Apple กำลังทดสอบซอฟต์แวร์ iOS 17.2 ซึ่งจะเป็นการอัปเดตครั้งสำคัญครั้งที่ 2 ของ iOS 17 นับตั้งแต่ปล่อยออกมาในเดือนกันยายนที่ผ่านมา และคาดว่าผู้ใช้งานทั่วไปจะได้รับการติดตั้ง iOS 17.2 ภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะนำฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่างมาสู่ iPhone ส่วนจะมีฟีเจอร์อะไรบ้างเราสรุปมาให้แล้ว
แอป Journal
Journal เป็นแอปใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ได้ทบทวนและชื่นชมกับช่วงเวลาดีๆ ในชีวิต ซึ่งพบว่าสามารถช่วยให้มีสุขภาวะดีขึ้นได้ การใช้ Machine Learning บนอุปกรณ์ ทำให้สามารถแสดงคำแนะนำที่ปรับตามผู้ใช้ได้ เพื่อช่วยมอบแรงบันดาลใจด้านการจดบันทึก
คำแนะนำต่างๆ สร้างขึ้นอย่างชาญฉลาดจากข้อมูลกิจกรรมที่ทำล่าสุด เช่น รูปภาพ ผู้คน สถานที่ การออกกำลังกาย และอื่นๆ ทำให้เริ่มเขียนบันทึกได้ง่าน และยังสามารถเปิดการแจ้งเตือนแบบตั้งเวลา เพื่อสร้างกิจวัตรในการจดบันทึกได้อีกด้วย
แอป Journal สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้จึงมีความสามารถในการล็อคแอป ใช้การประมวลผลบนอุปกรณ์ และมีใช้การเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทำให้ผู้อื่นรวมทั้ง Apple ไม่สามารถเข้าถึงบันทึกของผู้ใช้ได้
สติกเกอร์ Reactions ในแอป Messages
iOS 17.2 ช่วยให้ผู้ใช้งานตอบกลับข้อความในแอป Messages ด้วยสติกเกอร์ Reactions เพียงแตะที่ฟองอากาศของข้อความในแชทค้างไว้ แล้วเลือก Add Sticker
การถ่ายวิดีโอแบบ Spatial Video
ฟีเจอร์ใหม่นี้จะพบได้เฉพาะ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max หลังจาก iPhone ทั้ง 2 รุ่น อัปเดตเป็น iOS 17.2 จะสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Spatial Video ในความละเอียด 1080p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที โดยวิดีโอที่ถูกบันทึกในรูปแบบ Spatial Video จะช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในจุดที่ถ่ายภาพหรือวิดีโออีกครั้ง แต่ต้องเปิดดูผ่าน Apple Vision Pro เท่านั้น
Apple Music
ฟีเจอร์ Collaborative Playlists ช่วยให้สมาชิก Apple Music สามารถสร้าง Playlists และเชิญให้เพื่อนๆ สามารถเข้ามาแก้ไข Playlists เดียวกันได้ ซึ่งใครที่เข้ามาแก้ไข Playlists ก็จะแสดงรูปโปรไฟล์กำกับไว้ด้านข้างแทร็ก อีกทั้งยังสามารถใช้อีโมจิเพื่อโต้ตอบกับเพลงใน Playlists ได้ด้วย
เพลงในแอป Apple Music ที่ผู้ใช้งานเพิ่มเป็นรายการโปรด จะถูกรวมไว้ใน Playlist – Favorites
ตัวกรอง Listening History Focus ใน Apple Music มีไว้ในกรณีที่มีบุคคลอื่นมาขอฟังเพลงใน iPhone เพื่อป้องกันไม่ให้รายการเพลงที่คนอื่นมาฟัง ส่งผลต่อการแนะนำเพลงในอนาคตของ Apple Music
เปิดใช้แอป Translate ในปุ่ม Action
แอป Translate เป็น 1 ใน 9 ฟังก์ชันหลัก ที่สามารถเปิดใช้งานได้ทันทีจากปุ่ม Action ใหม่ของ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max แต่จะสามารถใช้งานได้ หลังจากอัปเดตเป็น iOS 17.2
