Samsung ส่งแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 เริ่มตั้งแต่แท็บเล็ตระดับพรีเมียม Galaxy Tab S9 Series ตามมาด้วย Galaxy Tab S9 FE Series ที่มีสเปกระดับเรือธง รวมถึง Galaxy Tab A9 Series แท็บเล็ตที่ราคาคุ้มค่าที่สุดของ Samsung ในปีนี้ ซึ่งแต่ละ Series ยังมีรุ่นย่อยให้เลือกอีก ทำให้ยากในการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ทีมงาน @Flashfly จะขอรับหน้าที่เป็นไกด์ พาทุกคนไปดูว่าแท็บเล็ตรุ่นใหม่ของ Samsung ในปี 2023 มีรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ และแต่ละรุ่นเหมาะกับผู้ใช้งานกลุ่มไหน
Samsung Galaxy Tab A9 Series
Samsung Galaxy Tab A9 Series มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Galaxy Tab A9 กับ Galaxy Tab A9+ ทั้งคู่ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการแท็บเล็ตสเปกแรง แต่มีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยังรองรับการใช้งานจบในเครื่องเดียว ไม่ต้องพกพาสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย เพราะ Galaxy Tab A9 Series ทั้ง 2 รุ่น สามารถใส่ซิมได้ รองรับการโทรและข้อความ เหมือนเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งที่มีจอแสดงผลขนาดใหญ่ ส่วนจะมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เลื่อนลงมาอ่านได้เลย
Samsung Galaxy Tab A9+
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของ Galaxy Tab A9+ อยู่ที่ชิปประมวลผล เพราะถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกใน Galaxy Tab A Series ที่ได้รับชิปประมวลผล Snapdragon ของ Qualcomm โดยใช้ชิป Snapdragon 695 ที่ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีการผลิตขนาด 6 นาโนเมตร ประกอบด้วย CPU – Kryo 660 สถาปัตยกรรม 64-bit ความเร็วสูงสุด 2.2GHz พร้อมด้วย GPU – Adreno 619 เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A8 จะพบว่า Galaxy Tab A9+ ให้ประสิทธิภาพด้าน Multi Core เร็ว 48% และด้าน Single Core ไวขึ้น 71%
Galaxy Tab A9+ ยังมีความจำขนาดใหญ่ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB ซึ่งถือว่ามีความจุเพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A8 ช่วยให้การใช้งานแบบ Multitasking และสลับแอปได้อย่างราบรื่น และยังสนับสนุนการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB จึงมีพื้นที่ความจุสำหรับเก็บไฟล์ภาพและวิดีโอได้จุใจ
จอแสดงผลของ Galaxy Tab A9+ ยังมีขนาดใหญ่ 11 นิ้ว อัปเกรดจาก 10.5 นิ้ว ของ Galaxy Tab A8 จึงรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้เต็มตามากขึ้น โดยมีความละเอียด 1920 x 1200 พิกเซล และให้ความสว่างสูงสุด 570 นิต (Galaxy Tab A8 มีความสว่างสูงสุด 400 นิต) ไม่ว่าจะรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมก็ให้ประสบการณ์การที่ยอดเยี่ยม ด้วยอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz รับรองว่าตอบสนองการสัมผัสและการแสดงผลได้ลื่นไหลมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A8 ที่รองรับอัตราการรีเฟรช 60Hz
นอกจากจะมีจอแสดงผลขนาดใหญ่ รับชมภาพยนตร์ได้อย่างเต็มตา Galaxy Tab A9+ ยังติดตั้งลำโพงมาให้ 4 ตัว แยกฝั่งละ 2 ตัว และเพิ่มคุณภาพเสียงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้ Galaxy Tab A9+ เป็นแท็บเล็ตที่สามารถตอบสนองความบันเทิงได้อย่างเต็มอิ่ม
