realme สานต่อความพรีเมียมของ realme 11 Pro Series 5G จากปีที่แล้ว ด้วยสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ซึ่งทั้งคู่ยังคงมีดีไซน์ที่หรูหราผ่านฝีมือการออกแบบโดย Ollivier Savéo ดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนาฬิการะดับไฮเอนด์ พร้อมยกระดับกล้องด้วยการจับมือกับ Claudio Miranda ช่างภาพระดับโลก ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ทำให้สมาร์ตโฟนในกลุ่ม realme 12 Series 5G สามารถแข่งขันกับเรือธงได้ ในเรื่องของดีไซน์และการถ่ายภาพกับสโลแกน Be a Portrait Master
แกะกล่อง realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G
realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ของ realme โดยมีขนาดกล่องเท่ากัน ดีไซน์กล่องแบบเดียวกัน แต่สามารถแยกแยะความแตกต่างได้จากเลขรุ่นที่อยู่บนฝากล่อง โดยฝากล่องของ realme 12+ 5G จะมีเลข 12+ ขนาดใหญ่ ขณะที่ฝากล่องของ realme 12 Pro+ 5G จะมีเลข 12 ขนาดใหญ่ และมีคำว่า Pro+ อยู่ถัดลงมา และข้างกล่องของทั้งคู่ยังระบุชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน
หลังกล่อง realme 12 Pro+ 5G บอกจุดเด่นไว้ 4 รายการ ได้แก่ กล้อง Telephoto แบบ Periscope มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, กล้องหลัก Sony IMX890 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 และ จอแสดงผลแบบขอบโค้ง ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz
ส่วนหลังกล่อง realme 12+ 5G จะพบกับจุดเด่น 4 รายการ ได้แก่ กล้องหลัก Sony LYT-600 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W, ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7050 5G และ จอแสดงผล AMOLED ให้อัตราการรีเฟรช 120Hz
หลังจากยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับกล่องเอกสารสีเหลืองแบนๆ วางอยู่บนสุด มีข้อความต้อนรับสู่ครอบครัว realme ภายในมีคู่มือ Quick Guide, ข้อมูลด้านความปลอดภัย (รวมถึงใบรับประกัน), เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด และแถมเคสมาให้ 1 อัน
ใต้กล่องเอกสาร เป็นชั้นวางสมาร์ตโฟน ซึ่งถูกห่อหุ้มอยู่ในซองอย่างดี เมื่อหยิบสมาร์ตโฟนออกมาจากซอง จะพบว่า realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ได้รับการติดฟิล์มป้องกันรอยหน้าจอมาให้แล้ว ชั้นล่างสุดของกล่องเป็นช่องเก็บสายชาร์จ USB Type-C และ หัวชาร์จแบตเตอรี่ 67W Power Adapter ทั้ง 2 รุ่น
ดีไซน์พรีเมียมจากนาฬิกาสุดหรู
ถึงแม้จะมีรายละเอียดแตกต่างกันบ้างแต่ realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G ก็เกือบจะดูเหมือนกันทุกประการ เนื่องจากทั้งคู่ได้รับการออกแบบมาในสไตล์เดียวกัน มุ่งเน้นไปที่ความหรูหราพรีเมียม ผ่านการรังสรรค์ของ realme Design Studio ร่วมกับ Ollivier Savéo (โอลิวิเยร์ ซาเวโอ) ดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงในวงการนาฬิกาสวิสระดับไฮเอนด์ เคยร่วมงานกับแบรนด์ Rolex, Roger Dolby, Piaget, Breitling และ Quinting
Ollivier Savéo นำองค์ประกอบที่สำคัญจากนาฬิกาสวิสมาสู่สมาร์ตโฟน realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนบนกรอบวงแหวนขนาดใหญ่ของกล้องหลังที่สร้างขึ้นอย่างประณีตโดยใช้เครื่องตัด CNC พร้อมด้วยเส้นโลหะที่สร้างขึ้นอย่างแม่นยำ 300 เส้นแบบ 360 องศา แบบเดียวกับที่พบนขอบหน้าปัดนาฬิกาหรู
ส่วนพื้นผิวภายในกรอบวงแหวนของกล้องหลัง ถูกสร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจของหน้าปัด Sunburst ผ่านการขัดเงาสร้างพื้นผิว UV ไล่ระดับแสง และเคลือบออปติคอล จนได้แสงเงาที่ลงตัว แถบที่พาดกลางฝาหลังได้รับอิทธิพลมาจากสายนาฬิกา ปรับแต่งเป็นสร้อยข้อมือ 3D Jubilee Bracelet พร้อมกับฝาหลังแบบหนังวีแกน ทำให้ภาพลักษณ์ของ realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G มีความหรูหราเหมือนกับสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม
สีสันตัวเครื่องก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาข้อมือสุดหรูเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน Submarine Blue ของ realme 12 Pro+ 5G ที่เน้นความสง่างาม หรือ สีเขียว Pioneer Green ของ realme 12+ 5G ก็ให้ความหรูหราแบบเรียบง่าย
realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G ยังมีสีเบจ Navigator Beige ให้เลือกเหมือนกันด้วย ซึ่งเป็นสีที่ดูคลาสสิก เหมือนสายหนังของนาฬิกาข้อมือที่มีความประณีตสูง
realme เสริมความพรีเมียมให้กับ realme 12 Pro+ 5G ด้วยจอแสดงผล AMOLED แบบขอบจอโค้ง ขนาด 6.7 นิ้ว ขณะที่ realme 12+ 5G เป็นจอแบนปกติ แต่ใช้จอ AMOLED เช่นกัน และมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกัน ตรงกึ่งกลางหน้าจอของทั้ง 2 รุ่นติดตั้งกล้องเซลฟี่ในตำแหน่งเดียวกัน เหนือขึ้นไป ซ่อนลำโพงหูฟังไว้สุดขอบด้านบน
realme 12 Pro+ 5G มีส่วนขอบที่บางเพียง 8.75 มิลลิเมตร น้ำหนัก 196 กรัม แต่ realme 12+ 5G มีดีไซน์ที่บางเบากว่า ด้วยส่วนขอบ 7.4 – 7.87 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม และผ่านกระบวนการชุบ PVD แบบเดียวกับที่พบบนตัวเรือนนาฬิการะดับพรีเมียม
ด้านข้างของทั้งคู่ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง ไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์ และมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า realme 12+ 5G มีส่วนขอบที่เรียบแบน ขณะที่ส่วนขอบของ realme 12 Pro+ 5G จะเห็นความโค้งมนของฝาหลังและขอบหน้าจอมาบรรจบกันตรงกรอบตัวเครื่อง
realme 12+ 5G มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ที่ด้านบน แต่ด้านบนของ realme 12 Pro+ 5G จะพบลำโพง และไมโครโฟนตัวที่ 2 ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างของทั้งคู่ มีองค์ประกอบเหมือนกัน ประกอบด้วย ช่องใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพง รองรับระบบเสียงสเตอริโอ
นอกจากนี้ realme 12 Pro+ 5G ยังถูกซีลด้วยกาวเพื่อป้องกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP65 อีกทั้งยังได้รับการออกแบบมาให้ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย สามารถขจัดคราบได้ 30 ชนิด ป้องกันคราบเปรอะเปื้อน การหลุดร่อน การหลุดร่วง ทนต่อการบิ่น การตกหล่น และ ทนทานต่อการใช้งานที่ยาวนานในอุณหภูมิที่รุนแรงสุดขั้ว
realme 12 Pro+ 5G
realme 12 Pro+ 5G เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของ realme ที่ได้รับกล้อง Telephoto แบบ Periscope และยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในช่วงราคาใกล้เคียงกันที่มีกล้อง Periscope ระดับเรือธง สมกับสโลแกน Be a Portrait Master
สเปก realme 12 Pro+ 5G
- จอแสดงผล FHD+, AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องซูม 64MP Telephoto แบบ Periscope + กล้องหลัก 50MP (Sony IMX890) + 8MP Ultra Wide Camera
- กล้องหน้า 32MP Sony Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB
- ขยายความจำ RAM ได้อีก 12GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 5.0 (บนพื้นฐาน Android 14)
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Submarine Blue และ Navigator Beige
จอแสดงผลขอบโค้ง
