ASUS เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการเปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ROG Phone 8 Series ในงาน CES 2024 ที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกอย่างน้อย 2 รุ่น ได้แก่ ROG Phone 8 และ ROG Phone 8 Pro ขณะที่รุ่น Pro ก็ยังแตกไลน์ออกมาเป็น ROG Phone 8 Pro Edition แน่นอนว่าภายในอัดแน่นไปด้วยสเปกแรงระดับเทพใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 3 ด้านนอกดีไซน์ใหม่ด้วย AniMe Vision และกล้องถ่ายรูปที่ถ่ายรูปสวยงามยิ่งขึ้นด้วยเซ็นเซอร์ Sony IMX890 โดยครั้งนี้ทีมงาน @Flashfly ได้รับ ROG Phone 8 Pro Edition รุ่นท็อปสุดมาทดสอบ มาดูกันได้เลยว่ารุ่นนี้จะสุดยอดขนาดไหน
สเปก ROG Phone 8 Series
- จอแสดงผล FHD+ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตรารีเฟรชสูงสุด 165Hz
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3
- ความจำ RAM แบบ LPDDR5X จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX890)
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล
- ลำโพงคู่สเตอริโอ, ไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวน
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C, 3.5mm headphone jack
- เซ็นเซอร์ E-compass, Proximity Sensor, Ambient Light Sensor, Accelerator, Gyroscope (สนับสนุน ARCore), AirTrigger
- ระบบยืนยันตัวตน In-Display Fingerprint Scanning / Face Recognition
- ระบุตำแหน่ง GPS (L1+L5), GLONASS (L1), GALILEO (E1+E5a), QZSS (L1+L5)
- ระบบปฏิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย ROG UI
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
- แบตเตอรี่ 5,500mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 65W HyperCharge และชาร์จไร้สาย 15W
- ขนาดตัวเครื่อง 163.8 x 76.8 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 225 กรัม
แกะกล่อง ROG Phone 8 Pro Edition
ROG Phone 8 Pro Edition มีความน่าสนใจตั้งแต่กล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีรูปทรงหกเหลี่ยม แทนที่จะใช้กล่องสี่เหลี่ยมแบบสมาร์ตโฟนทั่วไป ด้านบนกล่องติดโลโก้ ROG Fearless Eye ที่คุ้นเคยกันดี ด้านล่างบอกชื่อรุ่น 08 ROG Phone อีกฝั่งมีคำว่า DARE TO WIN และมีลิ้นสีแดงสำหรับดึงเพื่อเปิดกล่อง ด้านหลังมีข้อความ “FOR THOSE WHO DARE” หรือ “สำหรับผู้ที่กล้าท้าทาย” ไว้ชัดเจน
เมื่อกางฝากล่องขึ้นมา จะเผยให้เห็นสมาร์ตโฟนวางอยู่บนส่วนฐานของกล่อง ขณะที่ใต้ฝากล่องจะพบกับกระเป๋าใบเล็กๆ สำหรับเก็บพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler X ซึ่งแถมมาให้ด้วย (พัดลม AeroActive Cooler X แถมมาให้เฉพาะ ROG Phone 8 Pro Edition เท่านั้น) มีสายชาร์จ USB-C to USB-C แบบสายถักเส้นสีดำ และหัวชาร์จ 65W Power Adapter มาให้พร้อมใช้งาน
ส่วนฐานกล่องมีลิ้นชักดึงออกมาจะพบซองเอกสารสีดำ ซึ่งภายในแถมเคสป้องกันมาให้ 1 อัน พร้อมด้วยคู่มือ ใบรับประกัน และ แนบเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดมาให้ด้วย
ความพิเศษของกล่อง ROG Phone 8 Pro Edition คือมีกิมมิคซ่อนไว้ด้วย ซึ่งออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมินิเกมของ ROG Phone 8 ด้วยการสแกนที่สัญลักษณ์ Sensor Zone บนกล่อง จากนั้นให้สไลด์ ROG Phone 8 Pro Edition เข้าไปไว้ในช่องใต้ฝากล่อง โดยหันด้านหลังออกมา เพื่อแสดง AniMe Vision จากไฟ Mini-LED บนฝาหลัง
ดีไซน์ใหม่ โดดเด่นด้วย AniMe Vision
