MacBook Air รุ่น 13 นิ้ว ในปัจจุบัน ได้รับการเปิดตัวมานานกว่า 550 วัน แล้ว ขณะที่ MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 2023 แต่มีรายงานว่าทั้ง 2 รุ่น กำลังจะได้รับการอัปเกรด และเปิดตัวภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยคาดว่าจะมี 5 ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
ชิป M3
MacBook Air รุ่นใหม่ในปีนี้ ทั้ง 13 และ 15 นิ้ว คาดว่าจะได้รับชิป M3 ซึ่งมีแกน CPU และ GPU ใกล้เคียงกับชิป M2 แต่ด้วยสถาปัตยกรรม 3 นาโนเมตร จึงสามารถคาดหวังได้ว่า MacBook Air รุ่นใหม่ จะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมประมาณ 20%
Hardware Ray Tracing
GPU ของชิป M3 รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ช่วยให้แอปสามารถสร้างภาพที่มีความสมจริง และมีความถูกต้องตามหลักกายภาพ ขณะที่นักพัฒนาเกมก็สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มอิ่มสมจริงด้วย Ray Tracing ที่ทำให้เงาและภาพสะท้อนถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี Ray Tracing ที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ จะมอบประสบการณ์การเล่นเกมบน MacBook Air รุ่นใหม่ ได้ดีขึ้น และยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพให้เร็วขึ้นถึง 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับชิป M1
AV1 Decode
AV1 เป็นตัวแปลงสัญญาณวิดีโอมาตรฐานแบบเปิดที่ใช้โดยบริการสตรีมมิ่งที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การบีบอัดวิดีโอมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ขนาดไฟล์เล็กลงและคุณภาพของภาพสูงขึ้น และยังเป็นส่วนหนึ่งของชิป M3
มีเดียเอนจิ้นใหม่ของชิป M3 รองรับการถอดรหัส AV1 เพื่อมอบประสบการณ์วิดีโอคุณภาพสูงจากบริการสตริมมิ่งในแบบที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น จึงสามารถเล่นบริการสตรีมมิ่งได้อย่างประหยัดพลังงานเพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่
Dynamic Caching
เทคโนโลยี Dynamic Caching คอยจัดสรรการใช้หน่วยความจำในฮาร์ดแวร์ของเครื่องในแบบเรียลไทม์ ซึ่งต่างจาก GPU ทั่วไป ตรงที่ Dynamic Caching จะใช้หน่วยความจำเฉพาะที่จำเป็นสำหรับแต่ละงานโดยตรง ถือเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมโดยที่นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรม GPU ใหม่ในชิป M3 เพราะสามารถเพิ่มระดับการใช้งาน GPU โดยเฉลี่ยให้สูงขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมากทั้งในแอปและเกมระดับโปรที่ประมวลผลหนักๆ
Wi-Fi 6E
มาตรฐานการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6E รองรับการใช้งานบนย่านความถี่ 2.4GHz, 5GHz และ 6GHz ขณะที่ Wi-Fi 6 รองรับ 2.4GHz และ 5GHz ทำให้การเชื่อมต่อไรเสายของ MacBook Air รุ่นใหม่ มีความเร็วและเสถียรขึ้นอย่างมาก
Wi-Fi 6E มีค่าหน่วงเวลาที่ต่ำกว่า สัญญาณถูกรบกวนน้อยลง และยังรองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันได้มากขึ้นโดยไม่ลดประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อมากมาย เช่น บ้านอัจฉริยะ หรือสำนักงานที่ทันสมัย
ที่มา – MacRumors