realme 12 Pro+ 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ดีไซน์ขอบจอโค้งแบบเดียวกับสมาร์ตโฟนเรือธง ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93% โดยมีความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.7 นิ้ว ให้สีสันสวยงามคมชัดด้วยความลึกสี 1.07 พันล้านสี รองรับขอบเขตสี P3 100% ให้อัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส 240Hz (Touch Sampling Rate) ความสว่างสูงสุด 800 นิต และมีโหมด Sunlight Mode ช่วยให้มองเห็นหน้าจอชัดเจนแม้อยู่ในที่กลางแจ้ง
จอแสดงผลของ realme 12 Pro+ 5G สามารถปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติได้ถึง 20,000 ระดับ มีเทคโนโลยีถนอมดวงตาด้วยประสิทธิภาพการปรับระดับแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 2160Hz ผ่านการรับรองการปกป้องสายตาจาก TÜV Rheinland ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการกะพริบของหน้าจอ และยังผ่านการรับรองการป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้าต่ำ จึงสามารถดูแลดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่น่าสนใจก็คือ จอแสดงผลของ realme 12 Pro+ 5G ยังรองรับการแสดงภาพระดับ Pro-XDR สามารถวิเคราะห์รายละเอียดทั้งหมดในภาพถ่าย HDR ที่ส่งมาจากกล้อง ด้วยการปรับเอฟเฟ็กต์ภาพถ่ายให้เหมาะสม เพื่อให้ช่วงไดนามิกและความสว่างครบถ้วน โดยจะดึงรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในภาพถ่าย HDR ภายใต้สภาพแสงต่างๆ ทำให้มองเห็นรายละเอียดภาพถ่ายบนหน้าจอได้อย่างชัดเจน ซึ่งปกติจะพบฟีเจอร์นี้ได้เฉพาะสมาร์ตโฟนระดับเรือธงเท่านั้น
กล้องหลังที่ดีที่สุดในเซกเมนต์
แน่นอนว่าไฮไลท์ที่สำคัญของ realme 12 Pro+ 5G อยู่ที่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว ครอบคลุมทางยาวโฟกัส 5 ระดับ ตั้งแต่ 16 มม. ถึง 71 มม. (0.6X, 1X, 2X, 3X, 6X) ซึ่ง realme ได้นำระบบถ่ายภาพระดับเรือธง Omnifocal มาอยู่ใน Number Series เป็นครั้งแรก และยังเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในช่วงราคาเดียวกันที่ได้รับกล้องซูม Telephoto แบบ Periscope เพื่อยกระดับการถ่ายภาพและวิดีโอในกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นวัยรุ่น
กล้อง Telephoto แบบ Periscope ใช้เซ็นเซอร์ OMNIVISION OV64B ขนาดใหญ่ 1/2” รูรับแสง f/2.6 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 71 มม. ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ด้วยเทคโนโลยี 4-in-1 Fusion Pixel ขนาดพิกเซล 1.4 ไมครอน และยังผ่านการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน ALC
- กล้อง Telephoto ของ realme 12 Pro+ 5G รองรับการซูมแบบออปติคัล 3 เท่า หรือซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ถึง 6 เท่า (In-sensor Zoom) ซึ่งให้รายละเอียดคมชัดกว่าการซูมแบบดิจิทัลทั่วไป เนื่องจากใช้เทคนิคการซูมตั้งแต่เซ็นเซอร์ จึงไม่ทำลายรายละเอียดบนภาพถ่ายที่ถูกซูม และ ซูมดิจิทัลสูงสุด 120 เท่า (Super Zoom) โดยมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (Optical Image Stabilization)
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX890 ขนาด 1/1.56” รูรับแสง f/1.8 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS รองรับการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียด 2 เท่า (In-sensor Zoom)
- กล้องตัวที่ 3 ของ realme 12 Pro+ 5G เป็นกล้องมุมกว้างพิเศษ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4” รูรับแสง f/2.2 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 16 มม.
