เปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วกับ OPPO Find N3 สมาร์ตโฟนจอพับระดับพรีเมียม บาง เบา ทรงพลัง ถึงแม้จะถูกยกให้เป็น “The King of Photography” แต่สมาร์ตโฟนจอพับรุ่นล่าสุดของ OPPO ไม่ได้มีจุดเด่นที่การถ่ายภาพเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นที่สุดในทุกด้าน ตั้งแต่ดีไซน์ที่มีความหรูหราพรีเมียม ความทนทานของบานพับ ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง และแน่นอนว่า จอแสดงผล ก็เป็นอีกฟีเจอร์สำคัญที่วันนี้ทีมงาน @Flashfly จะพาไปเจาะลึก หลังจากเคยนำเสนอรีวิว OPPO Find N3 ไปแล้วก่อนหน้านี้
จอพับได้ระดับแฟลกชิปที่ให้ความสว่างและคมชัดที่สุดในเซกเมนต์
ไฮไลท์ของ OPPO Find N3 ในครั้งนี้อยู่ที่จอแสดงผลหลักที่อยู่ด้านใน โดยใช้จอแสดงผล OLED แบบพับได้ ความละเอียด 2440 x 2268 พิกเซล ขนาดใหญ่ 7.8 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 426 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้ความสว่างสูงสุด 2800 นิต ช่วยให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะใช้งานอยู่ภายในหรือภายนอกอาคาร อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของดวงตา ด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 1440Hz
นอกจากความสว่าง จอแสดงผลหลักของ OPPO Find N3 ยังให้ความคมชัดสูงด้วยความลึกสี 1.07 พันล้านสี (10-bit) รองรับวิดีโอที่มีช่วงไดนามิกสูงอย่างมาตรฐาน Dolby Vision และ HDR10+ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ProXDR ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหน้าจอ เมื่อเปิดดูภาพถ่ายในอัลบั้ม โดยจอแสดงผลจะปรับสีและความสว่าง เพื่อแสดงสีสัน แสงและเงา ของภาพถ่ายได้แม่นยำสมจริงยิ่งขึ้น ตามฉากและบรรยากาศที่ผู้ใช้งานไปถ่ายมา
จอแสดงผลหลักของ OPPO Find N3 ตอบสนองการสัมผัสและแสดงกราฟิกได้อย่างลื่นไหล ด้วยการรองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ในช่วง 1Hz – 120Hz และให้อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate สูงสุด 240Hz
จอหลักขนาดใหญ่ 7.8 นิ้ว แต่ให้มุมมองเหมือนมีขนาด 15 นิ้ว
ด้วยจอแสดงผลหลักขนาดใหญ่ 7.8 นิ้ว ทำให้ใช้งานแอปต่างๆได้ขนาดใหญ่เต็มตากว่าสมาร์ตโฟนทั่วไปแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถใช้งานหลายแอปพร้อมกันบน OPPO Find N3 ที่ให้ประสบการณ์ดีไม่แพ้บนแท็บเล็ตอีกด้วย เนื่องจากสัดส่วนที่เกือบจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำให้การใช้งานแบบหลายหน้าจอมีมุมมองที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการแบ่งหน้าจอ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนมีสมาร์ตโฟน 2 เครื่องวางคู่กัน
การแบ่งหน้าจอ หรือ Split Screen บนจอแสดงผลหลักของ OPPO Find N3 ทำได้ง่ายๆ เพียงเปิดแอปพลิเคชันแรกขึ้นมา แล้วแตะสองนิ้วตรงกึ่งกลางหน้าจอแล้วลากลง จากนั้นสามารถเปิดแอปพลิเคชันอื่นที่ต้องการทำงานคู่กันขึ้นมา
การเปิดใช้งานแบ่งหน้าจออีกวิธี สามารถทำได้โดยเปิดแอปพลิเคชันแรกขึ้นมา แล้วแตะที่ไอคอนใน Global Taskbar หรือเปิดดูแอปทั้งหมดใน App Library จากนั้นเลือกไอคอนของแอปที่ต้องการทำงานคู่กัน ด้วยการแตะไอคอนค้างไว้แล้วลากออกมาวางบนหน้าจอ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเปิดแอปใหม่ไว้ทางฝั่งซ้ายหรือขวามือ
ผู้ใช้งานยังสามารถแบ่งหน้าจอออกเป็น 3 หน้าต่าง หรือใช้งาน 3 แอปพร้อมกันได้อีกด้วย โดยการเลือกแอปที่ 3 ผ่าน Global Taskbar หรือ App Library และสามารถเลือกได้ว่าจะวางแอปที่ 3 เรียงต่อกันในแถวเดียวในรูปแบบแนวตั้ง หรือแสดงผลเป็นหน้าต่างขนาดใหญ่ในแถวล่าง
