vivo ถือโอกาสฉลองครบรอบ 10 ปี นับจากวันที่เริ่มทำตลาดในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวสมาร์ตโฟน vivo V30 Pro 5G ซึ่งมีความพิเศษที่เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของกลุ่ม V Series ที่ได้รับเลนส์กล้องคุณภาพสูงจาก ZEISS ซึ่งปกติแล้วจะพบได้เฉพาะสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ของ vivo เท่านั้น และยังมาพร้อมเทคโนโลยี Aura Light Portrait System 3.0 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีความสว่างนุ่มนวลกว่าเดิม ช่วยยกระดับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตสมกับสโลแกน “Portrait So Pro” หรือ “ถ่ายเทพเกินคน”
สเปก vivo V30 Pro 5G
- จอแสดงผล 1.5K AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz
- กล้องหน้า 50MP Selfie Camera (มีระบบออโต้โฟกัส)
- กล้องหลัง 50MP Triple Camera
- ระบบแสง Aura Light Portrait System 3.0
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8200
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) + ROM 512GB (UFS 3.1)
- ขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 12GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM 4.0
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3, NFC, OTG, USB Type-C (USB 2.0)
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Ambient Light Sensor, Proximity Sensor, E-compass, Gyroscope
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- ระบุตำแหน่ง GPS, BeiDou, GLONASS, Galileo, QZSS
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 บนพื้นฐาน Android 14
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP54
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
- ขนาดตัวเครื่อง 164.36 x 75.1 x 7.45 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 188 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Shell White และ Night Sky Black
แกะกล่อง vivo V30 Pro 5G
vivo V30 Pro 5G บรรจุไว้ในกล่องสีดำ หน้ากล่องมีชื่อรุ่น V30 Pro ขนาดใหญ่ อยู่ในวงแหวนที่มีแสงออร่า พร้อมข้อความที่บ่งบอกว่ามีการทำงานด้านวิศวกรรมร่วมกันกับ ZEISS ภายในกล่อง แน่นอนว่ามีสมาร์ตโฟน vivo V30 Pro 5G นอกจากนี้ ยังแถมเคส, คู่มือ, ข้อมูลสำคัญและบัตรรับประกัน, เข็มช่วยถอดช่องใส่ซิม, สายชาร์จ และหัวชาร์จ 80W Power Adapter
กล้องหลัง 3 ตัว จาก ZEISS
ระบบกล้องหลังถือเป็นจุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดของ vivo V30 Pro 5G เพราะเป็นครั้งแรกที่ vivo นำความร่วมมือกับ ZEISS ผู้ผลิตเลนส์คุณภาพสูงระดับโลก มาสู่สมาร์ตโฟนในกลุ่ม V Series ซึ่งปกติจะพบได้ในสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมเท่านั้น อย่างเช่น X Series ของ vivo ดังนั้น กล้องหลังของ vivo V30 Pro 5G จึงผ่านการรับรองมาตรฐาน ZEISS Optics ทั้ง 3 ตัว และมาพร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพจาก ZEISS อย่าง ZEISS Style Portrait หรือ ZEISS Natural Color
กล้องหลังของ vivo V30 Pro 5G มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ทั้ง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก VCS True Color (VCS – vivo Camera-Bionic Spectrum) มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล (OIS – Optical Image Stabilization), กล้อง Professional Portrait Camera และ กล้อง Auto Focus Ultra Wide-Angle Camera
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.55” รูรับแสง f/1.88
- กล้อง Professional Portrait 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.85