นอกจากฮาร์ดแวร์กล้องที่มีคุณภาพ ด้านซอฟต์แวร์ก็มีความสำคัญเช่นกัน realme ได้ทำงานร่วมกับ Claudio Miranda ช่างภาพระดับโลก ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มาช่วยปรับแต่ง Filter ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ที่ Claudio Miranda เคยฝากผลงานไว้ ได้แก่… Journey, Memory และ Maverick
- Journey Filter – ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ “Life of Pi“ เน้นความสวยงามตระการตา ด้วยการเพิ่มสีที่มีคอนทราสต์สูงและเน้นโทนสีเหลือง สร้างบรรยากาศที่เหมือนอยู่ในความฝัน ทำให้ภาพถ่ายมีชีวิตชีวามากขึ้น
- Memory Filter – เน้นไปที่สีโทนเย็นซึ่งได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ “The Curious Case of Benjamin Button“ ทำให้เกิดบรรยากาศการถ่ายภาพที่เงียบสงบ
- Maverick Filter – ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง “Top Gun: Maverick”: เน้นโทนสีเหลืองเขียว เพิ่มคอนทราสต์ ทำให้ได้ภาพถ่ายสไตล์ย้อนยุคชวน เหมือนถ่ายภาพด้วยฟิล์ม 35 มม. แบบคลาสสิก
หลังจากเปิดเข้ามาในแอปกล้องของ realme 12 Pro+ 5G จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Street, Video, Photo, Portrait ส่วนโหมดอื่นๆ ถูกรวมไว้ในเมนู More ได้แก่ Pro, Panorama, Hi-Res, Movie, Slow-motion, Time-lapse, Long Exposure, Dual-view Video, Text Scanner, Starry Mode, Group Portrait และ Tilt-shift
โหมด Photo รองรับการซูมที่ระยะ 0.6X, 1X, 2X, 3X, 6X ครอบคลุมทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 16 มม. ถึง 71 มม. โดยรองรับการซูมแบบออปติคัล 3X, ซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ถึง 6X (In-sensor Zoom) และ ซูมดิจิทัลสูงสุด 120X (Super Zoom) ส่วนลูกเล่นเพิ่มเติม มีทั้ง Filters สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่ายตามสไตล์ภาพยนตร์ และฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า
โหมด Portrait ออกแบบมาให้ซูมได้ 3X ซึ่งเป็นระยะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการถ่ายภาพบุคคล มาพร้อมเอฟเฟกต์โบเก้แบบภาพยนตร์ ช่วยสร้างระยะชัดตื้นเหมือผลงานของช่างภาพมือโปร ทำให้ตัวแบบโดดเด่น ขณะที่พื้นหลังละลายอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีฟีเจอร์ Retouch และ Filters เช่นเดียวกับโหมด Photo
โหมด Street ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพแนวสตรีทอย่างมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ด้วยระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 16 มม., 24 มม., 48 มม., 71 มม., 140 มม. จนสูงสุด 2752 มม. พร้อมฟีเจอร์ Auto Zoom เป็นเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุเพื่อช่วยครอบตัดโดยอัตโนมัติ ซึ่งอาศัยการเรียนรู้จากภาพถ่ายมากกว่า 10,000 ภาพ จึงสามารถจัดองค์ประกอบภาพที่สวยงามได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่แตะบุคคลหรือวัตถุที่ต้องการเน้นในภาพถ่าย
โหมด Video สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีฟีเจอร์สำหรับละลายฉากหลัง พร้อมด้วยฟีเจอร์ Retouch และ Filters โหมด Night รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6X จนสูงสุด 120X พร้อมด้วย Filters ที่ทำให้ภาพถ่ายยามค่ำคืนมีสีสันที่สดใส แปลกตา ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อาทิ Golden, Warm & Cool, Pink & Teal, Night City เป็นต้น
กล้องหน้า 32MP Sony Selfie Camera
realme 12 Pro+ 5G ได้รับกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX615 รูรับแสง f/2.4 ให้มุมมองกว้าง 90 องศา ช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่ในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะถ่ายกับฉากหลังสวยๆ หรือถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนๆ โหมด Photo ของกล้องหน้า สามารถปรับระยะการซูมได้ 2 ระดับ 0.8X และ 1X มาพร้อมฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้าโดยอาศัยอัลกอริทึม AI Beauty สำหรับปรับผิวใบหน้าให้เรียบเนียนราวกับผิวเด็ก พร้อมรักษาโทนสีผิวให้ดูเป็นธรรมชาติ
โหมด Portrait รองรับการซูมที่ระยะ 0.8X และ 1X สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้อย่างสวยงาม เพื่อทำให้ตัวบุคคลโดดเด่นยิ่งขึ้น ขณะที่ฟีเจอร์ Retouch ก็ใช้งานได้เหมือนโหมด Photo และมี Filters ให้เลือกหลายแบบ อาทิ Journey, Maverick, Memory, Desert Legend, Vivid, Warm,Cool เป็นต้น
โหมด Video ของกล้องหน้า รองรับการซูมที่ระยะ 0.8X และ 1X ได้เช่นกัน รวมถึงปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง และสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที โหมด Night รองรับการใช้งานบนกล้องหน้าได้ด้วย สามารถปรับระยะการซูมได้ 2 ระดับ 0.8X และ 1X แต่ไม่มี Filters เหมือนกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิป Snapdragon 7s Gen 2
realme 12 Pro+ 5G ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการผลิตระดับ 4 นาโนเมตร ประกอบด้วย CPU แบบ 64-bit Octa Core ที่มี ARM Cortex-A78 ความเร็ว 2.4GHz (4-core) + ARM Cortex-A55 ความเร็ว 1.95GHz (4-core) และ GPU – Adreno 710 ทำงานที่ความเร็ว 940MHz
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน (realme 11 Pro+ 5G) จะพบว่า CPU ของ realme 12 Pro+ 5G มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 20% อ้างอิงจากคะแนนที่ได้จากการทดสอบประสิทธิภาพบนแอปพลิเคชัน Antutu ขณะที่การทดสอบบน GFXBench Manhattan ES 3.0 (Off Screen 1080p) แสดงให้เห็นการปรับปรุงประสิทธิภาพดีขึ้น 9% โดยมีเฟรมเรตเพิ่มขึ้นจาก 67 เป็น 73 เฟรมต่อวินาที
ด้านความจำ realme 12 Pro+ 5G ได้รับ RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB / 512GB พร้อมรองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion สามารถยืมความจุ ROM มาใช้เป็นความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 24GB สามารถเปิดแอปพลิเคชันทิ้งไว้ได้หลายแอป เพื่อสลับการใช้งานแต่ละแอปได้อย่างราบรื่น
ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
realme 12 Pro+ 5G มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh สามารถสแตนด์บายได้นานกว่า 16 วัน หรือสนทนาได้นานถึง 35 ชั่วโมง หากใช้งานด้านความบันเทิง ก็เพียงพอสำหรับการดูวิดีโอบน YouTube นานกว่า 17 ชั่วโมง หรือฟังเพลงนานต่อเนื่อง 72 ชั่วโมง และถ้าแบตเตอรี่เต็ม ก็สามารถเล่นเกม Free Fire ได้ยาวนานกว่า 6.4 ชั่วโมง จึงมั่นใจได้ว่า realme 12 Pro+ 5G จะให้อายุการใช้งานเพียงพอตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน
นอกจากจะให้อายุการใช้งานที่ยาวนาน realme 12 Pro+ 5G ยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC (แถมหัวชาร์จ 67W Power Adapter มาให้ในกล่อง) สามารถชาร์จถึงระดับ 50% ในเวลาเพียง 19 นาที หรือ ชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลา 48 นาที
มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย realme 12 Pro+ 5G ใช้เทคโนโลยีปั๊มชาร์จคู่ 2:1 ในระหว่างการชาร์จกำลังสูง 67W อินพุต 10V 3.35A แบบ 2 ช่องจะรวมกันเพื่อจ่ายกระแสไฟสูงที่ 5V 12.2A สามารถแปลงกระแสสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพงถึง 98% โดยแยกออกเป็นกระแสเล็กลง ช่วยลดความต้านทานของเส้นทางการชาร์จ ลดการสะสมความร้อน และเพิ่มความเสถียรในการชาร์จได้อย่างมาก