แต่ที่น่าสนใจคือยังสามารถแสดงผลได้แบบเต็มหน้าจอได้พร้อมกันทั้ง 3 แอปอีกด้วย โดยเรายังสามารถเลื่อนดูแต่ละหน้าต่างได้อย่างราบรื่น จึงเปรียบเสมือนว่าจอแสดงผลหลักของ OPPO Find N3 มีขนาดใหญ่ 15 นิ้ว แต่ถูกซูมให้เหลือ 7.8 นิ้ว ซึ่งทาง OPPO เรียกว่าเป็นมุมมองแบบไร้ขอบเขตนั่นเอง ซึ่งคู่แข่งในตลาดยังไม่มีใครสามารถทำได้
นอกเหนือจากการแบ่งหน้าจอ เพื่อแสดงมุมมองของแต่ละแอป OPPO Find N3 ยังรองรับการทำงานข้ามหน้าต่างได้อีกด้วย โดยใช้ฟีเจอร์ลากแล้ววางไฟล์จากแอปหนึ่งไปวางในอีกแอปที่เปิดคู่กัน และรองรับการแสดงผลในรูปแบบ PiP (Picture-in-Picture) เหมาะสำหรับการเปิดวิดีโอในหน้าต่างขนาดเล็ก พร้อมกับใช้งานแอปพลิเคชันอื่น
จอพับได้แบบไร้รอยพับ
สิ่งสำคัญยิ่งกว่าความสว่างและคมชัดของจอแสดงผล คือ “จอพับได้แบบไร้รอยพับ” จอแสดงผลหลักของ OPPO Find N3 ได้รับการพัฒนาให้มีความทนทานมากขึ้น โดยใช้แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ที่ถูกเจาะรูด้วยกล้องจุลทรรศน์เลเซอร์มากกว่า 5,000 รู ทำให้เกิดความแข็งแรงและยืดหยุ่น มารองรับโครงสร้างจอแสดงผล เพื่อให้ทนทานต่อการบิดเบี้ยวมากกว่ารุ่นก่อนถึง 36%
ขณะเดียวกัน รอยพับที่เกิดขึ้นมาบนจอแสดงผลหลัก ก็แทบจะมองไม่เห็น เนื่องจากผ่านการเคลือบชั้นผิวแบบใหม่ทำให้สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ จึงช่วยลบรอยพับให้เรียบเนียน มอบประสบการณ์การใช้งานเวลาเลื่อนนิ้วผ่านหน้าจอราบรื่นไม่สะดุด และยังช่วยให้มองเห็นคอนเทนต์ต่างๆ บนหน้าจอได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่มีรอยพับมาขวางกั้น
เข้าถึงทุกแอปได้ทันใจผ่าน Global Taskbar
OPPO พัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมารองรับสมาร์ตโฟนจอพับได้โดยเฉพาะ เพื่อใช้ประโยชน์จากจอแสดงผลหลักขนาดใหญ่ของ OPPO Find N3 โดยใช้ ColorOS 13.2 ที่ได้รับการปรับแต่งให้ทำงานบนสมาร์ตโฟนจอพับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นั่นทำให้ User Interface สมาร์ตโฟนจอพับได้ของ OPPO แตกต่างไปจากสมาร์ตโฟนรูปทรงแท่งปกติเล็กน้อย โดยเฉพาะส่วนที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Global Taskbar ที่เป็นแถบ Taskbar หรือ Dock ที่แสดงผลอยู่ด้านล่าง ภายในประกอบด้วยไอคอนทางลัดของแอปพลิเคชันต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกทางซ้ายมือเป็นไอคอนของฟีเจอร์ App Library และ File Pocket ส่วนถัดมาเป็นไอคอนของแอปที่ใช้งานบ่อยที่สุด และส่วนขวามือเป็นไอคอนของแอปที่เข้าใช้งานล่าสุด
Global Taskbar จะแสดงผลอยู่ตลอดเวลา แต่จะถูกย่อให้เล็กลงเมื่อมีการเปิดหรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ หมายความว่าผู้ใช้ OPPO Find N3 สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยได้อย่างสะดวกรวดเร็วจากทางลัดบน Global Taskbar และสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันทั้งหมดที่มีในเครื่อง ด้วยการแตะที่ App Library (ไอคอนรูปสี่เหลี่ยมสีเทา) ขณะที่ File Pocket (ไอคอนแฟ้มสีฟ้า) เป็นศูนย์รวมของไฟล์ต่างๆ ในคลิปบอร์ด
จอแสดงผลด้านหน้าระดับแฟลกชิป
OPPO ให้ความสำคัญกับจอแสดงผลด้านนอกเช่นเดียวกับจอแสดงผลหลัก เพื่อทำให้เจ้าของ OPPO Find N3 สามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ทันทีบนหน้าจอด้านหน้าเหมือนกับสมาร์ตโฟนที่คุ้นเคย ดังนั้น จอแสดงผลด้านหน้า จึงให้ประสบการณ์ระดับแฟลกชิป ไม่ต่างจากจอแสดงผลหลักที่พับอยู่ภายใน
จอแสดงผลด้านนอกของ OPPO Find N3 ใช้จอ OLED ความละเอียด 2484 x 1116 พิกเซล ขนาด 6.31 นิ้ว ความหนาแน่นของพิกเซล 431 PPI (พิกเซลต่อนิ้ว) ให้สีสัน 1.07 พันล้านสี (10-bit) ความสว่างสูงสุด 2800 นิต รองรับ Dolby Vision และ HDR10+ อัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 10Hz – 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate สูงสุด 240Hz