Galaxy Tab A9+ ยังเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกของ Galaxy Tab A Series ที่สนับสนุน Samsung DeX มอบประสบการณ์การใช้งานในรูปแบบ PC Like Experience หรือใช้งานได้คล้ายกับแล็ปท็อป โดย DeX Mode จะเปลี่ยน User Interface ของ Galaxy Tab A9+ ให้แสดงผลในรูปแบบเดสก์ท็อปของ PC เหมาะสำหรับการเปิดใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกัน และด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 11 นิ้ว ทำให้ Galaxy Tab A9+ รองรับการเปิดแอปใช้งานแบ่งหน้าจอได้สูงสุด 3 หน้าจอ จากเดิมทำได้แค่ 2 หน้าจอ (เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A8) อีกทั้งยังสามารถปรับความยาวและความสูงของแต่ละหน้าจอที่แบ่งได้เองตามความต้องการ จึงใช้งานหลายแอปพร้อมกันได้อย่างยืดหยุ่น
Galaxy Tab A9+ ผลิตออกมาให้เลือก 2 เวอร์ชัน ได้แก่ Wi-Fi และ Cellular ซึ่งเวอร์ชัน Cellular จะสามารถใช้งานได้เหมือนกับสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 5G รวมถึง Wi-Fi และยังสามารถใช้โทรออก-รับสาย หรือ รับ-ส่งข้อความ SMS รวมถึงรับรหัส OTP เพื่อยืนยันการทำธุรกรรมต่างๆ ได้
Galaxy Tab A9+ ยังมี Privacy Dashboard สามารถตรวจสอบได้ว่ามีแอปพลิเคชันใดบ้างที่ได้รับการอนุญาตในการเข้าถึงข้อมูลในแท็บเล็ต เช่น ตำแหน่ง, กล้อง, ไมโครโฟน กรณีที่ซื้อ Galaxy Tab A9+ มาใช้งานเอง ก็สามารถให้เด็กๆ หยิบยืมไปใช้งานได้อย่างสบายใจ ด้วยฟีเจอร์ Secure Folder ช่วยปกป้องคอนเทนต์และแอปส่วนตัว ไม่ให้เด็กๆ เข้าถึง สำหรับใครที่มีแผนซื้อแท็บเล็ตมอบเป็นของขวัญให้บุตรหลานในวันคริสต์มาสหรือต้อนรับปีใหม่ Galaxy Tab A9+ ถือเป็นของขวัญที่เหมาะสมทั้งราคาและฟังก์ชันการใช้งาน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสำหรับเด็กๆ ด้วย Samsung Kids ซึ่งสามารถกำหนดระยะเวลาการใช้งานในแต่ละแอปได้หรือจำกัดให้เห็นเฉพาะเนื้อหาที่เหมาะสมเท่านั้น
Samsung Galaxy Tab A9
Galaxy Tab A9 เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้เซฟเงินในกระเป๋า แต่ได้แท็บเล็ตที่ตอบสนองการใช้งานได้ครบครัน ด้วยประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล MediaTek Helio G99 ซึ่งเป็นชิป 4G ที่มีเทคโนโลยี MediaTek HyperEngine ออกแบบมาเพื่อรองรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ขณะที่ CPU ก็ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพด้าน Multi Core มากขึ้นถึง 297% และ Single Core ไวขึ้น 299% เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A7 Lite
Galaxy Tab A9 มาพร้อมจอแสดงผล IPS LCD ความละเอียด 800 x 1340 พิกเซล ขนาด 8.7 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดกำลังพอดีไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์ อ่านข่าว อ่านอีบุ๊ค ดูหุ้น เล่นเกม ก็ถือได้ถนัดมือ และยังให้ความสว่างสูงสุด 570 นิต (จากเดิม 400 นิต เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A7 Lite) จึงมองเห็นหน้าจอได้ชัดเจน ด้านความจำของ Galaxy Tab A9 มีความจำ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 64GB เพิ่มขึ้นจาก RAM 3GB + ROM 32GB เมื่อเทียบกับ Galaxy Tab A7 Lite และยังสนับสนุนการ์ด MicroSD สูงสุด 1TB ดาวน์โหลดเกมได้จุใจ
อีกจุดเด่นของ Galaxy Tab A9 คือ สามารถใส่ซิมได้แบบสมาร์ทโฟน สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านการเชื่อมต่อ 4G LTE หรือ Wi-Fi รองรับฟังก์ชันการโทรออก รับสาย รับ-ส่งข้อความ SMS รวมถึงรับรหัส OTP เพื่อยืนยันการทำธุรกรรมต่างๆ ได้เหมือนเป็นสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่ง นอกจากนี้ Galaxy Tab A9 ยังเป็นแท็บเล็ตที่เป็นมิตรกับเด็กๆ เหมือนกับ Galaxy Tab A9+ ด้วยฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยต่างๆ ทั้ง Secure Folder, Privacy Dashboard และ พื้นที่สำหรับเด็กๆ อย่าง Samsung Kids ทำให้ Galaxy Tab A9 เป็นแท็บเล็ตสำหรับสมาชิกทุกคนในบ้าน
สรุปราคาและการจำหน่าย
Galaxy Tab A9+ เป็นแท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับราคา เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิง ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม หรือแม้แต่ทำงาน ก็ตอบสนองการใช้งานได้ทันใจ ด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ 11 นิ้ว อัตราการรีเฟรชสูง 90Hz ใช้ชิป Snapdragon 695 รองรับโหมด DeX ขณะที่ Galaxy Tab A9 มาพร้อมชิป 4G ที่ออกแบบมาสำหรับเล่นเกม โดยมีขนาดหน้าจอ 8.7 นิ้ว เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่จำหน่ายสินค้าออนไลน์ สามารถไลฟ์พร้อมโต้ตอบกับลูกค้าได้ง่ายกว่าหน้าจอของสมาร์ทโฟน หรือจะซื้อเป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้กับบุตรหลาน ก็ถือว่ามีราคาที่เหมาะสม
ทั้งนี้ Galaxy Tab A9 Series วางจำหน่ายในไทยแล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ โดยมีราคาแตกต่างกันดังนี้
- Galaxy Tab A9 LTE (4/64GB) ราคา 6,990 บาท มาในสี Graphite
- Galaxy Tab A9+ Wi-Fi (8/128GB) ราคา 8,990 บาท มีให้เลือก 2 สี Silver และ Navy
- Galaxy Tab A9+ 5G (8/128GB) ราคา 10,990 บาท มีให้เลือก 2 สี Silver และ Navy
โปรโมชันพิเศษ!! เมื่อซื้อ Galaxy Tab A9+ ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง 7 มกราคม 2567 รับฟรี!! Book Cover มูลค่า 1,590 บาท หรือรับส่วนลดทันที 40% สำหรับ Book Cover เมื่อซื้อพร้อม Galaxy Tab A9
สั่งซื้อ Galaxy Tab A9 Series ได้ที่ > https://bit.ly/485nESl
รีวิว Samsung Galaxy Tab A9+
Samsung Galaxy Tab S9 FE Series
สำหรับใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติระดับเรือธง แต่มีราคาที่เหมาะสม Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+ เป็นคำตอบที่ใช่ที่สุด ทั้งคู่มาพร้อม S Pen ที่มีประโยชน์มากกว่าการวาดเขียนหรือจดบันทึก อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่พรีเมียมและทนทาน ป้องกันน้ำและฝุ่นในระดับ IP68 และมีประสิทธิภาพสูง รองรับทั้งการทำงานและให้ความบันเทิง
Samsung Galaxy Tab S9 FE
Galaxy Tab S9 FE แถมปากกา S Pen ที่ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำและฝุ่น IP68 เช่นเดียวกับตัวเครื่อง จึงสามารถพกพาไปใช้งานได้ทุกสภาพแวดล้อมอย่างไร้กังวล อีกทั้งยังรองรับการใช้งานได้หลากหลายมากกว่าการวาดเขียนหรือจดบันทึก
S Pen ของ Galaxy Tab S9 FE โดดเด่นที่ฟีเจอร์ Translate Real Time สามารถแปลภาษาได้ทันที เพียงแค่ใช้ปากกาชี้ที่คำหรือประโยคที่ต้องการ หรือในขณะดูหนังก็สามารถแปลคำหรือประโยคในวิดีโอที่กำลังเล่นอยู่ได้ทันที ฟีเจอร์ S Pen to Text สามารถแปลงลายมือที่เขียนลงไป ให้กลายเป็นข้อความดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดให้ยุ่งยาก และในระหว่างชั้นเรียนหรือการประชุม ผู้ใช้งาน Galaxy Tab S9 FE ก็สามารถบันทึกเสียงพร้อมกับจดโน้ตไปพร้อมกัน ซึ่งระหว่างฟังเสียงยังเห็นวิดีโอที่ตัวเองจดโน้ตอีกด้วย