อีกทั้งยังมีอัลกอริทึมอัจฉริยะ VCVT ช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น และอัลกอริทึมการชาร์จ VFC Trickle ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จในช่วง 10% สุดท้ายของความจุแบตเตอรี่ (90% ถึง 100%) ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการถนอมอายุการใช้งานจของแบตเตอรี่ หรือทำให้แบตเตอรี่เสื่อมช้าลง
realme 12+ 5G
realme 12+ 5G ถูกสร้างมาอย่างหรูหรา สวยงามไม่แพ้ realme 12 Pro+ 5G ชูจุดเด่นที่กล้องหลักจาก Sony มีระบบกันสั่น OIS ช่วยยกระดับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต เพียงพร้อมด้วยความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผล 120Hz AMOLED ที่มีความคมชัด ลื่นไหล และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ชาร์จเต็มไว
สเปก realme 12+ 5G
- จอแสดงผล FHD+, AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัก 50MP (Sony LYT-600) + 8MP Ultra Wide Camera + 2MP Macro Camera
- กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7050 5G
- ความจำ RAM 12GB + ROM 256GB
- ขยายความจำ RAM ได้อีก 12GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion
- ระบบปฏิบัติการ realme UI 5.0 (บนพื้นฐาน Android 14)
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Pioneer Green และ Navigator Beige
จอแสดงผล 120Hz Ultra Smooth OLED Display
realme 12+ 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ให้สีสัน 16.7 ล้านสี รองรับขอบเขตสี P3 100% ความละเอียด 1080 x 2400 ขนาด 6.67 นิ้ว ให้ความสว่างสูงสุด 2000 นิต ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อใช้งานกลางแจ้ง รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz แสดงภาพกราฟิกได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น ให้สัมผัสที่ดีขึ้น อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุด 240Hz และมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.65% ซึ่งหมายถึงมีขอบหน้าจอที่บางเป็นพิเศษ หรือเรียกว่าดีไซน์ไร้กรอบ
กล้องหลัก Sony LYT-600 OIS รุ่นแรกในเซกเมนต์เดียวกัน
realme 12+ 5G เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกในเซกเมนต์เดียวกัน ที่กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony LYT-600 และยังได้รับ Filter ที่ปรับแต่งโดย Claudio Miranda ช่างภาพระดับรางวัลออสการ์ เช่นเดียวกับ realme 12 Pro+ 5G ไม่ว่าจะเป็น Journey, Memory และ Maverick ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ Life of Pi, The Curious Case of Benjamin Button และ Top Gun: Maverick ตามลำดับ
- กล้องหลักของ realme 12+ 5G มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony LYT-600 ขนาด 1/1.95” รูรับแสง f/1.88 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 26 มม. มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (Optical Image Stabilization) และรองรับการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดสูงสุด 2X (In-sensor Zoom) ซึ่งมีทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 52 มม.
- realme 12+ 5G รองรับการถ่ายภาพในมุมมองกว้างพิเศษ 112 องศา ด้วยกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/4” ชุดเลนส์ 5P ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 16 มม. รูรับแสง f/2.2 รองรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างดี
- กล้องตัวที่ 3 ของ realme 12+ 5G เป็นกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพใกล้วัตถุในระยะเพียง 4 เซนติเมตร
realme 12+ 5G มาพร้อมโหมดถ่ายภาพ Night, Street, Video, Photo, Portrait, Pro, Panorama, Hi-Res, Macro, Movie, Slow-motion, Time-lapse, Long Exposure, Dual-view Video, Text Scanner, Group Portrait และ Tilt-shift
