Xiaomi พร้อมแล้วสำหรับการทำตลาดสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ Xiaomi 14 Series co-engineered with Leica ชูความโดดเด่นในการถ่ายภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Lens to lengend’ อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว หลังจากเปิดตัวในระดับโลกที่งาน Mobile World Congress 2024 ที่ผ่านมา โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวพร้อมกันทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Xiaomi 14 Ultra และ Xiaomi 14 ซึ่งทั้งคู่มีความโดดเด่นในการถ่ายภาพ มาพร้อมเลนส์ออปติกส์ Leica Summilux ที่อัปเกรดมาจากเลนส์ Leica Summicron พร้อมอัปเกรดความสามารถรอบด้าน รวมถึง Snapdragon 8 Gen 3 ชิปประมวลผลรุ่นใหม่จาก Qualcomm สุดทรงพลังที่สุดในตลาดตอนนี้
แกะกล่อง Xiaomi 14 Series
Xiaomi 14 Ultra จัดส่งมาในกล่องสีดำ ขณะที่ Xiaomi 14 ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีขาวที่มีขนาดเล็กกว่า หน้ากล่องของทั้งคู่ระบุชื่อรุ่นไว้อย่างชัดเจน พร้อมด้วยโลโก้แบรนด์กล้อง Leica ใต้ชื่อรุ่น แสดงถึงความร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์ ในการพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022
เมื่อยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสารสีเดียวกับตัวกล่อง ภายในจะพบกับเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด, คู่มือ, ใบรับประกัน และ แถมเคสสีดำมาให้ด้วย
ใต้ซองเอกสาร เป็นชั้นวางสมาร์ตโฟนที่ได้รับการห่อหุ้มไว้อย่างดี และระบุจุดเด่นไว้ที่ด้านหน้าซอง Xiaomi 14 Ultra มีจุดเด่นที่เลนส์ออปติกส์ Leica Summilux, เซ็นเซอร์กล้องขนาด 1 นิ้ว รูรับแสงแบบปรับได้, ได้รับกล้องจาก Leica ทั้ง 4 ตัว, ดีไซน์หน้าจอ All Around Liquid Display สร้างความโค้งที่สมมาตรกันในทุกด้าน, ชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 3 และ จอแสดงผล AMOLED รองรับอัตรารีเฟรชแบบไดนามิกในช่วง 1 – 120Hz
หน้าซองของ Xiaomi 14 Ultra ให้จุดเด่นไว้ 6 รายการ ได้แก่ ใช้เลนส์ออปติกส์ระดับโปรของ Leica, ได้รับเซ็นเซอร์รับภาพแบบกำหนดเอง, ดีไซน์กรอบหน้าจอบางเฉียบ, ชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 3, จอแสดงผล AMOLED รองรับอัตรารีเฟรชแบบไดนามิกในช่วง 1 – 120Hz และ รองรับชาร์จเร็ว 90W HyperCharge
ชั้นล่างสุดของกล่อง เป็นช่องเก็บสายชาร์จ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้แถม Power Adapter หรือหัวชาร์จมาให้
Xiaomi 14 Ultra Photography kit
สำหรับ Xiaomi 14 Ultra ยังมีชุดถ่ายภาพ (Photography kit) เป็นอุปกรณ์เสริมที่วางจำหน่ายแยกต่างหาก ประกอบด้วย เคส อะแดปเตอร์ฟิลเตอร์ 67 มม. วงแหวนตกแต่งเลนส์ 2 อัน แถบคล้องมือ และ กริบหรือด้ามจับ
ความพิเศษของกริบก็คือ มาพร้อมปุ่มชัตเตอร์แบบ 2 ขั้น คันโยกซูม ปุ่มบันทึกวิดีโอที่ปรับได้ และแป้นหมุนแบบกำหนดเอง เพื่อให้ความรู้สึกคล้ายการใช้กล้อง Rangefinder ทำให้การถ่ายภาพและวิดีโอมีความถนัดมากขึ้น สามารถถ่ายได้ด้วยมือข้างเดียว โดยกริบจะเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่าน USB-C เพื่อให้ความหน่วงเวลา Latency เป็นศูนย์เวลากดชัตเตอร์ และยังทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่สำรองขนาด 1500mAh ให้ในตัวอีกด้วย
Xiaomi 14 Ultra สมาร์ตโฟนเรือธงของช่างภาพระดับมืออาชีพ
Xiaomi 14 Ultra ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เน้นการถ่ายภาพ ด้วยกล้องหลัง 4 ตัว จาก Leica ดีไซน์สุดพรีเมียม จากวัสดุคุณภาพสูงที่มีความทนทาน และได้รับชิปประมวลผลระดับเรือธงของ Qualcomm
สเปก Xiaomi 14 Ultra
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 3,000 นิต
- กล้องหลัง 50MP Quad Camera จาก Leica
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- เทคโนโลยีระบายความร้อน Xiaomi Dual-IceLoop
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3
- ความจำ RAM LPDDR5x 8533Mbps + ROM UFS 4.0
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, USB 3.2 Gen2 (10Gbps)
- ลำโพงสเตอริโอ, ไมโครโฟน 4 ตัว
- ได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS บนพื้นฐาน Android 14
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็วแบบใช้สาย 90W HyperCharge
- รองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 80W Wireless HyperCharge
- ชิปเซ็ตการชาร์จ Xiaomi Surge P2
- ชิปเซ็ตการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge G1