ROG Phone 8 Series ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ ทำให้ดูเรียบง่ายและพรีเมียมมากกว่ารุ่นก่อน เส้นสายต่างๆ ถูกลบหายไป มิติตัวเครื่องกะทัดรัดมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน เล็กลง 17% บางลง 15% และ น้ำหนักหายไป 9% ขอบหน้าจอบางลงกว่าเดิม ส่งผลให้ภาพรวมมีความสุขุมมากขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของเกมมิ่งสมาร์ตโฟนไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยโลโก้ดวงตา ROG Fearless Eye สำหรับ ROG Phone 8 และ AniMe Vision สำหรับ ROG Phone 8 Pro
ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 Pro Edition ใช้ดีไซน์เดียวกัน มีความโดดเด่นที่ AniMe Vision บนฝาหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งของไฟ Mini-LED สีขาว จำนวน 341 ดวง วางเรียงกันแบบ Dot Matrix และผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งให้แสดงภาพเคลื่อนไหวได้หลากหลาย รวมถึงแสดงโลโก้ดวงตา ROG Fearless Eye
สำหรับดีไซน์ของ ROG Phone 8 รุ่นมาตรฐาน เกือบจะคล้ายกับรุ่น Pro ทุกประการ แต่ฝาหลังไม่มี AniMe Vision ถูกแทนที่ด้วยไฟ Aura RGB ที่แสดงโลโก้ดวงตา ROG Fearless Eye อย่างไรก็ตาม ROG Phone 8 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเทา Storm Grey กับ สีดำ Phantom Black แต่ ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 Pro Edition มีให้เลือกเฉพาะสีดำ Phantom Black
มุมมองด้านหน้าของ ROG Phone 8 Series เป็นพื้นที่ของจอแสดงผล Flexible AMOLED ความละเอียด Full HD+ ขนาด 6.78 นิ้ว มีกรอบหน้าจอที่บางลงกว่าเดิม จนทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 94% และได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2
กล้องหน้าของ ROG Phone 8 Series ถูกซ่อนไว้ในหลุมบนหน้าจอ รองรับทั้งการถ่ายภาพเซลฟี่และยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า เหนือขึ้นไปเป็นช่องลำโพง และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.9 มิลลิเมตร ถือว่าบางลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับ ROG Phone 7 ที่มีความบาง 10.48 มิลลิเมตร แต่ยังมีพอร์ต USB-C ด้านข้างมาให้เหมือนเดิม เพิ่มความสะดวกในการใช้งานในแนวนอน
อีกข้างพบปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาปุ่มเพาเวอร์ และรูไมโครโฟน ส่วนขอบมุมทั้ง 2 จุด เป็นพื้นที่ของ AirTrigger ปุ่มสัมผัสแบบ Ultrasonic ช่วยในการควบคุมเกม เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนทั่วไป
มุมมองด้านบนจะเห็นว่ามีไมโครโฟนอีกตัวซ่อนอยู่ (ROG Phone 8 Series มีไมโครโฟนทั้งหมด 3 ตัว พร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนจาก ASUS)
ด้านล่าง ประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ลำโพง, ถาดใส่ซิมการ์ด, พอร์ต USB-C และ ไมโครโฟนตัวหลัก
นอกจากปรับปรุงดีไซน์ให้มีความเรียบง่าย มีภาพลักษณ์ที่พรีเมียมขึ้น ROG Phone 8 Series ยังปรับปรุงเรื่องความทนทาน จนได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP68 สามารถอยู่รอดในน้ำที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานในแต่ละวัน ขณะที่รุ่นก่อนหน้าได้รับมาตรฐาน IP54
AeroActive Cooler X
ROG Phone 8 Pro Edition เป็นเพียงรุ่นเดียวที่แถมพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler X มาให้ในกล่อง โดยได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดเล็กลง 29% เบาลง 10% และยังคงรักษาเอกลักษณ์ของโลโก้ดวงตา ROG Fearless Eye จากไฟ Aura RGB
