นอกจากสมาร์ตโฟน OPPO Reno11 Series 5G ที่ถูกส่งมาทำตลาดต้อนรับปีใหม่ OPPO ยังใช้เวทีเดียวกันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ IoT (Internet of Things) ใหม่ พร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ แท็บเล็ต OPPO Pad Neo “จอยทุกความสนุกเหนือระดับ ” และ หูฟังไร้สาย OPPO Enco Air3s “เก็บทุกท่วงทำนอง” ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวควบคู่กับสมาร์ตโฟน OPPO Reno11 5G ซึ่งบอกได้ว่าอุปกรณ์รุ่นใหม่ของ OPPO ทั้ง 3 รุ่น ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
OPPO Pad Neo จอยทุกความสนุกเหนือระดับ
OPPO ทำตลาดแท็บเล็ตรุ่นแรกของปี 2024 ด้วย OPPO Pad Neo แท็บเล็ตทรงพลังพร้อมจอยทุกความสนุกเหนือระดับด้วยจอถนอมสายตา ความละเอียด 2.4K ให้ภาพสวยงามสีสันคมชัดเป็นพิเศษ โดดเด่นด้วยดีไซน์เพรียวบาง จึงพกพาง่ายสะดวกสบายสุดๆ
OPPO Pad Neo มาพร้อมจอแสดงผล LCD ความละเอียด 2.4K (2408 x 1720 พิกเซล) ขนาด 11.4 นิ้ว ความหนาแน่นพิกเซล 260 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) รองรับขอบเขตสี NTSC 96% ความสว่าง 400 นิต และให้อัตรารีเฟรชสูงสุด 90Hz
จอแสดงผลของ OPPO Pad Neo ไม่เพียงแต่ให้สีสันที่สวยงามคมชัด แต่ยังเป็นจอภาพที่ช่วยถนอมดวงตาจากแสงสีฟ้า สามารถลดสัดส่วนของแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายจากแหล่งกำเนิดได้ต่ำกว่า 40% ช่วยลดความเสียหายจากแสงสีฟ้าได้มากกว่าจอแสดงผล LCD ทั่วไปได้ถึง 50% และยังมี DC dimming ช่วยปรับความสว่างหน้าจอ ลดการกระพริบ จึงใช้งานได้อย่างสบายตา มั่นใจได้จากการรับรองด้านดูแลดวงตาโดย TÜV Rheinland
ด้วยความละเอียด 2408 x 1720 พิกเซล ขนาด 11.4 นิ้ว ทำให้จอแสดงผลของ OPPO Pad Neo มีอัตราส่วนภาพ 7:5 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่พบได้มากบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมถึงแผ่นกระดาษ A4 จึงเป็นอัตราส่วนภาพที่คุ้นเคยต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับการอ่าน ไม่ว่าจะใช้งานในแนวนอนหรือแนวตั้ง และยังให้มุมมองหรือพื้นที่การใช้งานที่กว้างขึ้น
ถึงแม้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 11.4 นิ้ว แต่ OPPO Pad Neo ก็สามารถพกพาได้อย่างสะดวกด้วยมิติตัวเครื่อง 255 x 188 มิลลิเมตร (กว้าง x ยาว) ดีไซน์เพรียวบางเพียง 6.89 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา 538 กรัม
OPPO Pad Neo มาพร้อมกล้องหน้าหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเท่ากัน ถ่ายวิดิโอความละเอียดสูงสุดที่ 1080P พร้อมระบบกันสั่น EIS ส่วนกล้องหน้ายังมีโหมด Portrait ให้ใช้งานอีกด้วย
ด้านชิปเซ็ตใช้เป็น MediaTek Helio G99 แรม 8GB (LPDDR4X) เพิ่มได้อีก 8GB ด้วยฟีเจอร์ RAM expansion ความจุในตัว 128GB (UFS2.2) ยังเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ ด้วยสเปกนี้ทำให้สามารถเล่นเกมทั่วไปได้อย่างสบายลื่นไหล และมาพร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS 13.2
จอยได้ทุกความบันเทิงด้วยลำโพงสเตอริโอ 4 ตัว ที่มีช่องเสียงรวม 8.0cc จึงมีเสียงดังเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Omnibearing Sound Field ของ OPPO ทำให้ OPPO Pad Neo ระบุได้ว่าผู้ใช้งานกำลังถือแท็บเล็ตในแนวนอนหรือแนวตั้ง เพื่อกำหนดช่องเสียงซ้าย-ขวาของลำโพง เพื่อให้เสียงมาจากทิศทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังเพิ่มอรรถรสให้ดียิ่งขึ้นด้วยระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงสมจริงรอบด้าน พร้อมรองรับ Hi-Res Audio สำหรับการฟังเพลงจากไฟล์เสียงคุณภาพสูง
