ASUS เปิดตัวเกมมิ่งสมาร์ตโฟน ROG Phone 8 Series อย่างทางการแล้ว โดยมีดีไซน์บางเบากว่ารุ่นก่อน ด้วยมิติ 163.8 x 76.8 x 8.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 225 กรัม (ROG Phone 7 มีขนาด 173.0 x 77.0 x 10.3 มิลลิเมตร และ 239 กรัม) แต่มีความจุแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 5,500mAh จาก 6,000mAh อีกทั้งยังได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำ IP68 จากเดิมที่ได้มาตรฐาน IP54
ROG Phone 8 Series มีด้วยกัน 3 รุ่น ได้แก่ ROG Phone 8, ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 Pro Edition มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 2,500 นิต มีเทคโนโลยี LTPO ทำให้รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้สูงสุด 165Hz โดยมีกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล มุมมองภาพ 90 องศา ฝังอยู่ในหลุมบนหน้าจอ ส่วนกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX890) ขนาด 1/1.56 นิ้ว ใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหว 6-axis Hybrid Gimbal Stabilizer 3.0 ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ Super HyperSteady Video, กล้อง Ultra Wide 13 ล้านพิกเซล มุมมองภาพ 120 องศา และ กล้อง Telephoto 32 ล้านพิกเซล ซูมออปติคัล 3 เท่า ซูมดิจิทัล 30 เท่า และซูมด้วย Hyper Clarity AI สูงสุด 10 เท่า (ทั้งนี้ ROG Phone 8 ในบางประเทศ จะได้รับกล้อง Macro แทนกล้อง Telephoto)
ROG Phone 8 Series ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ความจำ RAM แบบ LPDDR5X สูงสุด 24GB ที่เก็บข้อมูลในตัวแบบ UFS 4.0 สูงสุด 1TB รองรับชาร์จเร็ว 65W HyperCharge ชาร์จจาก 0 – 100% ในเวลาเพียง 39 นาที และรองรับการชาร์จไร้สาย 15W
เนื่องจาก ROG Phone 8 Series ถูกยกระดับมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำจาก IP54 มาใช้มาตรฐาน IP68 ทำให้ระบบระบายความร้อนถูกเปลี่ยนจาก AeroActive Portal ที่พบใน ROG Phone 7 Pro มาใช้การระบายความร้อนแบบการนำความร้อนแทน แต่ยังคงมีพัดลม AeroActive Cooler X เป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น โดย AeroActive Cooler X ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดเล็กลง 29% เบาลง 10% และมีประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่สูงกว่า 1.2 เท่า
ROG Phone 8 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Phantom Black และ Rebel Grey โดยฝาหลังมาพร้อมไฟ RGB โลโก้ ROG สำหรับ ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 Pro Edition มาในสี Phantom Black และแทนที่ไฟ RGB ด้วย OLED