ที่สำคัญก็คือ AeroActive Cooler X ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ดีขึ้น โดยใช้ชิประบายความร้อนเทอร์โมอิเล็กทริกใหญ่ขึ้น 2.6 เท่า พัดลมมีความเร็วเพิ่มขึ้น 1.1 เท่า ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนดีขึ้นถึง 1.3 เท่า จนสามารถลดอุณหภูมิพื้นผิวฝาหลังได้ถึง 36 องศาเซลเซียส
ระบบระบายความร้อนเทอร์โมอิเล็กทริก ถูกควบคุมด้วยเทคโนโลยี AI สามารถตรวจจับอุณหภูมิตัวเครื่องโดยอัตโนมัติ เพื่อปรับโหมดทำความเย็นให้เหมาะสม ส่งผลให้สมาร์ตมีประสิทธิภาพคงที่ และไม่เกิดความร้อนสูงเกินไป อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่อีกด้วย
ไม่เพียงแต่ช่วยในเรื่องระบายความร้อน AeroActive Cooler X ยังมีปุ่มเสริมพิเศษสำหรับควบคุมเกมมาให้ 2 ปุ่ม แต่ละปุ่มได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ และมีความทนทานผ่านการทดสอบการกดมากถึง 200,000 ครั้ง
จอ 6.78 นิ้ว 165Hz
ROG Phone 8 Series มาพร้อมจอแสดงผล Flexible AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ใช้วัสดุ E6 ของ Samsung มีความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ให้สีสันสวยงามคมชัด ด้วยขอบเขตในการแสดงสีกว้างสูงสุด 107.37% DCI-P3 / 145.65% sRGB / 103.16% NTSC สนับสนุน HDR10 และให้สีสันแม่นยำเที่ยงตรงด้วยค่าความผิดเพี้ยนของสี Delta E < 1 โดยมีความสว่างสูงสุด 2,500 นิต และมีเทคโนโลยี Eye Care Display ช่วยลดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมดวงตาเมื่อจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน
จอแสดงผลของ ROG Phone 8 Series ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี LTPO (Low-Temperature Polycrystalline Oxide) ซึ่งใช้พลังงานลดลงอย่างมาก ทำให้รองรับอัตรารีเฟรชแบบไดนามิก หรือปรับค่าเองโดยอัตโนมัติในช่วง 1 – 120Hz ตัวอย่างเช่น อยู่ในโหมด Always-On Display จะใช้อัตรารีเฟรชต่ำ 1Hz หรือ 30Hz ระหว่างรับชมภาพยนตร์ และสามารถเพิ่มได้สูงสุด 120Hz ขณะเล่นเกม นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถปรับอัตรารีเฟรชด้วยตัวเองได้ 3 ระดับ 60Hz / 120Hz / 165Hz โดยมีอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 720Hz เพื่อการเล่นเกมที่ราบรื่น
ระบบเสียง Hi-Res Audio
ROG Phone 8 Series ตอบสนองความบันเทิงด้วยลำโพงคู่ ให้เสียงสเตอริโอ แต่จะเพิ่มอรรถรสในการรับฟังได้มากขึ้น เมื่อใช้ชุดหูฟังทั้งแบบไร้สาย Bluetooth หรือใช้สายผ่านพอร์ต USB-C และ แจ็ค 3.5 มิลลิเมตร เมื่อเชื่อมต่อชุดหูฟัง ROG Phone 8 Series จะให้เสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio และยังรองรับระบบเสียง Dirac Virtuo ระดับโรงภาพยนตร์ ให้เสียงสมจริงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเล่นเกม ฟังเพลง ชมวิดีโอ ขณะที่การฟังผ่านหูฟัง Bluetooth ก็รองรับ Qualcomm aptX Adaptive และ aptX Lossless ซึ่งถ่ายทอดสัญญาณเสียงด้วยความเที่ยงตรงสูง และมีความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ
ASUS ยังติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 3 ตัว ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ช่วยตัดเสียงรบกวนแบบ Bi-Directional ทำให้ผู้ใช้งาน ROG Phone 8 Series สามารถสนทนาทางโทรศัพท์ได้ชัดเจนที่สุด
กล้องหลังระดับโปร 3 เลนส์