โหมด Photo รองรับการซูมที่ระยะ 0.6X, 1X, 2X โดยรองรับการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดสูงสุด 2X (In-sensor Zoom) และ ซูมดิจิทัลสูงสุด 20X มี Filters สำหรับถ่ายภาพอาหาร และ Filters สำหรับเปลี่ยนโทนสีหรืออารมณ์ของภาพถ่ายตามสไตล์ภาพยนตร์ และฟีเจอร์ Retouch สำหรับปรับความงามบนใบหน้า
โหมด Portrait ออกแบบมาให้ซูมได้ 2X ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 52 มม. รองรับฟีเจอร์ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง โดยมีฟีเจอร์ Retouch และ Filters เช่นเดียวกับโหมด Photo โหมด Night รองรับการซูมตั้งแต่ระยะ 0.6X จนสูงสุด 10X พร้อมด้วย Filters ที่ทำให้ภาพถ่ายยามค่ำคืนมีสีสันที่สดใส แปลกตา ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อาทิ Golden, Warm & Cool, Pink & Teal, Night City เป็นต้น
โหมด Street ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพแนวสตรีทอย่างมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์ Auto Zoom ที่อยู่ในแถบเครื่องมือด้านบน สำหรับการซูมในโหมด Street จะเปลี่ยนเป็นระยะเลนส์หรือทางยาวโฟกัส ตั้งแต่ 16 มม., 26 มม., 52 มม., 71 มม. จนสูงสุด 130 มม. พร้อม Auto Zoom เช่นเดียวกับรุ่นโปร
โหมด Video รองรับการซูมที่ระยะ 0.6X, 1X, 2X จนสูงสุด 10X สามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มีฟีเจอร์ปรับค่า F สำหรับละลายฉากหลัง พร้อมด้วยฟีเจอร์ Retouch และ Filters สไตล์ภาพยนตร์
กล้องหน้า 16MP AI Selfie Camera
realme 12+ 5G ได้รับกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 ให้มุมมองกว้าง 82.6 องศา รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยโหมด Photo ซึ่งมีฟีเจอร์ Retouch ช่วยปรับความงามบนใบหน้าได้เกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดผิว, แก้มหรือโครงหน้า, ขนาดดวงตา, ขนาดจมูก, แก้ม และ ศีรษะหรือรูปร่างโครงหน้า
กล้องหน้าของ realme 12+ 5G ยังมีโหมด Portrait ช่วยถ่ายเซลฟี่แบบละลายฉากหลัง และโหมด Night สำหรับถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย พร้อมด้วยฟีเจอร์ Retouch สามารถปรับแต่งความงามบนใบหน้าได้ละเอียดเหมือนโหมด Photo
โหมด Video ของกล้องหน้า รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที มีฟีเจอร์ Retouch และ Filters เช่นกัน แต่สามารถปรับแต่งความงามด้วยการเลือกระดับได้เท่านั้น ไม่สามารถเลือกปรับได้หลายส่วนแบบโหมด Photo
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิป Dimensity 7050
realme 12+ 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 7050 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการผลิตขั้นสูง 6 นาโนเมตร ของ TSMC ใช้ CPU แบบ 64-bit Octa Core ประกอบด้วย Arm Cortex-A78 @ 2.6GHz (2-Core) และ Arm Cortex-A55 @ 2.0GHz (6-Core) พร้อมด้วย GPU ของ Arm Mali-G68 ด้านความจำ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ด้วย RAM 12GB จับคู่กับ ROM 256GB สามารถทำคะแนนจากแอปพลิเคชัน AnTuTu ได้มากกว่า 600,000 คะแนน
ที่สำคัญ realme 12+ 5G ยังมีระบบระบายความร้อนแบบ Stainless Steel Vapor Chamber ขนาดใหญ่ 4,357 ตารางมิลลิเมตร พร้อมสถาปัตยกรรมการกระจายความร้อน 7 ชั้น และกระจายความร้อนด้วยกราไฟท์ ครอบคลุมพื้นที่ 10,231 ตารางมิลลิเมตร ช่วยรักษาประสิทธิภาพให้คงที่เมื่อใช้งานยาวนานต่อเนื่อง
ชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC
realme 12+ 5G รองรับการใช้งานที่ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ซึ่งสามารถใช้สนทนาได้นานกว่า 29 ชั่วโมง และถ้าใช้งานด้านความบันเทิง ก็เพียงพอสำหรับการดูวิดีโอบน YouTube ถึง 17 ชั่วโมง อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC ใช้เวลาชาร์จ 19 นาที ได้ระดับแบตเตอรี่ 50% และถ้าชาร์จจนเต็ม 100% จะใช้เวลาเพียง 48 นาที นอกจากนี้ ยังได้รับเทคโนโลยีปั๊มชาร์จคู่ 2:1 และ อัลกอริทึมอัจฉริยะ VCVT เช่นเดียวกับ realme 12 Pro+ 5G ช่วยเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการชาร์จ