- ขนาดตัวเครื่อง 161.4 x 75.3 x 9.2 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 219.8 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ White
ดีไซน์พรีเมียม เน้นความทนทาน
เนื่องจากการถ่ายภาพเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ Xiaomi 14 Ultra จึงไม่น่าแปลกใจที่ดีไซน์โดยรวมจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องถ่ายรูป ด้วยกรอบวงแหวนขนาดใหญ่วางอยู่บนฝาหลังที่แบนเรียบ มาในสีดำ และ สีขาว โดยทีมงานได้รับสีดำมารีวิว ซึ่งมีพื้นผิวแบบหนัง ให้ความรู้สึกเหมือนกล้องถ่ายรูปแบบคลาสสิค
Xiaomi 14 Ultra ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมให้มีความแข็งแกร่งด้วยโครงสร้างของ Xiaomi Guardian Structure ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ กรอบอะลูมิเนียมความแข็งแรงสูง, กระจกป้องกัน Xiaomi Shield Glass และ หนังวีแกน Xiaomi nano-tech โดยตัวเครื่องใช้กรอบอะลูมิเนียม 6M42 ที่ถูกหลอมขึ้นจากบล็อกอะลูมิเนียมชิ้นเดียว และขยายไปถึงด้านหลังของตัวเครื่อง ทำให้มีกรอบที่แข็งแกร่งขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Xiaomi 13 Pro
ฝาหลังใช้วัสดุหนังวีแกนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีนาโนขั้นสูงของ Xiaomi ส่งผลให้ผิวเคลือบบางลงและเบาขึ้น อีกทั้งยังมีความทนทานต่อการสึกหรอดีขึ้น 6 เท่า และด้วยสูตรที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยเพิ่มจำนวนกลุ่มปฏิกิริยาที่แตกแขนงออกไปในหนัง เพื่อเสริมสร้างพันธะระหว่างโมเลกุลให้แข็งแกร่งขึ้น สร้างโครงสร้างที่หนาแน่นและแข็งแรงขึ้น ทำให้หนังวีแกนของ Xiaomi 14 Ultra มีความทนทานและทนต่อการสึกหรอได้ดียิ่งขึ้น
Xiaomi ได้กำหนดนิยามใหม่ของจอแสดงผลด้วยหน้าจอ All Around Liquid Display ที่มีการสร้างความโค้งอย่างสมมาตรในทุกด้านและทุกมุม ผสานเข้ากับรูปลักษณ์ที่สวยงามของจอแบนที่เข้ากับการตอบสนองการสัมผัสของขอบโค้งได้อย่างลงตัว และยังได้รับการป้องกันด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass ที่มีความแข็งแกร่งสูง
ขอบด้านข้างมีความบาง 9.2 มิลลิเมตร วางปุ่มปรับระดับเสียง ไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
อีกข้างถูกปล่อยให้เรียบ แต่สังเกตได้ว่ามีเส้นเสาอากาศเหมือนกับอีกด้าน เนื่องจากใช้กรอบที่เป็นโลหะ
ด้านบนมีลำโพง ให้เสียงสเตอริโอ เมื่อขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านล่าง
ด้านล่างจะพบกับถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (USB 3.2 Gen2 ความเร็วสูงสุด 10Gbps) และ ลำโพงตัวหลัก
นอกจากนี้ Xiaomi 14 Ultra ยังได้รับการออกแบบมาให้ป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529:1989+A1:1999+A2:2013 ผ่านการทดสอบแช่ในน้ำจืดที่ความลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานสุดถึง 30 นาที
กล้องหลัง 50MP Quad Camera จาก Leica
Xiaomi 14 Ultra ได้รับการปรับปรุงเลนส์จากเลนส์ Leica Summicron ของรุ่นก่อนหน้า เป็นเลนส์ Leica Summilux ที่ล้ำหน้ามากขึ้น โดยอัปเกรดให้เลนส์มีรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น ควบคู่กับคุณภาพการมองเห็นที่โดดเด่น และยังคงคุณลักษณะหลายประการจากรุ่นก่อน เช่น เลนส์ 8P aspherical และการเคลือบ ALD ทำให้มั่นใจได้ถึงความแม่นยำของสีและความคมชัดระดับสูงสุดในการถ่ายภาพด้วยมือถือ
ไฮไลท์ของ Xiaomi 14 Ultra คือระบบกล้องหลัง 4 ตัว ระดับมืออาชีพจาก Leica ที่มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซลเท่ากัน ประกอบด้วย กล้องหลัก, กล้อง Ultra Wide และติดตั้งกล้อง Telephoto มาให้ 2 ตัว ครอบคลุมช่วงโฟกัสตั้งแต่ 12 มม. ถึง 120 มม. และยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี In-Sensor Zoom ทำให้เกิดทางยาวโฟกัสเพิ่มขึ้นอีก 2 ระยะ คือ 46 มม. และ 240 มม. ทำให้สามารถสร้างสรรการถ่ายภาพได้มากยิ่งขึ้น
- กล้องหลัก ใช้เซ็นเซอร์ Sony LYT-900 รูรับแสงแบบปรับได้ f/1.63 ถึง f/4.0 ทางยาวโฟกัส 23 มม. ระบบกันสั่น HyperOIS
- กล้อง Telephoto แบบ Floating ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX858 รูรับแสง f/1.8 ทางยาวโฟกัส 75 มม. ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Telephoto แบบ Periscope ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX858 รูรับแสง f/2.5 ทางยาวโฟกัส 120 มม. ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultra Wide ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX858 รูรับแสง f/1.8 ทางยาวโฟกัส 12 มม.