OPPO Pad Neo รองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดวันไม่มีขาดตอน ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 8,000mAh สามารถเล่นวิดีโอ YouTube ได้นานต่อเนื่อง 14.5 ชั่วโมง อีกทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC ชาร์จจาก 0 – 100% ภายในเวลาเพียง 110 นาที
นอกเหนือจากความบันเทิง OPPO Pad Neo ยังตอบสนองการทำงานได้อย่างราบรื่นด้วย Auto Connect สามารถซิงค์ข้ามอุปกรณ์เพื่อทำงานพร้อมกัน เพียงเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่าน Bluetooth แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี OPPO เดียวกัน
Auto Connect มีฟีเจอร์ App Relay สำหรับการใช้งานแบบข้ามอุปกรณ์ เช่น เริ่มงานจากสมาร์ตโฟน แล้วไปสานต่อจากจุดที่ค้างไว้บน OPPO Pad Neo การถ่ายโอนไฟล์ข้ามอุปกรณ์จากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่งก็ทำได้อย่างง่ายดายผ่านฟีเจอร์ Content Sync และยังมีฟีเจอร์ Screen Mirroring สามารถแสดงภาพหน้าจอที่ส่งมาจากสมาร์ตโฟนได้
OPPO Pad Neo รองรับการเชื่อมต่อทั้ง 4G LTE และ Wi-Fi จึงสามารถเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ขาดการติดต่อ แต่ถ้าใช้เวอร์ชันที่รองรับเฉพาะ Wi-Fi ก็สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านฟีเจอร์ Communication Sharing โดยใช้ Wi-Fi Hotspot ที่แชร์มาจากสมาร์ตโฟน ซึ่ง Communication Sharing ถูกพัฒนาเพื่อลดการใช้พลังงานของสมาร์ตโฟนที่เป็น Hotspot ได้ถึง 30% จึงสามารถแชร์ Wi-Fi Hotspot ได้ยาวนานขึ้น
ทั้งนี้ OPPO Pad Neo มีให้เลืิอก 2 เวอร์ชัน ได้แก่ LTE มีความจำ RAM 8GB + ROM 128GB และ Wi-Fi มีความจำ RAM 6GB + ROM 128GB ทั้ง 2 เวอร์ชัน ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio G99 ได้รับกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5, Bluetooth 5.2 และ USB Type-C
OPPO Enco Air3s เก็บทุกท่วงทำนอง
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ IoT สุดล้ำจาก OPPO หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุด OPPO Enco Air3s มอบประสิทธิภาพเสียงคุณภาพสูง เก็บได้ทุกท่วงทำนอง ดีไซน์ดึงดูดทุกสายตาด้วยเคสชาร์จสีทอง Champagne Gold น้ำหนักเบาสวมใส่ได้สบายตลอดทั้งวัน พร้อมเป็นคู่หูในทุกไลฟ์สไตล์
OPPO Enco Air3s มาพร้อมเคสชาร์จแบบทูโทน โดยฝาด้านบนใช้สีทอง Champagne Gold ให้ภาพลักษณ์ดูพรีเมียม เสริมความโดดเด่นสะดุดตาด้วยพื้นผิวที่มีเอฟเฟกต์แวววาว และยังคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน สามารถเปิดฝาเคสได้กว้างถึง 110 องศา จึงหยิบหูฟังออกมาได้อย่างสะดวก และจัดเก็บได้ง่ายเช่นกัน
ถึงแม้ฝาเคสจะเปิดได้กว้างถึง 110 องศา แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะหลุดออกมาได้ง่าย เพราะใช้แม่เหล็กช่วยยึดอยู่กับที่อย่างแน่นหนา
หูฟังแต่ละข้าง มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เพียง 3.7 กรัม ผสานกับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เข้ากับรูปทรงของใบหู มอบความสบายในการสวมใส่ที่ยาวนานตลอดทั้งวัน และเพิ่มความมั่นใจด้วยมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำที่ระดับ IP54 สามารถต้านทานละอองน้ำ และเหงื่อขณะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
OPPO Enco Air3s เป็นหูฟังไร้สาย TWS รุ่นแรกในช่วงราคาเดียวกัน ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม Tensilica Cadence HiFi 5 DSP ที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อปรับแต่งเสียงโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ไดนามิก ช่วงความถี่ อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังช่วยลดเสียงรบกวน ลดการใช้พลังงาน ผสานกับไดรเวอร์คอมโพสิตขนาดใหญ่ 13.4 มม. มอบคุณภาพเสียงที่ทรงพลัง