- กล้อง Ultra Wide 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 มุมมองกว้าง 119 องศา
เปิดเข้ามาในแอปกล้องของ vivo V30 Pro 5G จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Night, Portrait, Photo, Video, Micro Movie เมื่อเลื่อนไปที่ More จะพบกับโหมดถ่ายภาพที่เหลือ ได้แก่ High Resolution, Panorama, Ultra HD Documents, Slo-mo, Time-lapse, Supermoon, Astro, Pro, Snapshot, Food, Dual View และ Live Photo
โหมด Photo มาพร้อมฟิลเตอร์ ZEISS Natural Color สามารถเปิดใช้งานได้จากแถบเครื่องมือด้านบน ช่วยทำให้ภาพถ่ายมีสีสันที่เป็นธรรมชาติแบบฉบับเลนส์ ZEISS ส่วนการซูม สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x (เป็นการเปิดใช้งานกล้อง Ultra Wide) 1x ,2x ,4x จนสูงสุด 20x
โหมด Portrait สามารถเปิดใช้งานแสง Aura Light ได้จากแถบเครื่องมือด้านบน โดยมีแถบให้เลื่อนปรับแสงสว่างได้ ส่วนการซูมทำได้ 2 ระยะ 1x และ 2x อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Style ให้เลือกใช้หลายแบบ เพื่อทำให้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตโดดเด่นมากยิ่งขึ้น พร้อม Filters ช่วยเปลี่ยนโทนสีภาพ รวมถึงโหมด Beauty สำหรับปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้น โดยมีฟีเจอร์ Postures ช่วยแนะนำท่าทางการถ่ายภาพ และมีฟีเจอร์ Bokeh สามารถละลายฉากหลังได้หลายระดับ
ที่สำคัญก็คือ โหมด Portrait ของ vivo V30 Pro 5G ได้รับเอฟเฟกต์ละลายฉากหลัง Bokeh flare จาก ZEISS ให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Biotar, Sonnar, Planar, Distagon และ Cine-flare แต่ละแบบจะให้เอฟเฟกต์โบเก้ที่แตกต่างกัน
- Biotar ทำให้ฉากหลังหมุนวนพร้อมแสงแฟร์รูปทรงมะกอก
- Sonnar มอบเอฟเฟกต์โบเก้ที่นุ่มละมุน
- Planar สร้างเอฟเฟกต์โบเก้ในสไตล์คลาสสิก พร้อมขอบแสงแฟร์ที่ชัดเจน
- Distagon ให้เอฟเฟกต์โบเก้เป็นรูปทรงหกเหลี่ยม
- Cine-flare ช่วยสร้างแสงแฟร์แบบเดียวกับที่พบในภาพยนตร์ เหมาะสำหรับถ่ายภาพพอร์ตเทรตในฉากที่มีแสงเยอะหรือย้อนแสง
นอกจากโหมดถ่ายภาพต่างๆ vivo V30 Pro 5G ยังมี Color-Adaptive Border หรือ กรอบรูปภาพแบบปรับสีอัตโนมัติ ช่วยสร้างกรอบรูปภาพสไตล์ภาพถ่ายโพลารอยด์ โดยอาศัยอัลกอริทึมขั้นสูงช่วยวิเคราะห์สีสันและองค์ประกอบของภาพอย่างละเอียด เพื่อทำให้กรอบมีสีสันโทนเดียวกับภาพถ่าย
โหมด Video สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x จนสูงสุด 10x รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที รองรับฟีเจอร์ Movie LUTs / Filter ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยปรับแต่งโทนภาพของวิดีโอในแบบที่ผู้ใช้งานต้องการ และที่น่าสนใจก็คือฟีเจอร์ Movie Bokeh ที่มีเอฟเฟกต์ Cinematic จาก ZEISS สามารถละลายฉากหลังได้อย่างสวยงาม เลื่อนปรับความเบลอได้ตามต้องการ
โหมด Micro Movie ช่วยสร้างวิดีโอสั้นสำหรับทำ Vlog มาพร้อมเทมเพลตและเอฟเฟกต์ให้ตัดต่อวิดีโอสั้นได้ง่ายๆ แบบเรียลไทม์ ตามสไตล์ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเน้นที่ตัวบุคคล, อยู่ในอิริยาบถสบายๆ, อาหาร, การเดินทาง, ยามค่ำคืน และ กีฬา โดยฟีเจอร์ Micro Movie จะช่วยปรับโฟกัส แสง และโทนสีผิว ให้อัตโนมัติ ทำให้การถ่าย Vlog เป็นเรื่องง่าย
โหมด Night สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.6x จนสูงสุด 20x โดยมี Style หรือ Filter ให้เลือกใช้หลายแบบ แต่ละแบบช่วยปรับโทนสีภาพให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพยามค่ำคืนในฉากหรือสถานการณ์ที่หลากหลาย
Aura Light Portrait 3.0