กล้องหลักของ Xiaomi 14 Ultra ใช้เซ็นเซอร์รับภาพรุ่นใหม่ Sony LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว พิกเซลขนาดใหญ่พิเศษ 3.2 ไมโครเมตร ในโหมด 4-in-1 ช่วยเพิ่มความไวแสงขึ้น 25% เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์ Sony IMX989 และยังปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ Sony LYT-900 ยังได้รับการอัปเกรดกระบวนการผลิตจาก 40nm เป็น 22nm ช่วยลดการใช้พลังงานลงถึง 43% สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกวิดีโอ HDR อย่างต่อเนื่อง และช่วยให้สามารถถ่ายภาพด้วยคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
กล้องหลักมาพร้อมรูรับแสงแบบปรับได้ระหว่าง f/1.63 ถึง f/4.0 แบบ Stepless จึงสามารถปรับค่าแสงได้อย่างราบรื่นในสถานการณ์ที่หลากหลาย และมาพร้อมเทคโนโลยี Dual Native ISO Fusion Max ช่วยให้กล้องมีช่วงไดนามิกที่ยอดเยี่ยมสูงถึง 14 EV (ค่าแสง) ในช็อตเดียว จึงสามารถจับรายละเอียดไฮไลท์และเงาได้อย่างคมชัดโดยไม่มีแสงหลอกสำหรับวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ในสภาพแสงที่หลากหลาย
เช่นเดียวกับที่พบในกล้องมืออาชีพ กล้องหลักของ Xiaomi 14 Ultra ใช้กลไกรูรับแสงแบบปรับได้แบบ Stepless ที่มีรูรับแสงแบบ 6 ใบ สามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของแสงได้โดยอัตโนมัติเสมือนรูม่านตา และสามารถเปลี่ยนรูรับแสงได้อย่างราบรื่นระหว่าง f/1.63 ถึง f/4.0 จึงสามารถปรับให้เข้ากับสภาพแสงที่ซับซ้อนและสถานการณ์การถ่ายภาพได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ โหมดริชแมนนวล ยังช่วยให้ผู้ใช้งานที่เป็นช่างภาพมืออาชีพ สามารถใช้ประสิทธิภาพกล้องได้อย่างเต็มที่ ช่วยให้ปรับระยะชัดลึกหรือการควบคุมค่าแสงที่ต้องการได้
ขนาดรูรับแสงสูงสุดที่เพิ่มขึ้นจาก f/1.9 เป็น f/1.63 ช่วยเพิ่มการรับแสงได้ 36% (ส่งผลให้ ISO ต่ำลง) พร้อมปรับปรุงความชัดเจนและความบริสุทธิ์ของภาพในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย และยังเพิ่มความสามารถในการแยกวัตถุออกจากพื้นหลังในการถ่ายภาพระยะใกล้ ช่วยลดภาพเบลอจากการเคลื่อนไหวและมือสั่นด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วขึ้น
กล้อง Telephoto แบบ Floating ของ Xiaomi 14 Ultra ถือเป็นการปฏิวัติโครงสร้างการออกแบบเลนส์ของสมาร์ตโฟน เนื่องจาก เลนส์ Telephoto ในโครงสร้างแบบเดิมถูกจำกัดด้วยความสูงของโมดูล ไม่สามารถโฟกัสได้ในระยะ 45 ซม. เมื่อผู้ใช้ต้องการถ่ายภาพวัตถุระยะใกล้ สมาร์ตโฟนจะสลับไปใช้กล้อง Ultra Wide โดยอัตโนมัติ ทำให้ได้ภาพที่ผิดเพี้ยนเป็นอย่างมาก และยังบล็อคแสงได้ง่ายเนื่องจากมีขอบเขตการมองเห็นที่กว้างอีกด้วย
ด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบเลนส์ SLR จึงแบ่งกลุ่มเลนส์ภายในเลนส์ Telephoto ออกเป็น 2 กลุ่ม องค์ประกอบทั้ง 3 ในกลุ่มหลังมีความสามารถในการรวบรวมแสงที่แข็งแกร่งขึ้น และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในเลนส์ขณะโฟกัสไปที่วัตถุที่แตกต่างกัน มีช่วงโฟกัสที่กว้างขึ้นตั้งแต่ 10 ซม. ถึงระยะอนันต์ ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพ Macro ได้ชัดเจนด้วยเลนส์ Telephoto
สำหรับกล้อง Telephoto แบบ Periscope มีทางยาวโฟกัส 120 มม. และด้วยเทคโนโลยี In-Sensor Zoom ทำให้สามารถขยายทางยาวโฟกัสเพิ่มเติมเป็น 240 มม. ช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพระยะไกลและความลึกที่ยอดเยี่ยม สามารถเก็บรายละเอียดระยะไกลได้อย่างชัดเจน (In-Sensor Zoom ทำให้สามารถซูมแบบไม่สูญเสียคุณภาพ โดยการครอบตัดพิกเซลตรงกลาง 12.5 ล้านพิกเซลจากเซ็นเซอร์ ทำให้มั่นใจได้ถึงภาพคุณภาพสูงโดยไม่สูญเสียรายละเอียด)
ด้วยรูรับแสงขนาดใหญ่ f/2.5 ของกล้อง Telephoto แบบ Periscope จึงสามารถรับแสงได้เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับ Xiaomi 13 Ultra ที่มีรูรับแสง f/3.0 และยังได้รับการปรับปรุงความสามารถในการถ่ายภาพแบบสแนปช็อตอีกด้วย ขณะเดียวกันยังมีระยะโฟกัสขั้นต่ำ 30 ซม. ซึ่งช่วยให้สามารถถ่ายภาพโหมด Macro ได้ดียิ่งขึ้น
กล้อง Ultra Wide ได้รับการออกแบบเลนส์ให้มีความบิดเบี้ยวต่ำ โดยมีทางยาวโฟกัส 12 มม. และรองรับการถ่ายภาพโหมด Macro ที่มีระยะโฟกัสน้อยที่สุด 5 ซม.
