OPPO เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ที่ผลิตสมาร์ตโฟนจอพับโดยมีการเปิดตัว OPPO Find N รุ่นแรกในงาน OPPO INNO DAY 2021 แต่จุดเริ่มต้นของการพัฒนาสมาร์ตโฟนจอพับได้ของ OPPO ย้อนไปไกลกว่านั้นมาก ซึ่งทีมงาน @Flashfly จะใช้โอกาสนี้พาทุกคนไปทำความรู้จักกับ OPPO Find N Series ให้มากขึ้น เพื่อหาคำตอบว่าทำไม OPPO Find N3 จึงได้ชื่อว่าเป็น สุดยอดสมาร์ตโฟนจอพับนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี Best Smart Phone Innovation 2023 จากทีมงาน Flashfly
จุดเริ่มต้นของ OPPO Find N Series
เมื่อย้อนกลับไปมองนวัตกรรมสมาร์ตโฟนในช่วง 2 – 3 ปีก่อน สมาร์ตโฟนจอพับได้ยังเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ห่างไกลผู้บริโภค เนื่องจากความไม่มั่นใจในเรื่องของความทนทาน แต่ OPPO ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ในนวัตกรรมสมาร์ตโฟนจอพับได้ เพราะใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนา OPPO Find N รุ่นแรก นานถึง 4 ปี ซึ่งหมายความว่า OPPO เริ่มสร้างต้นแบบสมาร์ตโฟนจอพับได้ราวปี 2017 และมีการสร้างต้นแบบสมาร์ตโฟนจอพับได้ถึง 6 แบบ เพื่อให้ได้ต้นแบบที่ดีที่สุด ก่อนจะเปิดตัว OPPO Find N รุ่นแรก ในปี 2021
OPPO Find N รุ่นแรก มาพร้อมบานพับ Flexion Hinge ประกอบด้วยส่วนประกอบมากมายถึง 136 ชิ้น ทำให้การใช้งานบานพับราบรื่น และยังใช้ดีไซน์แบบหยดน้ำโดยมีบัฟเฟอร์รองรับเมื่อพับหน้าจอ ส่งผลให้รอยพับบนหน้าจอลดลงถึง 80% ขณะที่สมาร์ตโฟนจอพับได้จากแบรนด์อื่น ที่เปิดตัวในช่วงเวลาเดียวกัน ยังมองเห็นรอยพับบนหน้าจอได้อย่างชัดเจน
นอกเหนือจากบานพับ จอแสดงผลของ OPPO Find N รุ่นแรก ก็มีความทนทานสูงผ่านการทดสอบการพับมากกว่า 200,000 ครั้ง (เทียบได้กับการพับหน้าจอวันละ 100 ครั้ง นานถึง 5.4 ปี) ประกอบด้วยชั้นต่างๆ ถึง 12 ชั้น รวมถึงชั้นของ Flexion UTG กระจกบางพิเศษที่บางเพียง 0.03 มิลลิเมตร ทำให้หน้าจอสามารถโค้งงอได้อย่างง่ายดาย ขณะที่กระจกของสมาร์ทโฟนทั่วไปจะหนาถึง 0.6 มิลลิเมตร
ปีต่อมา OPPO Find N2 ก็ได้รับการเปิดตัวทางการ ในเดือนธันวาคม 2022 โดยมีการปรับปรุงบานพับให้มีส่วนประกอบน้อยลงจาก 138 เหลือ 100 ชิ้น ใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างคาร์บอนไฟเบอร์และโลหะผสมที่มีความแข็งแรงสูง ช่วยลดน้ำหนักตัวเครื่อง และยังสามารถกางอุปกรณ์ได้ยืดหยุ่นขึ้นในช่วง 45 – 125 องศา ที่สำคัญก็คือรอยพับบนหน้าจอยังลดลงกว่าเดิมถึง 67%
นอกจากปรับปรุงบานพับให้เบาลง OPPO Find N2 ยังได้รับการปรับปรุงมิติตัวเครื่องให้บางกว่ารุ่นแรก ด้วยความกว้าง 72.6 มิลลิเมตร แคบกว่าเดิมเล็กน้อย (รุ่นแรกกว้าง 73 มิลลิเมตร) เมื่อกางอุปกรณ์ออก จะมีความบางเพียง 7.4 มิลลิเมตร (รุ่นก่อนบาง 8 มิลลิเมตร) และเมื่อปิดฝาจะมีความบาง 14.6 มิลลิเมตร (รุ่นก่อนบาง 15.9 มิลลิเมตร) ส่วนน้ำหนังชั่งได้ประมาณ 233 กรัม ทำให้จับถือได้สะดวกขึ้น ด้านดีไซน์ก็มีความพรีเมียมมากขึ้นโดยใช้วัสดุหนังวีแกนสีดำ แต่ยังมีเวอร์ชันที่ใช้แผงหลังกระจกให้เลือกด้วย
นอกจากนี้ ระบบกล้องของ OPPO Find N2 ยังมาพร้อมชิป MariSilicon X ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายรูปและวิดีโอในที่สภาวะแสงน้อย และยังได้รับเทคโนโลยีกล้องของ Hasselblad ทำให้รองรับ Hasselblad Natural Color Solution และโหมด Xpan น่าเสียดายที่ OPPO Find N รุ่นแรก และ OPPO Find N2 ไม่ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ทำให้ OPPO Find N3 กลายเป็นสมาร์ตโฟนจอพับได้รุ่นแรกของ OPPO ที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างทางการ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