S Pen และ Galaxy Tab S9 FE ยังทำงานร่วมกันเพื่อตัดต่อวิดีโอได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นจับภาพหน้าจอหรือตัดภาพในวิดีโอมาวางในโน้ต หรือ ใช้ S Pen ช่วยตัดต่อวิดีโอสั้น เพื่อแชร์ลงโซเชียลมีเดีย และถ้ามีไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นมา ก็สามารถจดโน้ตได้ทันที เพียงแค่เคาะ S Pen 2 ครั้งที่หน้าจอ ไม่ต้องเสียเวลาปลดล็อคหน้าจอแล้วเปิดแอปให้ยุ่งยาก
Galaxy Tab S9 FE มาพร้อมจอแสดงผล 10.9 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz มีอัลกอริทึม Vision Booster ช่วยเพิ่มความสว่างหน้าจอได้สูงสุด 600 นิต ทำให้มองเห็นหน้าจอได้อย่างชัดเจนเมื่อใช้งานกลางแจ้ง โดยมีความจำ RAM 6GB จับคู่กับ ROM 128GB ขนาดแบตเตอรี่ 8,000mAh ให้อายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W
Samsung Galaxy Tab S9 FE+
Galaxy Tab S9 FE+ อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ระดับเรือธงแบบเดียวกับ Galaxy Tab S9 FE แต่มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า 12.4 นิ้ว กล้องหลัง 2 ตัว 8 + 8 ล้านพิกเซล (Main + Ultra Wide) ใช้ชิปประมวลผล Exynos 1380 ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 128GB สามารถอัปเกรดให้ความจุได้สูงสุดถึง 1TB ผ่านด้วย microSD แบตเตอรี่ขนาด 10,090mAh พร้อมด้วยลำโพงคู่ Dual Speaker by AKG และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
สรุปราคาและการจำหน่าย
โดยรวมแล้ว Galaxy Tab S9 FE Series ทั้ง 2 รุ่น มีคุณสมบัติที่คล้ายกันมาก แตกต่างกันที่ขนาดหน้าจอ ขนาดตัวเครื่อง ความจุแบตเตอรี่ และกล้องหลัง โดยมีราคาที่ถูกกว่าแท็บเล็ตระดับเรือธง จึงเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จาก S Pen ที่แถมมาให้ได้อย่างเต็มที่ สำหรับคนวัยทำงานก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน แต่เป็นงานที่ไม่หนักมาก เช่น งานเอกสาร งานนำเสนอ นอกจากนี้ Galaxy Tab S9 FE Series ยังเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการแท็บเล็ตระดับเรือธง ไว้ตอบสนองความบันเทิง มีดีไซน์พรีเมียม ทนทาน กันน้ำกันฝุ่นได้ Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนมากๆ
ทั้งนี้ Galaxy Tab S9 FE Series เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้ว โดย Galaxy Tab S9 FE มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Gray, Lavender และ Mint ส่วน Galaxy Tab S9 FE+ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Gray และ Mint
- Galaxy Tab S9 FE Wi-Fi (6/128GB) ราคา 16,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE 5G (6/128GB) ราคา 19,990 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ Wi-Fi (8/128GB) ราคา 23,900 บาท
- Galaxy Tab S9 FE+ 5G (8/128GB) ราคา 27,900 บาท
โปรโมชันพิเศษ!! เมื่อซื้อ Galaxy Tab S9 FE Series ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง 7 มกราคม 2567 รับส่วนลดทันที 2,000 บาท เมื่อซื้อ Galaxy Tab S9 FE+ หรือรับส่วนลด 30% สำหรับ Smart Book Cover หรือ Book Cover Keyboard Slim เมื่อซื้อพร้อม Galaxy Tab S9 FE และ Galaxy Tab S9 FE+