โหมด Street ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของกล้อง Rangefinder แบบคลาสสิกของ Leica ครอบคลุมทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 23 มม. ถึง 135 มม. พร้อมช่องมองภาพแบบขยายได้เพื่อจำลองกล้อง Rangefinder อีกทั้งยังรองรับการโฟกัสอัตโนมัติ และ การโฟกัสตามโซน (zone focusing) แบบแมนนวล อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานโหมด Street ได้อย่างรวดเร็วภายใน 0.8 วินาที เพียงกดปุ่มปรับระดับเสียง 2 ครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึกทุกช่วงเวลาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
โหมด Master Portrait อยู่ร่วมกับโหมดถ่ายภาพบุคคล Leica แบบคลาสสิก แต่แฝงปรัชญาการปรับแต่งที่แตกต่างออกไป Master Portrait สามารถถ่ายภาพของภาพบุคคลในสภาพย้อนแสง โดยเน้นความลึกของภาพและการฟื้นฟูโทนสีผิวด้วยโบเก้ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลในที่ย้อนแสง แสงเย็น และในสภาวะแสงน้อย
โหมด Video รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 8K ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที โดยกล้องหลักยังสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 120 เฟรมต่อวินาที สามารถปรับให้เข้ากับเอฟเฟกต์ Slow Motion ได้อีก 5 เท่า หรือจะบันทึกวิดีโอ 4K ซูมแบบเต็มช่วงที่ 60 เฟรมต่อวินาที ก็ทำได้เช่นกัน รวมไปถึงการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที ในรูปแบบ Dolby Vision โดยให้ภาพเคลื่อนไหวที่ราบรื่นจากระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล
Xiaomi 14 Ultra สามารถถ่ายวิดีโอช่วงไดนามิกสูงที่มีชื่อว่า MasterCinema เหมาะสำหรับทั้งเอาต์พุตโดยตรงและการปรับแต่งหลังการผลิตเพิ่มเติม โดยอิงตามศาสตร์ด้านสีภาพยนตร์แบบกำหนดเองของ Xiaomi การเข้ารหัส Rec.2020 10-bit และรองรับ Dual Native ISO Fusion Max เพื่อเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเงาและไฮไลท์ สไตล์ของภาพที่ได้จะมีความเป็นกลาง โดยมีเลเยอร์โทนสีที่หลากหลายด้วยระดับความชัดที่พอดี และเก็บรายละเอียดที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังใช้กฎชัตเตอร์ 180 องศา ซึ่งช่วยให้ฟิล์มสามารถสร้างเอฟเฟกต์ภาพเบลอจากการเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
โหมด Movie มีอัตราส่วนภาพ 2.39:1 ซึ่งใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ รองรับเอฟเฟกต์โบเก้แบบภาพยนตร์, การสลับโฟกัสอัตโนมัติ, AI AutoFrame (ครอบตัดเฟรมโดยอัตโนมัติเพื่อให้วัตถุอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น) และ Automatic Zoom (การซูมอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI) เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ
โหมด Director มาพร้อมอินเทอร์เฟซการถ่ายภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ พร้อมการควบคุมพารามิเตอร์ขั้นสูงแบบไร้สาย รองรับการถ่ายภาพ 4K ที่ 60 เฟรมต่อวินาที หรือ 8K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที สามารถบันทึกในรูปแบบ Log และรองรับการเชื่อมต่อกับ Xiaomi Pad 6, Xiaomi Pad 6S Pro 12.4 หรือ Xiaomi 14 Ultra เครื่องอื่นเพื่อใช้เป็นจอภาพ ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การกำกับภาพยนตร์ระดับมืออาชีพอย่างแท้จริง
ไม่เพียงแต่การบันทึกวิดีโอที่คมชัด Xiaomi 14 Ultra ยังสามารถบันทึกเสียงในคุณภาพสูงและเก็บข้อมูลเสียงได้ครอบคลุมมากขึ้นจากไมโครโฟน 4 ตัว จึงให้เสียงเซอร์ราวด์ 3D ที่สมจริงเมื่อเปิดดูวิดีโอ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถเลือกการบันทึกวืดีโอทั้งจากด้านหน้า ด้านหลัง หรือ รอบทิศทางได้ รวมถึงเปิดใช้ฟีเจอร์การติดตามแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งทิศทางการจับเสียงจะเชื่อมต่อกับจุดโฟกัสของกล้อง ช่วยเพิ่มคุณภาพการบันทึกเสียงในสภาพแวดล้อมกลางแจ้งได้อย่างดี
ตัวอย่างภาพถ่าย
เทคโนโลยีระบายความร้อน Xiaomi Dual-Channel IceLoop