ASUS ยกระดับกล้องหลังของ ROG Phone 8 Pro / 8 Pro Edition ให้มีคุณภาพขึ้น ด้วยกล้องหลัก Sony IMX890 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว Hybrid Gimbal Stabilizer 3.0 แบบ 6 แกน ทำให้ภาพถ่ายคมชัดแม้ในที่แสงน้อย พร้อมทำงานร่วมกับ EIS ทำให้การถ่ายวิดีโอขณะเคลื่อนไหวราบรื่นมากขึ้น, กล้อง Ultra Wide ให้มุมมองภาพ 120 องศา เหมาะสำหรับถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ และ กล้อง Telephoto มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) ซูมออปติคัล 3 เท่า และซูมดิจิทัลได้สูงสุดถึง 30 เท่า
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล
- กล้อง Ultra Wide 13 ล้านพิกเซล
- กล้อง Telephoto 32 ล้านพิกเซล
แอปกล้องของ ROG Phone 8 Pro / 8 Pro Edition มีโหมดถ่ายภาพ Slo-mo, Time-lapse, Video, Photo, Portrait, Panorama, Light Trail, Pro, Night และ Pro Video
โหมด Photo สามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะ 0.7x จนสูงสุด 30x โดยใช้เทคโนโลยี Hyper Clarity ช่วยให้ภาพคมชัดแม้ซูมที่ระยะ 10x โดยมีกล้องหลักที่สามารถซูมแบบ Lossless ได้ 2x ขณะที่กล้อง Telephoto รองรับการซูมออปติคัล 3x
โหมด Portrait รองรับการซูม 2 ระยะ 1x และ 2x สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้
โหมด Light Trail สำหรับการถ่ายภาพแบบ Long Exposure ช่วยให้กล้องเปิดรับแสงได้นานขึ้น เหมาะสำหรับการถ่ายภาพแสงไฟของรถยนต์ขณะวิ่งบนถนนยามค่ำคืน, การแสดงดอกไม้ไฟ, น้ำตก และ อีกหลายสถานการณ์ที่ต้องการได้ภาพในมุมมองแปลกใหม่ เช่น ภาพบุคคลที่ยืนนิ่งๆ ท่ามกลางผู้คนที่จำนวนมากที่เดินผ่านอย่างเร่งรีบ
โหมด Video รองรับการซูมได้ที่ระยะ 0.7x จนสูงสุด 10x สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุด 8K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และมีเอฟเฟกต์เสียงแบบ 3D Surround ให้เลือกด้วย
กล้องหน้า 32MP
ROG Phone 8 Series ติดตั้งกล้องหน้าไว้ในหลุมบนหน้าจอ โดยมีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์แบบ RGBW ช่วยให้กล้องหน้าสามารถจับแสงได้มากขึ้น ส่งผลให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างคมชัด และมีจุดรบกวนน้อยลง
ทั้งโหมด Photo และ Portrait ให้มุมมองกว้าง 90 องศา เมื่อถ่ายเซลฟี่ที่ระยะ 0.7x โดยโหมด Portrait สามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ทั้ง 2 ระยะ
โหมด Video ของกล้องหน้า สามารถถ่ายวิดีโอสูงสุด Full HD 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที แต่มีเอฟเฟกต์เสียงแบบ 3D Surround ให้ใช้งานเช่นกัน
Snapdragon 8 Gen 3 แรม 24GB
มาถึงไฮไลท์ของ ROG Phone 8 Series นั่นก็คือประสิทธิภาพที่ไม่เป็นรองใคร เนื่องจากใช้ชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้อย่าง Snapdragon 8 Gen 3 พร้อมด้วย Armoury Crate ซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์เฉพาะของ ROG Phone ช่วยรีดประสิทธิภาพในระดับสูงสุด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อน
เพราะภายในมีการติดตั้ง Rapid-cooling Conductor เพิ่มเข้าไปที่ชั้นในสุดของระบบ เพื่อดึงความร้อนออกจากชิปประมวลผลได้ดีขึ้นถึง 20% ก่อนจะส่งต่อไปที่ โบรอนไนไตรด์, Vapor Chamber, และแผ่นแกรไฟต์ เพื่อส่งผ่านความร้อนออกมาด้านนอกให้เร็วที่สุด จึงสามารถรักษาความเสถียรของประสิทธิภาพให้คงที่ นอกจากนี้ ROG Phone 8 Pro Edition ยังแถมพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler X มาให้ด้วย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนดีขึ้นถึง 30%