OPPO Find N3 นิยามใหม่แห่งการพับอย่างแท้จริง
หลังจากมีเสียงตอบรับที่ดีเกินคาดจาก 2 รุ่นแรก OPPO Find N3 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานในทุกด้าน โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์บางเบา ประสิทธิภาพอันทรงพลัง และมาพร้อมเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่ดีที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนจอพับได้
ดีไซน์บางเบา
OPPO Find N3 เป็นสมาร์ตโฟนจอพับได้ที่มีดีไซน์ความบางเพียง 5.8 มิลลิเมตร (เมื่อกางออก) และเบากว่าสมาร์ตโฟนจอพับได้ในเซกเมนต์เดียวกัน ด้วยน้ำหนักเพียง 239 กรัม ทำให้สามารถจับถือด้วยมือเดียวได้อย่างถนัด จึงรับส่งข้อความ ท่องเว็บ เล่นเกมได้อย่างสะดวก
OPPO Find N3 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Champagne Gold และ Classic Black แต่ละสีใช้วัสดุแตกต่างกันทำให้มีขนาดและน้ำหนักแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ยังคงความบางเฉียบ และน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เพื่อให้พกพาได้อย่างสะดวก และถือใช้งานได้นานโดยไม่รู้สึกหนักมือ โดยตัวเครื่องสีทอง Champagne Gold ใช้วัสดุกระจก มีน้ำหนัก 245 กรัม ส่วนสีดำ Classic Black ใช้วัสดุหนังวีแกน มีน้ำหนัก 239 กรัม
มุมมองด้านหลังของ OPPO Find N3 ให้ความโดดเด่นด้วยดีไซน์กล้องหลัง Cosmos Ring ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาหรู ภายในกรอบวงแหวนติดตั้งกล้อง 3 ตัว พร้อมโลโก้ H ของ Hasselblad
จอแสดงผลคุณภาพสูง
OPPO ปรับปรุงจอแสดงผลของ OPPO Find N3 ให้เหนือรุ่นก่อนทั้งหน้าจอด้านนอกและจอหลักด้านใน โดยจอแสดงผลหลักมีขนาด 7.82 นิ้ว ใหญ่กว่ารุ่นก่อนที่มีขนาด 7.10 นิ้ว ใช้จอ OLED ความละเอียด 2440 x 2268 พิกเซล ให้สีสัน 1.07 พันล้านสี (10-bit) รองรับขอบเขตสี NTSC 97% ความสว่างสูงสุด 2800 นิต (ความสว่างทั่วไป 600 นิต) รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 1Hz – 120Hz ให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate สูงสุด 240Hz (5 นิ้ว) หรือ 135Hz (2 นิ้ว)
สำหรับจอแสดงผลด้านนอก ใช้จอ OLED ความละเอียด 2484 x 1116 พิกเซล ขนาด 6.31 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 431 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้สีสัน 1.07 พันล้านสี (10-bit) รองรับขอบเขตสี NTSC 97% ความสว่างสูงสุด 2800 นิต (ความสว่างทั่วไป 600 นิต) รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 10Hz – 120Hz และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสเท่ากับจอแสดงผลหลัก
บานพับรุ่นใหม่ ทนทานยิ่งขึ้น
OPPO Find N3 สร้างนิยามใหม่แห่งการพับด้วยบานพับ Flexion Hinge เจเนอเรชันที่ 3 ประกอบด้วยวัสดุโลหะเหลวจากเซอร์โคเนียมและเหล็กกล้าเกรดอากาศยานที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง ช่วยให้การพับมีความลื่นไหล ทนทาน มีน้ำหนักเบา และไม่ทิ้งรอยพับไว้บนจอแสดงผล มอบประสบการณ์การรับชมและสัมผัสที่ราบรื่นเรียบเนียน
บานพับ Flexion Hinge เจเนอเรชันที่ 3 ของ OPPO Find N3 ยังได้รับการรับรองความทนทานจาก TÜV Rheinland จากการทดสอบ 4 ด้าน ได้แก่ การทดสอบประสิทธิภาพขั้นพื้นฐาน, การทดสอบโดยจำลองการใช้งานในชีวิตจริง, การทดสอบความสบายในการจับถือ และ ทดสอบความทนทานในการพับกว่า 1,000,000 ครั้ง
กล้องถ่ายภาพระดับแฟลกชิป