ความร้อนสะสมในสมาร์ตโฟน เกิดขึ้นได้จากการใช้งานเป็นเวลานาน นอกเหนือจากการเล่นเกม การใช้งานกล้องหรือถ่ายวิดีโอเป็นเวลานาน ก็ทำให้ตัวเครื่องเกิดความร้อนสูงได้เช่นกัน ดังนั้น Xiaomi จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีระบายความร้อนของ Xiaomi 14 Ultra ให้ล้ำหน้าไปอีกขั้น เรียกว่าเทคโนโลยี Xiaomi Dual-Channel IceLoop ซึ่งถูกอัปเกรดมาจากระบบ Loop LiquidCool นอกเหนือจากวงจรการระบายความร้อนของโปรเซสเซอร์แบบเดิม ยังเพิ่มวงจรการระบายความร้อนแยกต่างหากสำหรับส่วนของกล้อง ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ถึงการกระจายความร้อนที่ดีขึ้น เมื่อกล้องและโปรเซสเซอร์ทำงานพร้อมกัน
จอแสดงผล All Around Liquid Display
หน้าจอ All Around Liquid Display ของ Xiaomi 14 Ultra ใช้กระบวนการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยปรับแผงหน้าจอด้วยแรงกดหลายชั้นเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ช่วยให้สามารถโค้งงอได้ลึกทั้ง 4 ด้านและมุม ทำให้เกิดความโค้งที่สมมาตร สวยงาม ไร้รอยต่อ ให้ความรู้สึกขณะถือที่ยอดเยี่ยมของจอแสดงผลแบบโค้ง และความสามารถในการทำงานที่ยอดเยี่ยมของจอแสดงผลแบบแบน และลดปัญหาการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ตั้งใจบริเวณขอบ
จอแสดงผลของ Xiaomi 14 Ultra ได้รับการป้องกันด้วยกระจก Xiaomi Shield Glass ที่ผสมผสานวัสดุใหม่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดโครงสร้างที่เชื่อมต่อกันผ่านการเผาที่อุณหภูมิสูง และยังคงความโปร่งใสไว้ โดยมีความแข็งแกร่งเหนือกว่ากระจกทั่วไป ทนต่อการสึกหรอ และต้านทานต่อการตกหล่นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ภายใต้กระจกที่โปร่งใส ทนทาน มีจอแสดงผล AMOLED C8 ที่ Xiaomi ปรับปรุงขึ้นเอง โดยมีความละเอียด 3200 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.73 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 522 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ความลึกของสี 12-bit ให้ความสว่างสูงสุดถึง 3000 นิต รองรับ AdaptiveSync Pro สามารถปรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบไดนามิกตั้งแต่ 1 ถึง 120Hz
นอกจากนี้ จอแสดงผลของ Xiaomi 14 Ultra ยังผ่านการปรับเทียบสี CIE170-2:2015 ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานสามารถใช้งานจอแสดงผล HDR ที่ชัดเจนและแม่นยำแม้ภายใต้แสงแดด สนับสนุน Dolby Vision, HDR10+, HDR10, HLG ขณะเดียวกันยังเป็นจอแสดงผลที่ถนอมสายตา สามารถปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ได้ที่ความถี่สูง 1920Hz เพื่อลดการกะพริบของหน้าจอ
ชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 3
Xiaomi 14 Ultra ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 3 รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Qualcomm ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิตขนาด 4 นาโนเมตร ที่มี CPU แบบ 64-bit Octa Core วางคลัสเตอร์ 1 + 5 + 2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ CPU ขึ้น 32% และประสิทธิภาพ GPU ขึ้น 34% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 2 จึงให้ประสิทธิภาพในระดับสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน เล่นเกม หรืองานสร้างสรรค์อย่างมืออาชีพ
CPU ของ Snapdragon 8 Gen 3 ประกอบด้วย Cortex-X4 ขนาดใหญ่พิเศษ 1 คอร์ ความถี่หลักสูง 3.3GHz แกน Cortex-A720 ขนาดใหญ่ 5 คอร์ และ Cortex-A520 ขนาดเล็ก 2 คอร์
- Arm Cortex-X4 (Prime core) ความเร็วสูงสุด 3.30GHz
- Arm Cortex-A720 (5 core) แบ่งความเร็วเป็น 3.20GHz (3 core) + 3.00GHz (2 core)
- Arm Cortex-A520 (2 core) ความเร็วสูงสุด 2.30GHz
ด้านความความจำ Xiaomi 14 Ultra ได้รับ RAM แบบ LPDDR5x ขนาด 16GB จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB และสามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 8GB ด้วยความจำเสมือน ทำคะแนนทดสอบจาก Antutu ทะลุ 2 ล้านคะแนนไปได้แบบสบายๆ
ชาร์จเร็ว 90W HyperCharge และชาร์จเร็วไร้สาย 80W HyperCharge
Xiaomi 14 Ultra ได้รับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh จึงให้อายุการใช้งานที่ยาวนานตลอดทั้งวัน พร้อมด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบใช้สาย 90W HyperCharge และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 80W HyperCharge ซึ่งถือว่าชาร์จเร็วแบบไร้สายได้อย่างรวดเร็วทันใจ
