สำหรับเจ้าของ iPhone ที่มีความจำเป็นต้องใช้งาน iPhone ให้ยาวนานเป็นพิเศษ เพียงพอตลอดทั้งวันหรืออาจยาวนานข้ามคืน จนกว่าจะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ใหม่ ต่อไปนี้คือเทคนิคที่สามารถยืดอายุแบตเตอรี่ iPhone ให้ยาวนานยิ่งขึ้นได้
ปิดฟีเจอร์ Haptic Keyboard Feedback
ฟีเจอร์ Haptic Keyboard Feedback เป็นระบบตอบสนองเมื่อมีการสัมผัสแผงคีย์บอร์ดบนหน้าจอ ที่ปกติจะถูกปิดไว้ แต่ถ้ามีการเปิดสามารถเข้าไปปิดได้ที่แอป Settings > Sounds & Haptics > Keyboard Feedback แล้วปิดการใช้งาน Haptic
ปิดฟีเจอร์ Proximity AirDrop Sharing
ฟีเจอร์ Proximity AirDrop Sharing ช่วยให้ iPhone และ Apple Watch ที่ทำงานบน iOS 17 และ watchOS 10.1 ตามลำดับ สามารถแชร์ไฟล์ผ่าน AirDrop ได้ง่าย เมื่อพบว่าอุปกรณ์อยู่ใกล้กัน แต่นั่นก็ทำให้แบตเตอรี่ลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรปิดการใช้งานที่แอป Settings > General > AirDrop แล้วปิดการใช้งาน Bringing Devices Together
ใช้ Maps แบบออฟไลน์
Apple Maps ใน iOS 17 รองรับการนำทางแบบออฟไลน์ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดการนำทางก่อนออกเดินทางได้ ทำให้ไม่ต้องเปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือระหว่างนำทาง ซึ่งช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่ง
ปิดฟีเจอร์ Live Activities
ฟีเจอร์ Live Activities จะคอยแจ้งเตือนบนหน้าจอ Lock Screen และ Dynamic Island ซึ่งทำให้แบตเตอรี่หมดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่สามารถเข้าไปปิดการใช้งานได้ที่แอป Settings > Face ID & Passcode จากนั้นป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อค iPhone แล้วเลื่อนลงไปเพื่อปิดการทำงานของ Live Activities
ปิดฟีเจอร์ Always-On Display
โหมดการแสดงผลแบบ Always-On Display ช่วยให้ผู้ใช้งานมองเห็นข้อมูลบนหน้าจอทันที โดยไม่ต้องปลุกหรือปลดล็อคหน้าจอ และถึงแม้จะเป็นโหมดที่ประหยัดแบตเตอรี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่จะไม่ลดลง ดังนั้น ถ้าคิดว่าไม่จำเป็น สามารถเปิดฟีเจอร์ Always-On Display ได้ที่แอป Settings > Display & Brightness > Always On Display
ใช้โหมด Focus
โหมด Focus ช่วยจำกัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญได้ ทำให้ความถี่ในการแจ้งเตือนลดลง หน้าจอของ iPhone ก็ไม่ต้องถูกปลุกบ่อยจนเกินไป ส่วนการแจ้งเตือนทั้งหมดจะรวบรวมไว้ทีเดียวเมื่อระยะเวลาของโหมด Focus สิ้นสุดลง
ทั้งนี้ ในโหมด Focus ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าได้ว่าแอปและบุคคลใดบ้างที่มีความสำคัญ เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่ออยู่ในโหมด Focus
จำกัดเวลาและความถี่แอปในการเข้าถึงตำแหน่ง
การจำกัดเวลาและความถี่ของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ในการเข้าถึงตำแหน่ง iPhone เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น โดยเข้าไปตั้งค่าได้ที่แอป Settings > Privacy & Security > Location Services จากนั้นเข้าไปตรวจสอบการตั้งค่าของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่ง iPhone
ใช้ Low Power Mode
หากต้องการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการตั้งค่าต่างๆ สามารถเปิดใช้ Low Power Mode ได้จาก Control Center หรือแอป Settings รวมถึงเปิดใช้งานผ่าน Siri อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้ Low Power Mode โดยอัตโนมัติ ผ่านแอป Shortcuts แล้วกำหนดให้เปิด Low Power Mode เมื่อระดับแบตเตอรี่ลดเหลือระดับตามที่ตั้งค่าไว้
ที่มา – MacRumors