ด้านความจำ ROG Phone 8 Pro Edition ได้รับ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 24GB จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาดใหญ่ 1TB ขณะที่ ROG Phone 8 Pro มี RAM 16GB + ROM 512GB และ ROG Phone 8 มี RAM 12GB + ROM 256GB จากการทดสอบด้วยแอป Antutu สามารถทำคะแนนได้ทะลุ 2 ล้านคะแนนไปได้สบายๆ
ชาร์จเร็ว 65W HyperCharge ชาร์จไร้สายได้ด้วย
ROG Phone 8 Series มีความจุแบตเตอรี่ 5,500mAh ให้อายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 22 ชั่วโมง สำหรับการสตรีมคอนเท้นต์ใน Netflix และยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65W HyperCharge สามารถชาร์จจาก 0 – 100% ได้ในระยะเวลาเพียง 39 นาที และรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน Qi ที่กำลังไฟสูงสุด 15W นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับการชาร์จแบบ Bypass เอาใจคอเกมอีกด้วย
สรุปราคาและการจำหน่าย
ROG Phone 8 Series เกมมิ่งสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากทาง ASUS ที่ได้รับการปรับปรุงดีไซน์ครั้งใหญ่ มีดีไซน์ที่บางเบากว่าเดิม ขนาดกะทัดรัดขึ้น ช่วยให้จับถือได้อย่างถนัด โดยที่ยังคงรักษาขนาดหน้าจอให้ใหญ่เท่าเดิม และเป็นจอที่ให้อัตรารีเฟรชสูงถึง 165Hz เหมาะสำหรับการเล่นเกม ขณะที่ประสิทธิภาพก็ถูกยกระดับให้ดีกว่ารุ่นก่อน ทั้งชิปเรือธง Snapdragon 8 Gen 3 พร้อมระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ Armoury Crate ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพถึงขีดสุด และคุมความได้เปรียบเหนือคู่แข่งจากปุ่มควบคุมพิเศษ AirTrigger และปุ่มเสริมที่มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler X สรุปแล้ว ROG Phone 8 Series เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่สร้างมาเพื่อเกมเมอร์อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ROG Phone 8 Series มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่
- ROG Phone 8 (RAM 12GB + ROM 256GB) มีให้เลือก 2 สี Phantom Black / Storm Grey ราคา 29,990 บาท
- ROG Phone 8 Pro (RAM 16GB + 512GB) มีเฉพาะสี Phantom Black ราคา 37,990 บาท
- ROG Phone 8 Pro Edition (RAM 24GB + ROM 1TB) มีเฉพาะสี Phantom Black ราคา 47,990 บาท แถมพัดลม AeroActive Cooler X
พบกับโปรโมชันเปิดตัว ROG Phone 8 – Early Bird ซื้อก่อน คุ้มกว่า
คุ้มแรก :
ครั้งแรกกับการ Trade-in ‘เก่าแลกใหม่’ ที่สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเป็นส่วนลดได้ พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีก 3,000 บาท จากราคาประเมิน
เฉพาะร้านตัวแทนจำหน่ายสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
เฉพาะวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2567
คุ้มที่สอง :
ซื้อตอนนี้ รับเลย
1) DevilCase for ROG Phone 8 มูลค่า 1,490 บาท
2) Glass Screen Protector for ROG Phone 8 มูลค่า 590บาท
ของแถมจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย
คุ้มที่สาม :
สแกน QR Code เพื่อลงทะเบียน รับกระเป๋า ROG Slash Sling Bag 2.0 มูลค่า 1,990 บาท
สำหรับเฉพาะลูกค้าที่ซื้อรุ่น ROG Phone 8 (12/256) ทั้งสีเทา/สีดำ และ ROG Phone 8 Pro (16/512)
โดยโปรโมชันนี้เฉพาะวันที่ 1 – 18 กุมภาพันธ์ 2567เท่านั้น”
AIS Promotion
ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจรายเดือนกับ AIS 5G
ROG Phone 8 ราคาเริ่มต้นที่ 25,690.-*, ROG Phone 8Pro ราคาเริ่มต้นที่ 33,690.-* และ ROG Phone 8 Pro Edition ราคาเริ่มต้นที่ 43,690.-*
*เงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://m.ais.co.th/epHZ4PpuY