สั่งซื้อ Galaxy Tab S9 FE Series ได้ที่ > https://bit.ly/3GrHWJL
Samsung Galaxy Tab S9 Series
นี่คือแท็บเล็ตที่ดีที่สุดของ Samsung ซึ่งอัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลัง รองรับการใช้งานอย่างหนัก และยังเป็น Galaxy Tab S Series รุ่นแรก ที่ได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำและกันฝุ่นในระดับ IP68 โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ Galaxy Tab S9, Galaxy Tab S9+ และ Galaxy Tab S9 Ultra โดดเด่นที่จอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X แถมปากกา S Pen และใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธงของ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
Galaxy Tab S9 Series มาพร้อมจอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ให้สีสันสวยงามคมชัดสมจริง ไม่ว่าจะรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกม โดยสนับสนุน HDR10+ ให้ความสว่างและแสดงเฉดสีได้อย่างคมชัดแบบเฟรมต่อเฟรม รองรับอัตราการรีเฟรชหน้าจอแบบไดนามิกสูงสุดถึง 120Hz เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการตอบสนองที่ราบรื่นกับการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมที่สุด และยังถนอมดวงตาด้วยด้วยเทคโนโลยีลดแสงสีฟ้าได้มากกว่า 70%
จอแสดงผลของ Galaxy Tab S9 Series ยังมีจุดเด่นที่ Vision Booster เทคโนโลยีการจับคู่โทนสีที่ช่วยปรับปรุงการมองเห็นท่ามกลางแสงที่สว่างจ้าในพื้นที่กลางแจ้ง ด้วยอัลกอริทึมกลางแจ้งอัจฉริยะที่ตรวจจับแสงของดวงอาทิตย์และเปลี่ยนระดับแสงบนหน้าจอให้สอดคล้องกัน
Galaxy Tab S9 Series ทั้ง 3 รุ่น ตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล ด้วยชิปประมวลผลระดับเรือธง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ให้ประสิทธิภาพด้าน Multi Core เร็วขึ้น 41% ด้าน Single Core สูงขึ้น 25% และด้านกราฟิกดีขึ้น 35% เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 8 Gen 1 อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Ray Tracing หรือการจำลองแสงและเงาของวัตถุแบบเรียลไทม์ ทำให้การเล่นเกมบน Galaxy Tab S9 Series แสดงภาพได้อย่างสมจริง โดยอาศัยการทำงานของเทคโนโลยีที่สามารถจำลองและติดตามลักษณะของแสงในเกมได้ทุกจุด
นอกเหนือจากความบันเทิง Galaxy Tab S9 Series ยังถูกสร้างมาเพื่อรองรับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมปากกา S Pen มาให้ในกล่อง มอบประสบการณ์ในการวาดเขียนได้อย่างแม่นยำและราบรื่น เหมือนกับการใช้ปากกาเขียนบนแผ่นกระดาษจริงด้วยหน้าจอ NotePaper Screen และยังสามารถเขียนในแถบค้นหา เบราว์เซอร์ และ Play Store ได้อีกด้วย จึงสามารถใช้ปากกาควบคุมการทำงานบนหน้าจอได้แทนปลายนิ้ว ไม่ว่าจะย่อขยายหน้าต่าง หรือแตะปุ่มต่างๆ บน User Interface
โหมด DeX เป็นอีกฟีเจอร์ที่หลายคนตัดสินใจเลือกใช้แท็บเล็ตของ Samsung มาทำงานแทนแล็ปท็อปหรือพีซี เนื่อกจากโหมด DeX สามารถเปลี่ยน User Interface ในรูปแบบแท็บเล็ต ให้แสดงผลในรูปแบบเดสก์ท็อป รองรับฟีเจอร์ Multi Window เปิดแอปพร้อมกันหลายหน้าต่าง สามารถย่อ-ขยายหน้าต่างและจัดเรียงให้เป็นระเบียบได้ และยังมีฟีเจอร์ Pop-Up View สามารถเปิดแอปอื่นๆ เพิ่มเติมในรูปแบบหน้าต่างลอย นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกับเมาส์ เพื่อควบคุมเคอร์เซอร์บนหน้าจอ และทำให้ Galaxy Tab S9 Series กลายเป็นแล็ปท็อปอย่างแท้จริง
