ย้อนกลับไปในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีรายงานว่า iPhone 14 Pro Max ตกลงมาจากเครื่องบินที่ความสูง 16,000 ฟุต หรือ หรือราว 4.9 กิโลเมตร โดยไม่ได้รับความเสียหายที่รุนแรง และล่าสุดนักข่าวคนดังจาก The Wall Street Journal ได้พยายามหาคำอธิบายในเรื่องนี้
Joanna Stern จากสำนักข่าว The Wall Street Journal พยายามไขคำตอบว่าทำไม iPhone ถึงรอดจากการตกจากที่สูงในระดับ 5 กิโลเมตร แต่บางครั้งกลับได้รับความเสียหายเพียงแค่ทำตกจากเคาน์เตอร์ห้องน้ำ
เพื่อหาคำตอบดังกล่าว Joanna Stern ได้นำ iPhone 14 มาทดสอบ Drop Test ด้วยตัวเอง โดยจำลองการตกจากเครื่องบิน โดยผูก iPhone ไว้กับโดรน และปล่อยให้ตกลงมาที่ความสูง 300 ฟุต หรือราว 90 เมตร
การทดสอบปล่อย iPhone 14 ลงจากโดรนที่ความสูง 90 เมตร พบว่า iPhone ไม่ได้รับความเสียหาย เช่นเดียวกับ iPhone 14 Pro Max ที่เคยตกจากเครื่องบินของสายการบิน Alaska Airlines เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยหลักที่สำคัญก็คือ iPhone ตกลงมาบนพื้นหญ้า จึงไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
เพื่อให้ได้คำตอบที่อธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ Joanna Stern จึงได้สอบถาม Mark Rober อดีตวิศวกรเครื่องกลของ NASA ที่ผันตัวมาเป็น YouTuber และติดต่อไปยัง Rhett Allain รองศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ที่ Southeastern Louisiana University
Mark Rober อธิบายว่า ปัจจัยที่ทำให้สมาร์ทโฟนรอดจากการตกจากที่สูง ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า Terminal Velocity หรือ ความเร็วสุดท้าย (ความเร็วที่วัตถุไปถึงหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่งหรือระยะทางหนึ่ง) ดังนั้น ไม่ว่าวัตถุจะตกลงมาจากกลางอากาศหรืออวกาศ จะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน
Rhett Allain อธิบายเพิ่มเติมว่า ด้วยมวล ขนาด และรูปร่างของสมาร์ทโฟน จะสามารถเพิ่มความเร็วจนถึงประมาณ 60 ไมล์ต่อชั่วโมง จากนั้นแรงต้านของอากาศจะทำให้ความเร็วไม่เพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนี้ Deceleration หรือ การชะลอความเร็ว ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมาร์ทโฟนรอดจากการตกจากที่สูง โดยเฉพาะการที่ iPhone ตกลงบนพื้นหญ้า หญ้าจะช่วยรองรับวัตถุที่ตกลงมา ทำให้การชะลอตัวช้าลง แต่ถ้าตกลงบนพื้นแข็งกว่า อย่าง ถนน หรือ กระเบื้องห้องน้ำ จะทำให้เกิดการชะลอตัวกะทันหันมากขึ้น จึงเกิดความเสียหายที่รุนแรงกว่า