นอกจากนี้ Xiaomi 14 Ultra ยังมาพร้อมชิปเซ็ตการชาร์จ Xiaomi Surge P2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จและลดการสูญเสียพลังงาน ทำงานร่วมกับชิปเซ็ตการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge G1 มอบการป้องกันที่ครอบคลุมแบบเรียลไทม์และการซ่อมแซมเซลล์แบตเตอรี่อย่างชาญฉลาดจึงช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
Xiaomi 14 ผู้นำด้านการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟน
Xiaomi 14 เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีขนาดกะทัดรัด พกพาได้ง่ายกว่า Xiaomi 14 Ultra แต่มีจุดเด่นที่การถ่ายภาพเช่นเดียวกัน ด้วยเลนส์ออปติคัล Leica Summilux และยังใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 3 แบบเดียวกับที่พบในรุ่น Ultra มั่นใจได้ว่า Xiaomi 14 ก็มีประสิทธิภาพไม่ห่างกันมากนัก
สเปก Xiaomi 14
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 3,000 นิต
- กล้องหลัง 50MP Triple Camera จาก Leica
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- เทคโนโลยีระบายความร้อน Xiaomi Loop LiquidCool
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3
- ความจำ RAM LPDDR5x 8533Mbps + ROM UFS 4.0
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, USB 3.2 Gen1 (5Gbps)
- ลำโพงสเตอริโอ, ไมโครโฟน 4 ตัว
- ได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS บนพื้นฐาน Android 14
- แบตเตอรี่ 4610mAh
- รองรับชาร์จเร็วแบบใช้สาย 90W HyperCharge
- รองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W Wireless HyperCharge
- ชิปเซ็ตการชาร์จ Xiaomi Surge P2
- ชิปเซ็ตการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge G1
- ขนาดตัวเครื่อง 152.8 x 71.5 x 8.2 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 193 กรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Jade Green, Black และ White
ดีไซน์หรูหราสมกับเรือธง
ดีไซน์โดยรวมของ Xiaomi 14 เน้นความหรูหราแต่เรียบง่ายสไตล์มินิมอล เน้นควบคุมขนาดให้กระทัดรัด เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีแผงด้านหลังที่โค้งเล็กน้อย ช่วยให้ผู้ใช้งานจับถือตัวเครื่องได้อย่างสบาย และลดอาการเมื่อยล้าเมื่อถือใช้งานเป็นเวลานาน จึงลดความเสี่ยงที่จะทำสมาร์ตโฟนหลุดมือโดยไม่ได้ตั้งใจ
Xiaomi 14 ได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP68 เช่นเดียวกับรุ่น Ultra ผลิตออกมาให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาว และ สีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว เรียกว่าสีเขียว Jade Green
มุมมองด้านหน้าของ Xiaomi 14 ได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus มาพร้อมดีไซน์ไร้กรอบ มอบประสบการณ์การรับชมที่ดื่มด่ำ โดยอาศัยเทคโนโลยี FIAA ขั้นสูง เพื่อรวมแผงวงจรไว้ในหน้าจอ ส่งผลให้กรอบด้านล่างมีความบางเพียง 1.71 มิลลิเมตร
ขอบด้านข้างมีความบางเพียง 8.2 มิลลิเมตร และมีเส้นเสาอากาศคาดไว้ หมายความว่ากรอบตัวเครื่อง Xiaomi 14 ใช้วัสดุอะลูมิเนียม
อีกข้างมีปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์
ด้านบนถูกปล่อยให้เรียบ เนื่องจาก Xiaomi 14 ตำแหน่งของอินฟราเรดถูกย้ายออกไป และยังย้ายตำแหน่งลำโพงไปที่หน้าจอด้วย
ด้านล่างประกอบด้วยถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C (USB 3.2 Gen1 ความเร็วสูงสุด 5Gbps) และ ลำโพงตัวหลัก
กล้องหลัง 50MP Triple Camera จาก Leica
Xiaomi ยกระดับเลนส์กล้องของ Xiaomi 14 ให้ขึ้นไปอีกขั้น โดยเปลี่ยนจากเลนส์ Leica Summicron ไปเป็นเลนส์ Leica Summilux ซึ่งมีรูรับที่แสงกว้าง จึงรับแสงได้มากขึ้น สามารถใช้งานได้ดีในสภาวะแสงน้อย ทำให้ภาพถ่ายมีแสงที่โดดเด่น ขณะเดียวกันก็ให้ความแม่นยำของสี คอนทราสต์ และความคมชัดที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ เลนส์ Leica Summilux ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจับภาพได้อย่างรวดเร็ว
Xiaomi 14 มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว จาก Leica ครอบคลุมช่วงโฟกัสตั้งแต่ 14 มม. ถึง 75 มม. ประกอบด้วย กล้องหลักที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.31”, กล้อง Ultra Wide ที่ได้รับการอัปเกรดความละเอียดขึ้นเป็น 50 ล้านพิกเซล และกล้อง Telephoto แบบ Floating ที่มีระยะโฟกัสใกล้สุดเพียง 10 ซม.