Galaxy Tab S9 Series ยังรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ของ Galaxy Ecosystem ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการจับคู่กับสมาร์ทโฟนผ่านฟีเจอร์ Multi Control ก็สามารถถ่ายโอนไฟล์ด้วยการคัดลอก วาง หรือลาก ข้อความและรูปภาพ ระหว่างแท็บเล็ตกับสมาร์ทโฟนได้อย่างราบรื่น และสามารถควบคุมสมาร์ทโฟน ด้วยทัชแพดของแท็บเล็ตได้ (Multi Control รองรับสมาร์ทโฟน Galaxy ที่ทำงานบน One UI 5.1 ขึ้นไป) ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้บนสมาร์ทโฟนขณะเดินทาง และไปทำงานต่อให้จบบนแท็บเล็ตเมื่อถึงที่หมาย
นอกจากนี้ Galaxy Tab S9 Series ยังได้รับการออกแบบมาอย่างงามพรีเมียมด้วย Armor Aluminum วัสดุทนทานต่อการกระแทกและการตกหล่น สามารถต้านทานน้ำและฝุ่นในระดับ IP68 ทั้งตัวเครื่องและปากกา S Pen
มาถึงความแตกต่างกันบ้าง Galaxy Tab S9 มีขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว กล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ 12 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ความจุแบตเตอรี่ 8,400mAh ขยับมาที่ Galaxy Tab S9+ มีขนาดหน้าจอ 12.4 นิ้ว กล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ 12 ล้านพิกเซล กล้องคู่หลัง 13 + 8 ล้านพิกเซล (Main + Ultra Wide) ความจุแบตเตอรี่ 10,090mAh และรุ่นใหญ่สุด Galaxy Tab S9 Ultra มีขนาดหน้าจอ 14.6 นิ้ว กล้องคู่หน้า 12 + 12 ล้านพิกเซล (Main + Ultra Wide) กล้องคู่หลัง 13 + 8 ล้านพิกเซล (Main + Ultra Wide) ความจุแบตเตอรี่ 11,200mAh
Galaxy Tab S9 Series ทั้ง 3 รุ่น ได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ มีลำโพงมาให้ 4 ตัว พร้อมระบบเสียง AKG และ Dolby Atmos สามารถเพิ่มพื้นที่ความจุได้สูงสุด 1TB ผ่านการ์ด microSD และยังมี 5G เป็นตัวเลือก สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
สรุปราคาและการจำหน่าย
Samsung Galaxy Tab S9 Series ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการแท็บเล็ตที่ดีที่สุด ทั้งในแง่ของจอภาพและชิปประมวลผล รองรับการทำงานและเล่นเกมอย่างหนักได้ อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่พรีเมียม ทนทาน สามารถพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานที่มีสมาร์ทโฟนเรือธงของ Samsung Galaxy อยู่แล้ว ยังสามารถซื้อ Galaxy Tab S9 Series มาใช้งานคู่กันได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมีประโยชน์มากขึ้น
ทั้งนี้ Galaxy Tab S9 Series วางจำหน่ายแล้ว โดย Galaxy Tab S9 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Beige และ Graphite ขณะที่ Galaxy Tab S9+ และ Galaxy Tab S9 Ultra มีให้เลือกเฉพาะสี Graphite
- Galaxy Tab S9 Wi-Fi (8/128GB) ราคา 28,900 บาท
- Galaxy Tab S9 5G (8/128GB) ราคา 32,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ Wi-Fi (12/256GB) ราคา 35,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ 5G (12/256GB) ราคา 39,900 บาท
- Galaxy Tab S9 Ultra 5G (12/256GB) ราคา 49,900 บาท
โปรโมชันพิเศษ!! ระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ถึง 7 มกราคม 2567 รับส่วนลดทันที 3,000 บาท เมื่อซื้อ Galaxy Tab S9 Series (ทุกรุ่น) และรับส่วนลด 30% เมื่อซื้อ Book Cover Keyboard Slim พร้อม Galaxy Tab S9 Series