vivo V30 Pro 5G ยังได้รับการปรับปรุงระบบแสงออร่าให้ดีขึ้นด้วย Aura Light Portrait 3.0 มาในดีไซน์เหลี่ยม ติดตั้งไว้ใต้โมดูลกล้องหลัง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน จะพบว่า Aura Light Portrait 3.0 มีขนาดออร่าใหญ่ขึ้น 19 เท่า และให้แสงที่นุ่มนวลขึ้นถึง 50 เท่า จึงให้แสงสว่างที่เหมาะสมและนุ่มนวลยิ่งขึ้น ช่วยให้ใบหน้ามีดูสว่างและละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ
Aura Light Portrait 3.0 มาพร้อมระบบ AI อัจฉริยะ ช่วยแนะนำการเปิดใช้แสงออร่าตามสภาพแวดล้อมที่กำลังจะถ่ายภาพ และมีฟีเจอร์ตรวจจับระยะห่างแบบเรียลไทม์ Far / Near Lighting ช่วยให้แสงออร่าที่สว่างอย่างเหมาะสม สำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตในระยะใกล้และไกล
นอกจากนี้ Aura Light Portrait 3.0 ยังมี Smart Color Temperature Adjustment สามารถปรับโทนแสงออร่าให้เข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างอัจฉริยะ ไม่ว่าจะแสงโทนอุ่นหรือโทนเย็น ช่วยให้ภาพพอร์ตเทรต ดูสว่างและคมชัดอย่างธรรมชาติ
กล้องหน้า 50MP Auto Focus Group Selfie Camera
กล้องทุกตัวของ vivo V30 Pro 5G มีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลังทั้ง 3 ตัว รวมถึงกล้องหน้า โดยมีรูรับแสง f/2.0 ให้มุมมองกว้าง 92 องศา ชุดเลนส์ 5P และรองรับระบบออโต้โฟกัส สามารถถ่ายเซลฟี่ได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม ให้ใบหน้าคมชัดทั้งในระยะใกล้และระยะไกล
โหมด Photo ของกล้องหน้า สามารถซูมได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะถ่ายคนเดียวแบบเน้นใบหน้า ถ่ายคนเดียวพร้อมเก็บฉากหลังที่สวยงาม หรือ จะถ่ายเซลฟี่ร่วมกับเพื่อนๆ และยังมี Filter สำหรับเปลี่ยนอารมณ์หรือโทนสีให้ภาพถ่าย
โหมด Portrait สามารถซูมได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x มาพร้อมฟีเจอร์ Style ที่มีเครื่องมือปรับแต่งภาพถ่ายมากมาย โดยแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ Classic, Shadows และ Filters มีฟีเจอร์ Beauty สามารถปรับแต่งใบหน้าได้อย่างละเอียด พร้อมฟีเจอร์ Makeup ช่วยแต่งหน้า และ Postures แนะนำท่าทางการโพสท่า
โหมด Portrait ของกล้องหน้ายังมีเอฟเฟกต์ Bokeh flare จาก ZEISS ให้ใช้งานเช่นเดียวกับกล้องหลัง ได้แก่ Biotar, Sonnar, Planar, Distagon และ Cinematic โหมด Night ของกล้องหน้าไม่มี Filter แบบกล้องหลัง แต่มีฟีเจอร์ Beauty ช่วยทำให้ใบหน้าดูดีขึ้น และยังมี Aura screen light สามารถเปลี่ยนหน้าจอให้กลายเป็นแสงไฟออร่าในการถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย แถมยังสามารถปรับอุณหภูมิแสงเป็นโทนอุ่นหรือโทนเย็นได้แบบกล้องหลังอีกด้วย
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถซูมได้ 3 ระยะ 0.8x / 1x / 2x เช่นกัน สามารถบันทึกด้วยวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ด้วยอัตรา 60 เฟรมต่อวินาที โดยมีฟีเจอร์ Beauty สามารถปรับแต่งใบหน้าได้อย่างละเอียด พร้อม Movie bokeh เอฟเฟกต์ละลายฉากหลังจาก ZEISS รวมถึง Movie LUTs และ Filter ทำให้วิดีโอที่ถ่ายจากกล้องหน้ามีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่าย
หน้าจอโค้ง 3D รีเฟรชเรตสูง
จอแสดงผลของ vivo V30 Pro 5G ใช้ดีไซน์ขอบหน้าจอโค้ง 3D Curved Screen โดยใช้จอแสดงผล 1.5k AMOLED ความละเอียด 2800 x 1260 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 452 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้ความสว่างสูงสุด 2800 นิต ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 และความอิ่มตัวของสี 105% NTSC