เทคโนโลยีการถ่ายถชภาพ เป็นอีกจุดเด่นที่ OPPO Find N Series ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึง OPPO Find N3 ซึ่งได้รับคำนิยามว่า “The King of Photography” โดยเป็นสมาร์ตโฟนจอพับได้รุ่นแรกที่มาพร้อมกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล, กล้อง Telephoto 64 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra-wide 48 ล้านพิกเซล ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเซ็นเซอร์พิกเซลแบบเรียงซ้อนอันล้ำสมัยของ Sony ช่วยให้ได้ภาพถ่ายระดับมืออาชีพ ขณะที่กล้อง Telephoto ยังใช้ดีไซน์เลนส์แบบ Periscope สามารถซูมออปติคอลได้ 3 เท่า และซูมแบบครอปตัดภายในเซ็นเซอร์แบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ถึง 6 เท่า
OPPO Find N3 ยังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการถ่ายภาพจาก Hasselblad แบรนด์กล้องชั้นนำของโลก โดยมีจุดเด่นที่โหมด Hasselblad Portrait ช่วยยกระดับการถ่ายภาพ Portrait ด้วยกล้อง Telephoto แบบ Periscope ที่มีเลนส์ 70 มม. สามารถสร้างภาพถ่าย Portrait ในระยะกลางด้วยเอฟเฟกต์ Bokeh อันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ XCD series ของ Hasselblad ให้ระยะชัดลึกที่ดูเป็นธรรมชาติ คอนทราสต์ที่สมบูรณ์ และรายละเอียดที่มีความคมชัดสูง
ประสิทธิภาพอันทรงพลัง
OPPO Find N3 ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ Multitasking หรือจะเล่นเกมระดับ AAA โดยใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 ชิปตัวแรงของ Qualcomm ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร ประกอบด้วย CPU แบบ Kryo 64-bit Octa Core ที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพ 35% ปรับปรุงการใช้พลังงานดีขึ้น 40% และ GPU ของ Adreno 740 ที่เร็วกว่าเดิม 25% ใช้พลังงานดีขึ้น 45% นอกจากนี้ โครงสร้างภายในยังได้รับการออกแบบให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยแผ่น Graphite แบบบานพับคู่ ผสานกับเทคโนโลยีฉนวนกันความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิทั้งภายในและภายนอก
อีกทั้งยังมีความจำขนาดใหญ่มาตรฐานใหม่ที่อ่านเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 16GB จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB และเสริมด้วยเทคโนโลยี Dynamic Computing Engine ของ OPPO ช่วยให้การใช้งานแบบ Multitasking หรือ เปิดแอปพร้อมกันเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถเปิดแอปพลิเคชันไว้เบื้องหลังได้มากกว่า 40 แอป
นอกจากนี้ OPPO Find N3 ยังได้รับความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,805mAh ให้อายุการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน และสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC สามารถชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลา 42 นาที
นวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี 2023
OPPO Find N3 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ของสมาร์ตโฟนจอพับได้ให้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านดีไซน์ ก็มีความบางเบา บานพับแข็งแรงทนทาน จอภาพ OLED คมชัดสูง จอหลักพับได้แบบไร้รอยพับ เทคโนโลยีกล้องระดับโปรจาก Hasselblad ใช้ชิปประมวลผลระดับแฟลกชิปของ Qualcomm และด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพรอบด้าน ทำให้ OPPO Find N3 กลายเป็นสุดยอดสมาร์ตโฟนนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 (Best Innovation 2023) ทั้งนี้ OPPO Find N3 พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 69,990 บาท