OPPO เปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด ColorOS 14 (Global Version) พร้อมปล่อยเวอร์ชัน Beta ออกมาแล้ว ส่วนเวอร์ชันเต็ม หรือเวอร์ชันเสถียร จะปล่อยออกมาให้อัปเดตในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน เริ่มจาก OPPO Find N2 Flip เป็นรุ่นแรก
ColorOS เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 600 ล้านรายต่อเดือน และเวอร์ชันล่าสุด ColorOS 14 เป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการแรกๆ ที่ใช้ Android 14 ที่ได้รับการปรับปรุง User Interface ด้วย Aquamorphic Design, เพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI เพื่อมอบประสิทธิภาพที่ราบรื่นเป็นพิเศษ รวมถึงปรับปรุงด้านความปลอดภัย การคุ้มครองความเป็นส่วนตัว และมาพร้อมเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้งานง่าย
Aquamorphic Design
ColorOS 14 ได้รับการออกแบบ User Interface ใหม่ เรียกว่า Aquamorphic Design โดยเน้นการเชื่อมโยงที่กลมกลืนระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี พร้อมด้วยเอฟเฟกต์เสียง ระบบสี การโต้ตอบ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้ประสบการณ์สมาร์ทโฟนที่ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
OPPO ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาระดับมืออาชีพ เพื่อศึกษาการตั้งค่าเสียงของผู้ใช้ และร่วมมือกับทีมออกแบบเสียงชั้นนำของโลก เพื่อนำเอฟเฟกต์เสียงใหม่มาสู่ ColorOS 14 ประกอบด้วย เสียงริงโทนใหม่ในธีม Aquamorphic จำนวน 10 ชุด สำหรับการโทร ปลุก และการแจ้งเตือน
ด้านสีสัน ColorOS 14 มีระบบ Aquamorphic Coloring ที่สามารถปรับให้เข้ากับสถานะ เวลา และคอนเท้นต์บนหน้าจอของสมาร์ทโฟนได้อย่างชาญฉลาด ด้วยการจับคู่สีกับบริบทต่างๆ ทำให้การรับข้อมูลและการทำความเข้าใจมีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายมากขึ้น
ColorOS 14 มาพร้อมดีไซน์ Aqua Dynamics ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบกับอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น ทั้งการโต้ตอบทั่วไปไว้ในรูปแบบฟองอากาศ แคปซูล และกรอบที่ขยายจากแถบสถานะ เพื่อนำเสนอข้อมูลได้อย่างไหลลื่นและผสานกันอย่างเป็นธรรมชาติ
โหมด Always-On Display ใหม่ ถูกเรียกว่า Go Green AOD โดยแสดงฉากที่เป็นธรรมชาติ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการปกป้องสิ่งแวดล้อม
Go Green AOD ประกอบด้วย ฉากสิ่งแวดล้อม 3 ชุด แต่ละชุดประกอบด้วยภาพเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม 5 รายการ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามจำนวนก้าวในแต่ละวันของผู้ใช้ เพื่อสะท้อนถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงจากการเดิน แทนที่จะใช้การขนส่งรูปแบบอื่น
เพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI
ColorOS 14 อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะที่ขับเคลื่อนโดย AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานในแต่ละวัน เช่น Smart Touch ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกคอนเท้นต์ อย่าง ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอจากระบบและแอปของบริษัทอื่น แล้วรวบรวมไว้บน File Dock หรือแม้แต่รวมเป็นบันทึกย่อเดียวด้วยการเลือกและลากโดยคำสั่งท่าทางง่ายๆ
File Dock จะอยู่บนแถบด้านข้างอัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ใช้แชร์คอนเท้นต์ระหว่างแอปได้ง่ายขึ้นผ่านหน้าจอแยก หน้าต่างลอย หรือตัว Dock เอง คอนเท้นต์ต่างๆ สามารถจัดเก็บได้โดยอัตโนมัติใน File Dock และสามารถซิงค์กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน และ แท็บเล็ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