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Light Fusion 900 รูรับแสง f/1.6 ทางยาวโฟกัส 23 มม.
- กล้อง Telephoto แบบ Floating รูรับแสง f/2.0 ทางยาวโฟกัส 75 มม.
- กล้อง Ultra Wide 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ทางยาวโฟกัส 14 มม.
กล้องหลักของ Xiaomi 14 มีรูรับแสงขนาด f/1.6 ซึ่งเพิ่มการรับแสงได้ถึง 80% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จึงสามารถถ่ายภาพโดยใช้เวลาน้อยลงในความสว่างภาพที่เท่ากัน และมาพร้อมเทคโนโลยี Dual ISO Fusion ช่วยให้กล้องสามารถจับภาพช่วงไดนามิกได้กว้างถึง 13.5 EV ทำให้สามารถบันทึกภาพที่มีรายละเอียดสูง เผยรายละเอียดแสงและเงาที่ชัดเจนได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหมาะสำหรับการถ่ายภาพช่วงเวลาสำคัญที่ต้องใช้ความรวดเร็ว ความแม่นยำและความชัดเจน
สำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพที่กำลังมองหากล้องที่มีความสามารถในการแก้ไขขั้นสูง Xiaomi 14 ยังมอบความสามารถในการบันทึกไฟล์ UltraRAW ที่มีความลึกของสีสูงสุด 14-bit ซึ่งให้ความยืดหยุ่นอย่างมากในขั้นตอนหลังการประมวลผล นอกจากนี้ ยังปรับปรุงการแสดงตัวอย่างของกล้อง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถดูเอฟเฟกต์ HDR ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่าภาพถ่ายสุดท้ายจะตรงกับสิ่งที่เห็นบนหน้าจอ
กล้อง Telephoto แบบ Floating ของ Xiaomi 14 สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในเลนส์ขณะโฟกัสไปที่วัตถุที่แตกต่างกัน มีช่วงโฟกัสที่กว้างขึ้นตั้งแต่ 10 ซม. ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพ Macro หรือภาพระยะใกล้ได้ชัดเจนด้วยเลนส์ Telephoto และมอบคุณภาพของภาพดีขึ้นด้วยทางยาวโฟกัส 75 มม. เต็มรูปแบบ
Xiaomi 14 รองรับโหมด Movie ใหม่ล่าสุด โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นอัตราส่วนภาพ 2.39:1 ซึ่งใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ รองรับเอฟเฟกต์โบเก้แบบภาพยนตร์ และการสลับโฟกัสอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่าย
จอแสดงผล CrystalRes AMOLED
Xiaomi 14 มาพร้อมจอแสดงผล CrystalRes AMOLED ความละเอียด 1200 x 2670 พิกเซล ขนาด 6.36 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 460 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) รองรับ Dolby Vision, HDR10+, HDR10, HLG และให้ความสว่างสูงสุด 3000 นิต ทำให้หน้าจอมีสีสันสดใส มองเห็นได้ชัดเจน แม้ใช้งานภายนอกอาคาร อีกทั้งยังได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
จอแสดงผลของ Xiaomi 14 ยังมีขอบหน้าจอที่บางเป็นพิเศษเสมือนไร้ขอบ ช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชมให้ดียิ่งขึ้น และได้รับการอัปเกรดคุณภาพการแสดงผลด้วยแผง C8 AMOLED รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Xiaomi ทำให้ทุกภาพและข้อความมีความคมชัดเป็นพิเศษ ควบคู่ไปกับความแม่นยำของสีที่ล้ำสมัยที่มอบภาพที่สดใส สมจริง และด้วยเทคโนโลยีอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ LTPO ยังสามารถปรับอัตราการรีเฟรชของหน้าจอตามคอนเทนต์ที่กำลังรับชม (1-120Hz LTPO, AdaptiveSync Pro) จึงสามารถโต้ตอบได้อย่างราบรื่น และยังมีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่อีกด้วย
ชิป Snapdragon 8 Gen 3
Xiaomi 14 ให้ประสิทธิภาพระดับเดียวกับ Xiaomi 14 Ultra ที่มีราคาแพงกว่า เนื่องจากใช้ชิปประมวลผลรุ่นเดียวกัน Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ซึ่งมีประสิทธิภาพ CPU เพิ่มขึ้น 32% และประสิทธิภาพ GPU ดีขึ้น 34% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 2 มั่นใจได้ว่าจะมีประสิทธิภาพกราฟิกที่สูงที่สุด และสามารถควบคุมการใช้พลังงานได้ดียิ่งขึ้น
ด้านความความจำ Xiaomi 14 ได้รับ RAM แบบ LPDDR5x ขนาด 12GB จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB และสามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 6GB ด้วยความจำเสมือน
ชาร์จเร็ว 90W HyperCharge
Xiaomi 14 มีความจุแบตเตอรี่ 4610mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบใช้สาย 90W HyperCharge และชาร์จเร็วแบบไร้สาย 50W HyperCharge นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบจัดการแบตเตอรี่ไฟกระชาก (Xiaomi Surge Battery Management System) ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Xiaomi ซึ่งประกอบด้วยชิปการชาร์จ Xiaomi Surge P2 และชิปเซ็ตการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge G1 แบบเดียวกับที่พบใน Xiaomi 14 Ultra
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS
Xiaomi 14 Series ทำงานบน Xiaomi HyperOS ระบบปฏิบัติการที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ออกแบบมาสำหรับระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” มุ่งเน้นในการเพิ่มขีดความสามารถของฮาร์ดแวร์ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ไหลลื่น และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยมีคุณสมบัติในการจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพ รองรับการประมวลผลแบบกระจาย ระบบไฟล์มีน้ำหนักเบามาก เพื่อประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอ และความเข้ากันได้ที่เหนือกว่า
ระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS ยังนำเทคโนโลยี AI อันล้ำสมัยมาสู่สมาร์ตโฟน Xiaomi 14 Series เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับฟีเจอร์อัจฉริยะมากขึ้น ผ่านโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่รวมเข้ากับแอปพลิเคชันในระบบต่างๆ ทำให้มีฟีเจอร์ที่ชาญฉลาดอย่างเช่น…
- AI Subtitles ช่วยให้สามารถถอดเสียงเนื้อหาคำพูดได้แบบเรียลไทม์ระหว่างการประชุมทางวิดีโอ
- AI Album Search ใช้การประมวลผลภาษาที่เป็นธรรมชาติ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาภาพที่ต้องการภายในคอลเลกชันภาพถ่ายของตนได้ โดยใช้การอธิบายสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา
- AI Portraits ใช้อัลกอริทึมขั้นสูง เพื่อสร้างองค์ประกอบภาพบุคคลแบบใหม่ที่ได้มาจากภาพที่มีอยู่แล้ว
- AI Expansion ยังอำนวยความสะดวกด้วยการขยายเนื้อหารูปภาพที่มีอยู่ให้สมจริง ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ใหม่ๆ
Xiaomi HyperOS ยังเน้นการเรนเดอร์ภาพคุณภาพสูง สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ดีขึ้น รองรับหลายภาษา และการรักษาความปลอดภัยแบบ end-to-end ด้วยสภาพแวดล้อมการดำเนินการที่เชื่อถือได้ที่พัฒนาขึ้นเอง นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางด้วยปรัชญาการออกแบบที่มีชีวิต (Alive Design Philosophy) ทำให้มั่นใจได้ว่าการโต้ตอบระหว่างอุปกรณ์จะสะดวกสบายและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
สรุปราคาและการจำหน่าย
Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Xiaomi ที่จะออกมาทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรก แน่นอนว่าไฮไลท์อยู่ที่รุ่นพรีเมียม Xiaomi 14 Ultra ซึ่งถูกสร้างมาสำหรับผู้ใช้งานในกลุ่มไฮเอนด์ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นพิเศษ จึงมีจุดเด่นที่ระบบกล้องหลัง 4 ตัว จาก Leica พร้อมเลนส์ Leica Summilux ใหม่ล่าสุด และกล้อง Telephoto แบบ Floating รวมถึงกล้อง Telephoto แบบ Periscope ทำให้ Xiaomi 14 Ultra เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นช่างภาพ รวมถึงผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยชิป Snapdragon 8 Gen 3 แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และรองรับชาร์จเร็วแบบไร้สาย 80W
สำหรับ Xiaomi 14 ได้รับคุณสมบัติระดับเรือธงหลายอย่างแบบเดียวกับรุ่น Ultra ไม่ว่าจะเป็นชิป Snapdragon 8 Gen 3 ชาร์จเร็วแบบใช้สาย 90W รวมถึงกล้องหลังจาก Leica ที่มีกล้อง Telephoto แบบ Floating มาให้ด้วย ทำให้ Xiaomi 14 ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอได้อย่างดี
Xiaomi 14 Ultra มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Black และ White ในรุ่นความจุ 16GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 40,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสมาร์ทโฟน Xiaomi 14 Ultra ล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 14 – 22 มีนาคม 2567 รับฟรี! Xiaomi 14 Ultra Photography Kit และ 120W Charger Adapter Kit รวมมูลค่าของสมนาคุณ 20,589 บาท4
Xiaomi 14 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Black, White และ Jade Green ในรุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 29,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสมาร์ทโฟน Xiaomi 14 ล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 14 – 22 มีนาคม 2567 รับฟรี! Xiaomi 14 Giftbox, Redmi Buds 5 Pro และ 120W Charger Adapter Kit รวมมูลค่าของสมนาคุณ 18,379 บาท4