vivo V30 Pro 5G สามารถแสดงภาพกราฟิกและคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างลื่นไหลด้วยอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ซึ่งสามารถเข้าไปตั้งค่าเป็น 60Hz เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ หรือ เลือก Smart Switch ให้ระบบปรับอัตรารีเฟรชอัตโนมัติ อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งระบบระบายความร้อน Ultra Large Smart Cooling System ช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้เสถียรและราบรื่น
ดีไซน์สวยงามพรีเมียม
ภาพรวมของ vivo V30 Pro 5G มีส่วนคล้ายกับ vivo V30 5G ที่เปิดตัวพร้อมกัน แต่มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวมุก (Shell White) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเปลือกหอยธรรมชาติ ผ่านกระบวนการแกะสลักเส้นสัมผัสกว่า 13 ล้านเส้น ผสานกับเทคโนโลยี Photolithography ทำให้เกิดแสงสะท้อนเป็นสีฟ้า ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น สำหรับสีดำไนท์สกายแบล็ก (Night Sky Black) มีความโดดเด่นที่กระจก Fluorite AG ที่ให้ทั้งความสวยงาม และยังช่วยลดคราบรอยนิ้วมือได้อย่างดี
vivo V30 Pro 5G สร้างความแตกต่างจาก vivo V30 5G ด้วยการติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว 50MP Triple Camera พร้อมโลโก้ ZEISS ไว้ในกรอบกล้องหลัง ถัดลงมาเป็นตำแหน่งของแฟลช และแสงออร่าดีไซน์เหลี่ยม AURA LIGHT OIS Portrait หมายความว่ากล้องหลักของ vivo V30 Pro 5G ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัล (Optical Image Stabilization)
มุมมองด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ดีไซน์ขอบหน้าจอโค้ง 3D Curved Screen ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ แบบเดียวกับที่พบในสมาร์ตโฟนเรือธง และซ่อนกล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล ไว้ในหลุมบนหน้าจอ
ส่วนขอบด้านข้าง มีความบางเพียง 7.45 มิลลิเมตร เผยให้เห็นส่วนขอบมุมโค้งมนของฝาหลังกับแผงหน้าจอ มาบรรจบกันตรงกรอบตัวเครื่องแบบโครเมียม โดยมีน้ำหนัก 188 กรัม ให้ความสบายในการถือใช้งาน
อีกข้างมีปุ่มปรับระดับเสียง ติดตั้งไว้เหนือปุ่มเพาเวอร์
ด้านบนพบไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง และมีข้อความ Professional Portrait บ่งบอกถึงจุดเด่นในการถ่ายภาพพอร์ตเทพขั้นเทพ
ด้านล่างประกอบด้วยถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ลำโพง นอกจากนี้vivo V30 Pro 5G ยังถูกสร้างมาให้สามารถป้องกันน้ำ-ฝุ่นได้ในระดับ IP54 เพียงพอสำหรับต้านทานน้ำที่สาดกระเซ็น หรือละอองน้ำ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำความสะอาดเมื่อพบคราบสกปรก
ชิป MediaTek Dimensity 8200 ขนาด 4nm
vivo V30 Pro 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8200 ที่ผลิตขึ้นจากกระบวนการ 4 นาโนเมตร ซึ่งประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ มี CPU บบ 64-bit Octa Core ประกอบด้วย 1x Arm Cortex-A78 (3.1GHz) + 3x Arm Cortex-A78 (3.0GHz) + 4x Arm Cortex-A55 (2.0GHz) พร้อม GPU ของ Arm Mali-G610 MC6 ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี HyperEngine 6.0 Gaming ของ MediaTek ช่วยให้เล่นเกมที่มีเฟรมเรตสูงได้ราบรื่นขึ้น ลดอาการเกมสะดุด และยังช่วยประหยัดพลังงาน ทำให้เล่นเกมได้ยาวนาน
ด้านความจำ vivo V30 Pro 5G มีความจำ RAM 12GB (LPDDR5X) ความจุ ROM ขนาดใหญ่ 512GB (UFS 3.1) และยังมีฟีเจอร์ Extended RAM 4.0 สามารถยืมความจุ ROM มาใช้เป็นความจำ RAM ชั่วคราวได้สูงสุด 12GB จึงเปรียบเสมือนมี RAM สูงถึง 24GB ช่วยให้การทำงานแบบ Multitasking ลื่นไหล สามารถเปิดแอปพลิเคชันทิ้งไว้เบื้องหลังเพื่อสลับการใช้งานได้มากถึง 48 แอป
จากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า vivo V30 Pro 5G ทำได้ถึง 978,312 คะแนน โดยจำแนกเป็นประสิทธิภาพ CPU: 274,614 คะแนน, GPU: 262,886 คะแนน, Memory: 205,405 คะแนน และ User Experience: 235,407 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วย Geekbench ก็ทำคะแนน Single-Core ได้ 1227 และ 3479 คะแนนแบบ Multi-Core
นอกจากนี้ vivo V30 Pro 5G ยังผ่านการทดสอบจากห้องปฏิบัติการ ซึ่งรับประกันได้ว่า vivo V30 Pro 5G ยังคงรักษาประสิทธิภาพการใช้งานที่ลื่นไหล แม้ผ่านการใช้งานไปนาน 50 เดือนแล้วก็ตาม เรียกได้ว่าสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ยังมีความเร็วเหมือนตอนได้รับมาใหม่ๆ แม้ผ่านการใช้งานไปนานกว่า 4 ปี
ชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
vivo V30 Pro 5G ตอบสนองการใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W FlashCharge (แถมอุปกรณ์ชาร์จเร็วมาให้แล้วในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม) จึงเป็นสมาร์ตโฟนที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา เพราะสามารถเติมพลังงานกลับคืนได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรักษาความจุแบตเตอรี่ในระดับสูงได้ยาวนานขึ้น 2 เท่า ใช้งานได้ยาวๆ ถึง 4 ปี กว่าแบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อม
สรุปราคาและการจำหน่าย
vivo V30 Pro 5G มีจุดเด่นที่ชัดเจนในเรื่องของการถ่ายภาพ ด้วยกล้องหลัง 3 ตัว จาก ZEISS เลนส์ระดับโลก ที่ปกติแล้วจะพบในสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์ และเป็นครั้งแรกที่พบเลนส์ ZEISS ในสมาร์ตโฟน V Series ของ vivo ช่วยให้ถ่ายภาพพอร์ตเทรตให้ออกมาเทพเกินคน สมกับสโลแกน “Portrait So Pro” ขณะที่กล้องหน้าก็มีความละเอียดสูง 50MP เหมือนกล้องหลังทั้ง 3 ตัว รองรับการถ่ายเซลฟี่ในมุมมองที่กว้างกว่าที่เคย นอกเหนือจากเรื่องกล้อง vivo V30 Pro 5G ยังมีดีไซน์สวยงามพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็น สีขาวมุก (Shell White) ที่มีลวดลายและพื้นผิวโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หรือจะเป็น สีดำไนท์สกายแบล็ก (Night Sky Black) ที่ให้ความคลาสสิค เหมาะกับผู้ใช้งานทุกเพศ ทุกวัย
vivo V30 Pro 5G ยังตอบสนองการทำงานได้อย่างราบรื่นจากชิปประมวลผลระดับ 4nm ที่ประหยัดพลังงาน และรองรับการใช้งานได้ยาวนานด้วยความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แถมยังชาร์จได้ไว 80W ไม่ต้องรอนาน ทั้งหมดนี้ ทำให้ vivo V30 Pro 5G ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลาง มีความสามารถเทียบเท่าเรือธง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้อย่างดี โดยมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน
ทั้งนี้ vivo V30 Pro 5G เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้ว ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายในไทย ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ในราคา 19,999 บาท มาพร้อมความจุ RAM 12GB + ROM 512GB มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวมุก (Shell White) และ สีดำไนท์สกายแบล็ก (Night Sky Black)
สำหรับผู้ที่สั่งจอง vivo V30 Pro 5G ในระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 14 มีนาคม 2567 จะได้รับของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 12,798 บาท ได้แก่ ส่วนลด 500 บาท หูฟัง vivo TWS 3e มูลค่า 1,799 บาท และ V30 Series 5G Premium Gift Box มูลค่า 10,499 บาท ภายในประกอบไปด้วย กล่องเคส 2 ชิ้น และ E-VIP Card สิทธิพิเศษรับประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี และรับประกันหน้าจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก)
#vivoV30Pro5G #ถ่ายเทพเกินคน #PortraitSoPro #vivoครบรอบ10ปี