultimate vidio enhancement เพิ่มความสดใสในคลิปวิดีโอ
สำหรับกล้องหน้า ถูกซ่อนไว้ในหลุมบนหน้าจอ ให้ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับโหมด Dual Video สามารถถ่ายวิดีโอพร้อมกล้องหลังในเฟรมเดียวกัน เหมาะสำหรับสาย Vlog โดยมีฟีเจอร์ Vlog Clipper ตัวช่วยในการสร้างวิดีโอสั้นได้อย่างง่ายด้ายในคลิกเดียว สามารถแชร์คอนเทนต์วิดีโอสั้นลงแพลตฟอร์มโซเชี่ยลได้ทันใจ
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิป Dimensity 7020 5G
ด้านประสิทธิภาพ Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7020 5G ผลิตด้วยเทคโนโลยี N6 (ขนาด 6 นาโนเมตร) ของ TSMC ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa-Core โดยมี Arm Cortex-A78 (2-core) สามารถทำความเร็วนาฬิกาได้สูงสุดถึง 2.2GHz และ Arm Cortex-A55 (6-core) ความเร็วสูงสุด 2.0GHz พร้อมด้วยจีพียู IMG BXM-8-256
Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ยังมีระบบระบายความร้อนด้วย VC ขนาด 3,753 ตารางมิลลิเมตร พร้อมด้วยแผ่นกราไฟท์ระบายความร้อนครอบคลุมพื้นที่ 11,429 ตารางมิลลิเมตร ช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุด 7 องศาเซลเซียส จึงสามารถรักษาประสิทธิภาพระดับสูงเมื่อใช้งานนานต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเล่นเกม หรือ ถ่ายวิดีโอ
ด้านความจำ มาพร้อม RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB สามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 24GB
ชาร์จเร็ว 100W+20W ไร้สาย
อีกจุดเด่นของ Infinix NOTE 40 Pro+ 5G คือ นวัตกรรมที่สนับสนุนการชาร์จรอบด้าน All-Round FastCharge 2.0 รองรับชาร์จเร็วแบบใช้สายสูงสุด 100W แถมอุปกรณ์ชาร์จ 100W มาให้แล้วในกล่องไม่ต้องหาซื้อแยกต่างหาก สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึงระดับ 50% ภายในเวลาเพียง 12 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที ใช้ดูวิดีโอได้นาน 6.8 ชั่วโมง โดยมีความจุแบตเตอรี่ 4600mAh และให้อายุการใช้งานยาวนาน สามารถรักษาความจุแบตเตอรี่ไว้ที่ 80% แม้ผ่านการชาร์จไปแล้ว 1,600 รอบ เทียบได้กับการใช้งานนาน 4 ปี
Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ยังสนับสนุนการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายสูงสุด 20W แต่ถ้าชาร์จด้วย MagPad ที่แถมมาให้ สามารถชาร์จได้สูงสุด 15W อีกทั้งยังรองรับการชาร์จแบบ Reverse Wireless Charging ซึ่งเป็นการชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่น เพียงนำฝาหลังมาแนบติดกัน หรือจะชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นผ่านสาย OTG ก็ทำได้เช่นกัน
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือ Infinix NOTE 40 Pro+ 5G รองรับการชาร์จแบบ Bypass ซึ่งหมายถึงการจ่ายไฟไปยังเมนบอร์ดและชิปประมวลผลโดยตรง ช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานต่อเนื่อง โดยที่เครื่องไม่ร้อน
นอกจากนี้ Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ยังมาพร้อมชิปเซ็ต Cheetah X1 เอกสิทธิ์ของ Infinix ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับนวัตกรรมที่สนับสนุนการชาร์จรอบด้าน All-Round FastCharge 2.0 พร้อมรองรับสถานการณ์การชาร์จกว่า 8 รูปแบบ ได้แก่ การชาร์จแบบใช้สายความเร็วสูงหลายระดับและสูงสุดที่ 100W การชาร์จแบบไร้สาย การชาร์จแบบย้อนกลับแบบมีสาย การชาร์จแบบย้อนกลับแบบไร้สาย, การชาร์จแบบ Bypass การป้องกันการชาร์จตอนกลางคืนด้วยระบบ AI และ โหมดความสามารถในการชาร์จที่อุณหภูมิต่ำสุด -20 องศาเซลเซียส ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ และตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุมทุกสถานการณ์
สรุปราคาและการจำหน่าย
Infinix NOTE 40 Pro+ 5G ได้สร้างมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนที่มีราคาเพียงหมื่นต้นๆ โดยเฉพาะนวัตกรรมใหม่ All-Round FastCharge 2.0 ที่สนับสนุนการชาร์จรอบด้าน เช่น ชาร์จเร็ว 100W ชาร์จไร้สาย 20W การชาร์จแบบ Bypass และ การชาร์จแบบย้อนกลับ อีกทั้งยังมี ดีไซน์หรูหราพรีเมียม ระบบไฟ Active Halo กล้องคุณภาพสูง 108MP ใช้ชิป 5G ขนาด 6nm ตอบสนองความบันเทิงด้วยจอแสดงผลคุณภาพสูง และลำโพงคู่จาก JBL สรุปแล้ว Infinix NOTE 40 Pro+ 5G เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาเรือธงรุ่นใหม่ ที่ให้ความคุ้มค่าได้มากกว่า แถมการันตีอัปเดตแอนดรอยด์ 2 ปี
NOTE 40Pro+ 5G เปิดตัวด้วยราคาสุดเร้าใจที่ 11,999 บาท พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษ Premium Gift Box มูลค่า 1,599 บาท รวมมูลค่าของแถมสูงสุดกว่า 3,198 บาท และ รุ่น NOTE 40Pro ราคาเพียง 8,999 บาท โดยมีจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น
#InfinixThailand #InfinixNote40Pro #ซูเปอร์ชาร์จเพื่อชีวิตสุดอิสระ #Flashfly