realme UI 5.0
realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G มอบประสบการณ์การใช้งานที่คล้ายกันด้วยซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด realme UI 5.0 (บนพื้นฐาน Android 14) ที่ไม่เพียงแต่ได้รับการปรับปรุงหน้าตาของ UI (User Interface) ให้สวมงาม ใช้งานง่ายขึ้น แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ทำให้สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น มีความสามารถโดดเด่นกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน
File Dock ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์คอนเท้นต์ข้ามแอปได้ง่ายขึ้น เพียงแค่จับภาพหน้าจอแล้วลากไปที่ File Dock
Flash Capsule แสดงการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ ช่วยลดความยุ่งยากในการสลับแอป และสามารถแตะเพื่อไปยังแอปที่ได้รับการแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว
Phonelink ช่วยให้สมาร์ตโฟนของ realme สามารถเชื่อมต่อกับ Windows PC เพื่อถ่ายโอนข้อมูลข้ามอุปกรณ์ได้อย่างสะดวก รวมถึงสามารถควบคุมสมาร์ตโฟนบน Windows PC ได้อย่างราบรื่น
Smart Image Matting สามารถแยกคนหรือแม้แต่สัตว์ออกจากภาพถ่ายเพียงแค่แตะ เพื่อย้ายออกไปวางอีกภาพหนึ่งได้อย่างง่ายดาย หรือจะแยกวัตถุออกจากภาพเพื่อแชร์ต่อบนโซเชียลมีเดียก็ได้เช่นกัน
สรุปราคาและการจำหน่าย
สมาร์ตโฟนในกลุ่ม Number Series ของ realme ถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่เน้นความคุ้มค่ากว่าคู่แข่งที่มีราคาใกล้เคียงกัน แต่สำหรับ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ได้ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยเฉพาะดีไซน์ที่ให้ความหรูหราพรีเมียมระดับเรือธง ด้วยการจับมือกับ Ollivier Savéo ดีไซน์เนอร์ชั้นนำในวงการนาฬิการะดับไฮเอนด์ ขณะที่การถ่ายภาพก็ทำงานร่วมกับ Claudio Miranda ช่างภาพที่ได้รับรางวัลออสการ์ เพื่อนำท Filters สวยๆ ฉบับภาพยนตร์มาสู่ realme 12+ 5G และ realme 12 Pro+ 5G ทำให้สมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่น สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น และตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เน้นการถ่ายภาพเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ realme 12 Pro+ 5G มีความโดดเด่นในการถ่ายภาพที่เหนือกว่าจากกล้อง Telephoto แบบ Periscope สามารถซูมแบบออปติคัลได้ 3 เท่า ซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ถึง 6 เท่า (In-sensor Zoom) และ ซูมดิจิทัลสูงสุด 120 เท่า (Super Zoom) เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ตโฟนถ่ายภาพสวยเทียบชั้นเรือธง แต่ประหยัดเงินได้มากกว่า ขณะที่ realme 12+ 5G ก็มีกล้องหลักคุณภาพสูงจากเซ็นเซอร์ Sony LYT-600 และยังถ่ายวิดีโอ 4K ได้เช่นกัน เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่ต้องการสมาร์ตโฟนถ่ายภาพสวย แต่มีราคาจับต้องได้ง่ายโดยมีราคาดังต่อไปนี้
- realme 12 Pro+ 5G รุ่น 12GB+512GB ราคา 16,999 บาท
- realme 12 Pro+ 5G รุ่น 8GB+256GB ราคา 13,999 บาท
- realme 12+ 5G รุ่น 8GB+256GB ราคา 9,999 บาท
เปิดให้พรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาเป็นต้นไป ขายวันแรก 29 มีนาคม ผ่าน realme Brandshop , ช่องทางออนไลน์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
#realme12ProPlus5G #realme12Plus5G
#realme12Series5G #BeAPortraitMaster
#CaptureClearerPortraitMaster
#realme #realmeTH