Snapdragon 8 Gen 2 ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง
ชิปประมวลผลระดับเรือธงเป็นอีกจุดเด่นที่ต้องอ้างถึง เนื่องจากเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานที่ลื่นไหลของ OPPO Find N3 ซึ่งขับเคลื่อนโดย Snapdragon 8 Gen 2 ชิปตัวแรงของ Qualcomm ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร พร้อมการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมจากการออกแบบโครงสร้างภายในให้กระจายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยแผ่น Graphite แบบบานพับคู่ ผสานกับเทคโนโลยีฉนวนกันความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิทั้งภายในและภายนอก
OPPO Find N3 ยังได้รับความจำขนาดใหญ่มาตรฐานใหม่ที่อ่านเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 16GB จับคู่กับ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB และเสริมด้วยเทคโนโลยี Dynamic Computing Engine ของ OPPO ช่วยให้การใช้งานแบบ Multitasking หรือ เปิดแอปพร้อมกันเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถเปิดแอปพลิเคชันไว้เบื้องหลังได้มากกว่า 40 แอป
ด้วยขุมพลังประสิทธิภาพสูงจากชิปประมวลผลระดับเรือธง ระบบระบายความร้อน และ ความจำมาตรฐานใหม่ ทำให้ OPPO Find N3 ตอบสนองการทำงานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดีโอ 4K หรือเล่นเกมระดับ AAA ที่จำเป็นต้องประมวลผลอย่างหนักหน่วง
นอกเหนือจากดีไซน์ที่สวมงามพรีเมียม และ ความเป็นเลิศด้านการถ่ายภาพ OPPO Find N3 ยังมีจอแสดงผลระดับแฟลกชิป ที่รองรับการใช้งานแบบสมาร์ตโฟนทั่วไปบนจอแสดงผลด้านหน้า ให้ประสบการณ์เหนือกว่าแท็บเล็ตบนจอแสดงผลหลัก โดยเฉพาะการใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันในมุมมองแบบไร้ขอบเขต เทียบเท่าหน้าจอขนาด 15 นิ้ว อีกทั้งยังมีชิปประมวลผลที่ทรงพลัง ทำให้ OPPO Find N3 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการอุปกรณ์แท็บเล็ตไว้ทำงานระดับมืออาชีพ แต่พกพาได้อย่างง่ายดาย และยังเป็นสมาร์ตโฟนระดับแฟลกชิป ที่เหนือกว่าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน
OPPO Find N3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในราคา 69,990 บาท พิเศษ! เมื่อสั่งซื้อ OPPO Find N3 รับ Premium Privilege สุดพิเศษ
- Internal Warranty Service เข้ารับบริการที่ศูนย์ Service OPPO ทุกประเทศตามที่บริษัทฯ กำหนด
- Premium Service รับสิทธิ์บริการช่องทางพิเศษ และสายด่วน (Hotline) พร้อมบริการจัดส่งสินค้าปลายทาง
- Refresh Service ติดฟิล์มโทรศัพท์ OPPO Find N3 Series โดยไม่มีค่าใช้จ่ายภายใน 2 ปี (ไม่จำกัดจำนวนครั้ง)
- Screen Replacement Discount รับส่วนลดพิเศษเมื่อเปลี่ยนหน้าจอในครั้งแรกลดสูงสุด 20%
- E-VIP Privilege รับประกันหน้าจอ (ด้านใน – นอก) อย่างละ 1 ครั้ง ภายในระยะเวลาตามที่บริษัทฯ กำหนด
- Special Benefit of Google One & YouTube Premium รับสิทธิ์ทดลองใช้ Google One 100GB ฟรี 6 เดือน + ทดลองใช้ YouTube Premium ฟรี 3 เดือน
- Exclusive Parking for OPPO Find N3 Users สิทธิ์จอดรถพิเศษสำหรับลูกค้า OPPO Find N3 ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตามที่บริษัทฯ กำหนด
พร้อม รับฟรี ของสมนาคุณมูลค่าสูงสุด 41,899 บาท ได้แก่ OPPO Find N3 Protective Set (PU Standing Case & Screen Protector) มูลค่า 1,999 บาท และ E-VIP Card (2 years) มูลค่า 39,900 บาท สำหรับผู้ที่สั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายนนี้ ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