ด้วยสถาปัตยกรรม Tensilica Cadence HiFi 5 DSP ทำให้หูฟัง OPPO Enco Air3s รองรับ OPPO Alive Audio ระบบเสียงรอบทิศทาง 360 องศา ให้ประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำราวกับอยู่ในโรงภาพยนตร์
หูฟัง OPPO Enco Air3s ยังมีอัลกอริทึม DNN (Deep Neural Network) ช่วยแยกเสียงสนทนาออกจากเสียงพื้นหลังแบบเรียลไทม์ รวมถึงช่วยตัดเสียงรบกวน ระหว่างโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี ทำให้การโทรชัดเจน แม้อยู่กลางแจ้งหรือในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
OPPO Enco Air3s รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 ที่มีความเสถียรในระดับสูง จึงให้สัญญาณเสียงที่ราบรื่นไม่สะดุด โดยมีความหน่วงหรือ Latency ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางของ OPPO Enco Air3s เพียง 94 มิลลิวินาที และความหน่วงของหูฟังต่ำ 47 มิลลิวินาที
OPPO Enco Air3s สามารถจับคู่ได้กับอุปกรณ์ได้อย่างง่ายดายผ่าน Google Fast Pair เพียงแค่เปิดฝาเคสชาร์จออก เมื่ออยู่ใกล้กับสมาร์ตโฟนของOPPO บนหน้าจอก็จะแสดงหน้าต่างการจับคู่ เพียงแตะแค่ครั้งเดียว ก็จะเชื่อมต่อกันทันที และรองรับการจับคู่กับอุปกรณ์ 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน สามารถสลับการฟังระหว่างอุปกรณ์ทั้ง 2 เครื่องได้อย่างสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาเชื่อมต่อใหม่
นอกจากนี้ หูฟัง OPPO Enco Air3s ยังให้อายุการใช้งานยาวนานถึง 6 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งรอบ และสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 25 ชั่วโมง เมื่อเติบพลังงานด้วยเคสชาร์จ อีกทั้งยังรองรับชาร์จไว ชาร์จเพียง 10 นาที ใช้ฟังเพลงได้นาน 2 ชั่วโมง
สรุปราคาและการจำหน่าย
OPPO Pad Neo เป็นแท็บเล็ตที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิงด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ ถนอมสายตา ลำโพงสเตอริโอ 4 ตัวมระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับการทำงานด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้ง 4G LTE + Wi-Fi อีกทั้งยังมีอัตราส่วนภาพ 7:5 ที่เหมาะกับการอ่าน มาในสีเทา (Space Grey) วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท
OPPO Enco Air3s มีดีไซน์ที่หรูหรา ใช้งานสะดวก เชื่อมต่อง่ายดาย ให้เสียงทรงพลัง และมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นานสูงสุด 25 ชั่วโมง เพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน และสามารถจับคู่อุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง สามารถซื้อไว้ใช้คู่กับสมาร์ตโฟน OPPO Reno11 Series 5G และแท็บเล็ต OPPO Pad Neo ได้อย่างลงตัววางจำหน่ายในราคา 1,999 บาท
ทั้งนี้ OPPO Pad Neo และ OPPO Enco Air3s มาพร้อมโปรโมชันที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- เมื่อซื้อ OPPO Pad Neo คู่กับสินค้า IoT รุ่นที่กำหนดไว้รับส่วนลดสูงสุด 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2567 – 31 มีนาคม 2567 (อุปกรณ์ IoT ที่ร่วมรายการ OPPO Band, OPPO Band 2, OPPO Enco Buds, OPPO Enco Air3, OPPO Enco Air3s, OPPO Enco Air3 Pro)
- เมื่อซื้อ OPPO Pad Neo รับฟรี OPPO Pad Neo Smart Case มูลค่า 799 ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2567 – 29 กุมภาพันธ์ 2567
- เมื่อซื้อสมาร์ตโฟน OPPO คู่กับ OPPO Enco Air3s รับส่วนลด 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2567 – 31 มีนาคม 2567
ผู้ที่สนใจสามารถไปทดลองสัมผัสได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