Smart Image Matting เป็นอีกฟีเจอร์ใหม่ที่ขับเคลื่อนโดย AI ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถครอปตัดวัตถุหลายรายการ เช่น บุคคลและสัตว์ออกจากภาพเดียวหรือวิดีโอที่หยุดชั่วคราวได้เป็นครั้งแรกบนสมาร์ทโฟนเครื่องใดก็ได้ ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่ถูกครอปใน File Pocket, File Dock และโหมดแบ่งหน้าจอ รวมถึงแชร์กับเพื่อนๆ หรือใช้ภาพที่ถูกครอปเพื่อปรับแต่งวอลเปเปอร์หรือโปสเตอร์
ประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นเป็นพิเศษด้วย Trinity Engine ที่ได้รับการอัปเดต
Trinity Engine ใน ColorOS 14 ได้รับการอัปเดต เพื่อทำให้สมาร์ทโฟนมีความราบรื่นและเสถียร ด้วยการจัดการทรัพยากรการประมวลผล หน่วยความจำ และ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็น 3 หัวใจหลักของ Trinity Engine ได้แก่ ROM Vitalization, RAM Vitalization และ CPU Vitalization
ROM Vitalization สามารถเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำได้โดยการบีบอัดข้อมูลแอปและข้อมูลไฟล์ ซึ่งสามารถประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 20GB
RAM Vitalization สามารถเร่งประสิทธิภาพของหน่วยความจำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกัน และทำให้แอปต่างๆ ยังคงอยู่ในพื้นหลังมากขึ้น ด้วยการสร้างกลไก RAM พื้นฐานของ Android ขึ้นมาใหม่ และใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ OPPO ทำให้ RAM Vitalization สามารถเพิ่มความลื่นไหลในการใช้งานได้ 10% และให้แอปที่ใช้บ่อยทำงานอยู่ในพื้นหลังได้นานถึง 72 ชั่วโมง ผู้ใช้สามารถสลับแอปได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
CPU Vitalization เป็นเทคโนโลยีการกำหนดเวลาพลังงานการประมวลผลระดับระบบชั้นนำของอุตสาหกรรมของ OPPO ประกอบด้วย โมเดลพลังการประมวลผลที่ซับซ้อน ซึ่งสามารถกำหนดเวลาทรัพยากรพลังงานได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันก็กำหนดสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเปลืองแบตเตอรี่
ColorOS 14 ยังมีฟีเจอร์ Smart Charging ซึ่งเป็นอัลกอริทึม AI ที่สามารถปรับกระแสการชาร์จได้โดยอัตโนมัติตามสถานะการใช้งานของสมาร์ทโฟน เพื่อช่วยป้องกันการสึกหรอของแบตเตอรี่โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Arctic Mode ยังมี 2 ตัวเลือก ให้ผู้ใช้งานเลือกตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
ความปลอดภัยและการปกป้องความเป็นส่วนตัว
ColorOS 14 ผสานความสามารถด้านความเป็นส่วนตัวพื้นฐานของ Android 14 และแนะนำฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Picture Keeper ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้แอปใช้การอนุญาตสำหรับรูปภาพหรือวิดีโอส่วนตัวในอุปกรณ์ไปในทางที่ผิด แอปพลิเคชันต่างๆ ต้องได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงรูปภาพหรือวิดีโอที่เลือกในแต่ละครั้ง เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานการจัดการสิทธิ์ใหม่ โดย ColorOS เป็นที่ยอมรับด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ จากหลายองค์กรชั้นนำ เช่น ISO, ePrivacy และ TrustArc
รายชื่ออุปกรณ์ที่รองรับ ColorOS 14 (Global Version) และกำหนดการอัปเดต
ColorOS 14 เวอร์ชัน Beta สำหรับอุปกรณ์ Global Version เวอร์ปล่อยออกมาแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนเวอร์ชันเต็ม หรือเวอร์ชันเสถียร จะปล่อยออกมาให้อัปเดตในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน เริ่มจาก OPPO Find N2 Flip เป็นรุ่นแรก
ที่มา – OPPO