หลังจากอัปเดต iOS 17.2 ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปที่แอป Settings > Action Button แล้วปัดหน้าจอไปจนถึงฟังก็ชัน Translate เพื่อกำหนดปุ่ม Action ให้เรียกใช้งานแอป Translate จากนั้นจะสามารถกดปุ่ม Action เพื่อแปลภาษาจากเสียงพูดได้ โดยต้องไปตั้งค่าภาษาที่ต้องการแปลในแอป Translate
iMessage Contact Key Verification
ฟีเจอร์ iMessage Contact Key Verification ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามดิจิทัล โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่เป็นนักข่าว นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลสาธารณะ ที่มีโอกาสตกเป็นเป้าการโจมตีทางดิจิทัล
iMessage Contact Key Verification ช่วยให้เจ้าของอุปกรณ์ สามารถตรวจสอบได้ว่าพวกเขากำลังส่งข้อความถึงบุคคลที่พวกเขาตั้งใจส่งข้อความถึง แทนที่จะเป็นผู้ประสงค์ร้ายที่ดักฟังข้อความหรือดักฟังการสนทนา ในการสนทนาระหว่างคน 2 คนขึ้นไป ที่เปิดใช้งาน iMessage Contact Key Verification โดย Apple จะส่งการแจ้งเตือนหากเซิร์ฟเวอร์ Cloud ถูกเจาะระบบ และการสนทนามีความเสี่ยงที่จะถูกละเมิด
Messages in iCloud
Messages ในแอป Settings > iCloud จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Messages in iCloud โดยจะแสดงจำนวนพื้นที่เก็บข้อมูลทั้งหมดที่ข้อความใช้ จำนวนข้อความที่ซิงค์กับ iCloud และเวลาของการซิงค์ครั้งล่าสุด นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือก “Sync Now” เพื่อกระตุ้นให้ซิงค์ทันที
Local Awareness
Notifications & Emergency Alerts ในแอป Settings มีตัวเลือกใหม่ Local Awareness เพื่อปรับปรุงความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือของการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินในท้องถิ่น และแจ้งเตือนผู้ใช้งานได้รวดเร็วขึ้น เมื่อเกิดเหตุในพื้นที่ที่กำลังใช้งาน
วิดเจ็ตใหม่สำหรับแอป Weather
แอป Weather ได้รับวิดเจ็ตใหม่ๆ ได้แก่ Details, Daily Forecast, Sunrise/Sunset โดย Details จะให้ข้อมูลทั่วไป เช่น โอกาสที่ฝนจะตก, ดัชนี UV, ความเร็วลม และ คุณภาพอากาศ Daily Forecast นำเสนอสภาพอากาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และ Sunrise/Sunset แสดงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกในแต่ละวัน
ขยายฟีเจอร์ Sensitive Content Warning ให้ครอบคลุมมากขึ้น
iOS 17.2 ได้ขยายฟีเจอร์ Sensitive Content Warning ไปใช้กับสติกเกอร์ในแอป Messages สามารถตรวจจับสติกเกอร์ที่อาจมีภาพเปลือยและเบลอสติกเกอร์ก่อนที่จะมองเห็น และยังใช้งานได้กับ Contact Posters ในแอป Contacts อีกด้วย จากเดิมที่ใช้ได้ในแอป Phone เท่านั้น
Sensitive Content Warning หรือ คำเตือนเนื้อหาที่ละเอียดอ่อน เริ่มนำมาใช้กับ iOS 17 เวอร์ชันแรก ช่วยให้ผู้ใช้ iPhone สามารถหลีกเลี่ยงการเห็นภาพเปลือยหรือวิดีโอลามกที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจได้รับทางแอป Messages, AirDrop, ข้อความ FaceTime แบบวิดีโอ รวมถึงเมื่อได้รับ Contact Posters ในแอป Phone โดยผู้ใช้สามารถเลือกเปิด Sensitive Content Warning ได้ในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
ที่มา – MacRumors