หลังจากส่งเกมมิ่งสมาร์ตโฟนราคาเข้าถึงง่ายมาหลายรุ่น ล่าสุด Infinix แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับโลกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ก็ขยับมาเอาใจสาย Vlog ด้วย Infinix ZERO 30 5G สมาร์ทโฟนที่มีกล้องหน้าความละเอียดสูง รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS สมกับสโลแกน “Capture Your Own Story – เก็บทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณ” อีกทั้งยังมีดีไซน์พรีเมียม หน้าจอขอบโค้ง 3D สเปกแรง สามารถขยายความจำ RAM ได้สูงสุด 21GB
สเปก Infinix ZERO 30 5G
- จอแสดงผล 3D Curved AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว รีเฟรชเรท 144Hz
- กล้องหลัง 108MP Triple Camera
- กล้องหน้า 50MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8020
- ความจำ RAM 12GB (LPDDR4X) + ROM 256GB (UFS 3.1)
- รองรับ Extended RAM สูงสุด 9GB
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth, NFC, USB Type-C, OTG
- เซ็นเซอร์ G-sensor, Gyroscope, Proximity, Light Sensor, E-compass
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)
- ระบบปฏิบัติการ Android 13
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 68W
- ขนาดตัวเครื่อง 164.51 x 75.03 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 185 กรัม
- มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Golden Hour, Rome Green และ Fantasy Purple
ดีไซน์สวยงามพรีเมียม
Infinix ZERO 30 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ได้รับการออกแบบมาเหมือนกับสมาร์ตโฟนระดับเรือธง โดยเฉพาะจอแสดงผลแบบขอบโค้ง 3D ที่มีกรอบบางเฉียบ 2.8 มิลลิเมตร และยังได้รับการป้องกันด้วยกระจก Gorilla ของ Corning ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้มีความทนทานและแข็งแกร่งเป็นพิเศษ
จอแสดงผลของ Infinix ZERO 30 5G ซ่อนกล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล ไว้ในหลุมเล็กๆ ซึ่งมีไฮไลท์ที่การถ่ายวิดีโอ รองรับความละเอียด 4K อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที ขณะที่สมาร์ตโฟนในเซกเมนต์เดียวกันทำได้ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และpy’มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ แบบเดียวกับที่พบในสมาร์ตโฟนเรือธง
ด้านหลังมีกรอบกันชนกล้องขนาดใหญ่ทำให้ดูโดดเด่น ภายในติดตั้งกล้อง 3 ตัว นำโดยกล้องหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล และยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (Optical Image Stabilization) พร้อมแฟลช LED แบบวงแหวน
ส่วนขอบด้านข้างมีความบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร วางปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเพาเวอร์ ไว้ข้างเดียวกัน
อีกข้างไม่มีปุ่มหรือช่องใดๆ ซึ่งน่าจะถูกใจผู้ใช้งานที่ชอบวางตัวเครื่องในแนวนอนเพื่อรับชมวิดีโอ มุมมองด้านบนพบลำโพงสเตอริโอ (ขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านล่าง) ไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และ ข้อความ Powered by Infinix
ด้านล่างพบกับลำโพงตัวหลัก พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ไมโครโฟนตัวหลัก และ ถาดใส่ซิมการ์ด Dual Nano-SIM (ไม่รองรับการ์ด microSD) นอกเหนือจากดีไซน์ที่สวยงามพรีเมียม Infinix ZERO 30 5G ยังได้รับมาตรฐานป้องกันฝุ่น IP5X และทนน้ำ IPX3 เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ต้านทานเหงื่อและละอองน้ำได้อย่างสบายใจ
จอแสดงผล 3D Curved AMOLED รีเฟรชเรท 144Hz
Infinix ZERO 30 5G มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความลึกสี 10-bit ให้สีสันมากกว่า 1 พันล้านสี ความสว่างสูงสุด 950 นิต รองรับขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 100% ให้อัตราการรีเฟรซสูงสุด 144Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส 360Hz ปกป้องดวงตาด้วยเทคโนโลยีปรับลดแสง PWM (Pulse Width Modulation) ที่ความถี่สูง 2160Hz และได้รับการรับรองด้านถนอมสายตาโดย TÜV Rheinland
นอกจากนี้ จอแสดงผลของ Infinix ZERO 30 5G ยังให้ภาพลักษณ์ที่หรูหรา ด้วยดีไซน์แบบขอบโค้ง 3D (ขอบมุมโค้งมน 60 องศา) มีกรอบหน้าจอที่บางเฉียบ 2.8 มิลลิเมตร ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 92.7% และฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้หน้าจอ แบบเดียวกับที่พบในสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 234 มิลลิวินาที
กล้องหน้า 50MP Selfie Camera
กล้องหน้าถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Infinix ZERO 30 5G โดยมีความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL JN1 ของ Samsung ขนาด 1/2.76 นิ้ว ชุดเลนส์ 5P รูรับแสง F2.45 และรองรับระบบออโต้โฟกัส PDAF (Phase Detection Auto Focus)
โหมด Video ของกล้องหน้า รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที เหมาะสำหรับสาย Vlog เนื่องจากคู่แข่งในระดับเดียวกัน ส่วนใหญ่รองรับ 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที อีกทั้งยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว EIS แต่ความละเอียดจะลดลงมาที่ Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และอีกฟีเจอร์ที่ถูกใจสาย Vlog ก็คือ Dual View Video สามารถถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกัน
Infinix ZERO 30 5G รองรับโหมด Movie Filter สำหรับถ่ายวิดีโอในอัตราส่วนภาพ 2.35:1 แบบเดียวกับภาพยนตร์ และยังซ่อนแฟลช Dual Micro-slit เอาไว้ด้วยที่ขอบหน้าจอ ช่วยเพิ่มความสว่างในการถ่ายภาพหรือวิดีโอในที่แสงน้อย
กล้องหลัก 108MP
กล้องหลังของ Infinix ZERO 30 5G ประกอบด้วยกล้องหลัก ความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยีการซูมแบบ In-sensor ซูมได้สูงสุด 3 เท่า ให้รายละเอียดคมชัดกว่าการซูมแบบดิจิตอลทั่วไป เนื่องจากใช้เทคนิคการซูมตั้งแต่เซ็นเซอร์ จึงไม่ทำลายรายละเอียดบนภาพถ่ายที่ถูกซูม มีระบบออโต้โฟกัส PDAF (Phase Detection Auto Focus) มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และ EIS ถัดลงมาเป็นกล้อง Ultra Wide สำหรับเก็บภาพในมุมมองกว้างพิเศษ และ ยังมีกล้อง Depth ช่วยถ่ายภาพในโหมด Portrait
- กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ ISOCELL HM6 ขนาด 1/1.67 นิ้ว ชุดเลนส์ 1G+5P รูรับแสง F1.65
- กล้อง Ultra Wide 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 ให้มุมมองกว้าง 120 องศา
- กล้อง Depth 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4
โหมด Video ของกล้องหลัง รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที สามารถใช้กล้อง Ultra Wide ถ่ายวิดีโอ 4K ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที แต่ถ้าเปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหว ความละเอียดจะลดลงมาที่ Full HD 1080p ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และรองรับโหมด Slo-mo สูงสุด HD 720p ที่อัตรา 240 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่าย
ประสิทธิภาพ
Infinix ZERO 30 5G ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 8020 5G ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนกระบวนการผลิตระดับ 6 นาโนเมตร ของ TSMC ที่มี CPU แบบ 64-bit Octa Core ประกอบด้วย Arm Cortex-A78 ความเร็วสูงสุด 2.6GHz (4-core) + Arm Cortex-A55 ความเร็วสูงสุด 2GHz (4-core) และ GPU ของ Arm Mali-G77
ด้านความจำ ได้รับ RAM แบบ LPDDR4X จับคู่กับ ROM แบบ UFS 3.1 มี 2 ตัวเลือก ได้แก่ RAM 12GB และ RAM 8GB โดยสามารถขยายความจำ RAM ได้อีก 9GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 21GB (สำหรับรุ่น RAM 12GB) และไม่ว่าจะเลือก RAM ขนาดเท่าไร ทั้ง 2 ตัวเลือก ก็มีความจุ ROM เท่ากัน 256GB
เทคโนโลยี UPS
Infinix ZERO 30 5G สนับสนุนการเชื่อมต่อไร้สายมาตรฐานใหม่ทั้ง 5G และ Wi-Fi 6 นอกจากนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยี UPS เพื่อปรับปรุงสัญญาณไร้สายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในที่หนาแน่น เช่น ในลิฟต์, สนามบิน รวมถึงใช้งานในพื้นที่ที่สัญญาณมือถืออยู่ในระดับต่ำ
เทคโนโลยี UPS ช่วยเพิ่มความแรงของสัญญาณมือถือได้สูงสุด 30% และเพิ่มความแรงของสัญญาณ Wi-Fi ได้สูงสุดถึง 100% เมื่อใช้งานในโหมดแนวนอน ทำให้การเล่นเกมออนไลน์มีความเสถียร ไม่สะดุด และรับชมวิดีโอหรือภาพยนตร์ในรูบแบบสตรีมมิ่งได้อย่างราบรื่น
ชาร์จเร็ว 68W
ถึงแม้จะมีดัไซน์บางเพียง 7.9 มิลลิเมตร แต่ Infinix ZERO 30 5G ก็มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh จึงรองรับการใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 68W สามารถชาร์จถึงระดับ 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที แถมหัวชาร์จ 68W Power Adapter มาให้แล้วในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม รวมถึงสายชาร์จ USB-A to USB-C
นอกจากนี้ Infinix ZERO 30 5G ยังมีระบบระบายความร้อนด้วย VC ขนาดใหญ่ 3,100 ตารางมิลลิเมตร และมีวัสดุทำความเย็นอยู่ทั้งหมด 11 ชั้น ช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุดถึง 7 องศาเซลเซียส ช่วยควบคุมอุณหภูมิขณะชาร์จแบตเตอรี่ และในระหว่างที่เครื่องทำงานหนัก
สรุปราคาและการจำหน่าย
Infinix ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นจากสมาร์ตโฟนรุ่นก่อนๆ ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยในฐานะสมาร์ตโฟนที่เน้นเล่นเกมสำหรับผู้ใช้งานระดับเริ่มต้น แต่ Infinix ZERO 30 5G เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงดีไซน์ที่มีความสวยงามพรีเมียม เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ให้ประสบการณ์แบบเรือธง
Infinix ZERO 30 5G โดดเด่นที่กล้องความละเอียดสูง รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการถ่าย Vlog หรือสร้างคอนเท้นต์ลงแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ อีกทั้งยังมีดีไซน์หรูหรา จอแสดงผลขอบโค้ง 3D ให้สีสันสวยงามคมชัด ประสิทธิภาพลื่นไหลด้วยชิป 5G ระดับ 6nm ความจุสูง แบตใหญ่ และชาร์จไวไม่ต้องรอนาน ทั้งนี้ Infinix ZERO 30 5G เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้ว ราคาเพียง 11,990 บาท แต่มีส่วนลดอีกเมื่อสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของ Infinix บนแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee