Apple แนะนำหูฟังไร้สาย AirPods Pro รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นการรีเฟรชเวอร์ชันก่อนที่เปิดตัวในปีที่แล้ว โดยรุ่นใหม่มาพร้อมการชาร์จด้วย MagSafe (USB-C) เพิ่มความสามารถในการทนฝุ่นที่ระดับ IP54 รองรับการใช้งานแบบสมบุกสมบัน ขณะที่ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 2 เท่า (เมื่อเทียบกับรุ่นแรก) และสนับสนุนระบบเสียงตามตำแหน่ง Spatial Audio นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อะไรที่ที่น่าสนใจอีกบ้าง ทีมงาน @Flashfly พร้อมรีวิวให้ชมแล้ว
สเปก AirPods Pro รุ่นที่ 2 (USB-C)
- ไดรเวอร์ High-excursion แบบเฉพาะของ Apple
- ตัวขยายสัญญาณช่วงไดนามิกสูง
- เสียงที่ปรับตามสภาพแวดล้อม (Adaptive Audio)
- ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (Active Noise Cancellation)
- โหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency mode)
- การรับรู้เมื่อมีการสนทนา (Conversation Awareness)
- ระดับเสียงเฉพาะบุคคล (Personalized Volume)
- การลดเสียงดังรบกวน (Loud Noise Reduction)
- ระบบช่องระบายอากาศเพื่อการรักษาแรงดันให้เท่ากัน
- ระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) พร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก
- Equalizer แบบปรับได้เอง (Adaptive EQ)
- ชิป Apple H2 ในหูฟัง, ชิป Apple U1 ในเคสชาร์จ
- เซ็นเซอร์ Skin-detect sensor, Motion-detecting accelerometer, Speech-detecting accelerometer, Touch control
- ไมโครโฟนคู่บีมฟอร์มมิ่ง พร้อมไมโครโฟนหันเข้าด้านใน การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3
- มาตรฐานทนฝุ่น เหงื่อ และน้ำ ระดับ IP54 (ทั้งหูฟังและเคสชาร์จ)
- ฟังได้นานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อใช้งานร่วมกับเคสชาร์จ MagSafe (USB-C)
- เคสรองรับการชาร์จไร้สาย ใช้ได้กับที่ชาร์จ MagSafe, ที่ชาร์จสำหรับ Apple Watch และ เครื่องชาร์จที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Qi
- ขนาดหูฟังแต่ละข้าง 30.9 x 21.8 x 24.0 มิลลิเมตร
- น้ำหนักหูฟัง ข้างละ 5.3 กรัม
- ขนาดเคสชาร์จ 45.2 x 60.6 x 21.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนักเคสชาร์จ 50.8 กรัม
แกะกล่อง AirPods Pro 2 รุ่นใหม่
บรรจุภัณฑ์ของ AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ ดูเหมือนกับรุ่นก่อนที่เปิดตัวในปี 2022 ยังคงใข้กล่องสีขาว บนฝากล่องมีรูปภาพหูฟังทั้ง 2 ข้าง พิมพ์ชื่อ AirPods Pro ไว้ที่ข้างกล่อง ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ระบุไว้ที่ใต้กล่อง
เมื่อพลิกกล่องมาดูข้างใต้ จะเห็นเคสชาร์จที่เปิดฝาไว้ เผยให้เห็นหูฟัง AirPods Pro ที่เก็บอยู่ภายใน ใกล้กันระบุชื่อผลิตภัณฑ์ AirPods Pro (2nd generation) with MagSafe Charging (USB‑C) และมีการซีลกล่องด้วยแถบกระดาษกาวตามขอบด้านบนและด้านล่าง สามารถลอกออกได้อย่างสะดวก
ภายในกล่องจะพบกับซองเอกสารเป็นอย่างแรก ในซองประกอบด้วยคู่มือ และใบรับรองจาก กสทช.
ใต้ซองเอกสารจะพบเคสชาร์จ MagSafe (USB‑C) วางอยู่บนถาดรอง โดยมีแผ่นพลาสติกห่อหุ้มไว้อย่างดี และมีหูฟังอยู่ภายใน
ชั้นล่างแถมจุกหูฟังซิลิโคนมาให้ 6 คู่ ในขนาดแตกต่างกัน ได้แก่ XS, S, L ให้ผู้ใช้งานถอดเปลี่ยนด้วยตัวเอง ส่วนขนาด M ได้รับการติดตั้งมาให้แล้วจากโรงงาน และมีสายชาร์จ USB-C มาให้ 1 เส้น
ทั้งนี้ บรรจุภัณฑ์ของ AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ ใช้เยื่อไม้เป็นหลักอย่างน้อย 90% ซึ่งมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ ภายใต้นโยบายลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของ Apple ที่ต้องการให้ทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิต และวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด มีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ภายในปี 2030
ดีไซน์เคสชาร์จใหม่ มีพอร์ต USB‑C ทนฝุ่นและน้ำ
AirPods Pro รุ่นที่ 2 ได้รับการออกแบบเคสชาร์จใหม่ตั้งแต่ปีที่แล้ว ดังนั้นในปีนี้ จึงมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด ซึ่งก็คือพอร์ตชาร์จด้านล่างที่เปลี่ยนจาก Lightning เป็น USB-C อีกการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแต่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็คือ ความทนทาน
AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ในปีนี้ ได้รับการปรับปรุงให้ทนฝุ่นได้ จากเดิมที่ป้องกันน้ำได้เท่านั้น โดยรองรับมาตรฐาน IP54 ทั้งเคสชาร์จและหูฟัง ด้านขนาดและน้ำหนักทั้งเคสชาร์จและหูฟัง AirPods Pro 2 (USB‑C) ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากดีไซน์ส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม เปลี่ยนเฉพาะพอร์ตชาร์จเท่านั่น และยังคงมีให้เลือกเฉพาะสีขาว
ข้อดีของเคสชาร์จ AirPods Pro 2 คือมีการเพิ่มลำโพงมาให้ที่ด้านล่างตั้งแต่ปีก่อน จึงสามารถส่งเสียงได้ เมื่อผู้ใช้งานตามหาผ่านแอป Find My โดยใช้ชิป U1 ที่ติดตั้งอยู่ภายใน ช่วยในการระบุทิศทางและค้นหาตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
ด้านข้างของเคสชาร์จ มีการติดห่วงโลหะมาให้ สำหรับร้อยสายคล้องมือ หรือ จะผูกไว้กับกระเป๋า พวงกุญแจ ก็แล้วแต่ตามความสะดวก
เคสชาร์จของ AirPods Pro 2 ใหม่ ยังรองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe หรือจะชาร์จร่วมกับที่ชาร์จของ Apple Watch ก็ได้เช่นกัน รวมไปถึงแท่นชาร์จไร้สายที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Qi
สำหรับหูฟังทั้ง 2 ข้าง ของ AirPods Pro 2 ใหม่ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ แต่ของเดิมก็ออกแบบมาได้อย่างดีอยู่แล้ว ด้วยขนาดกะทัดรัด สวมใส่สบาย ไม่หลุดหล่นง่าย และเข้ากันได้ดีกับช่องหูของคนส่วนใหญ่ เนื่องจากแถมจุกหูฟังซิลิโคนมาให้ 4 คู่ ในขนาด XS, S, M และ L โดยขนาด M ถูกติดตั้งมาให้อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่พอดีก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายๆ
หูฟัง AirPods Pro 2 ใหม่ รองรับการควบคุมด้วยการสัมผัส ตามคำสั่งต่อไปนี้
- บีบหนึ่งครั้ง เพื่อเล่นหรือหยุดพักสื่อ รับสาย ปิดเสียงหรือเปิดเสียง
- บีบสองครั้ง เพื่อข้ามไปข้างหน้า หรือวางสาย
- บีบสามครั้ง เพื่อย้อนกลับไปข้างหลัง
- บีบค้างไว้ เพื่อสลับระหว่างโหมดการฟัง
- เลื่อนขึ้นหรือลงเพื่อปรับระดับเสียง
นอกจากการสัมผัส ยังสามารถควบคุมด้วยเสียง เพียงพูดว่า “หวัดดี Siri” เพื่อทำสิ่งต่างๆ อย่างเล่นเพลง โทรออก หรือเรียกดูเส้นทาง เช่นเดียวกับเคสชาร์จ หูฟังทั้ง 2 ข้าง ของ AirPods Pro 2 ใหม่ ก็ได้รับมาตรฐานทนฝุ่นเพิ่มเติม IP54 จากเดิมที่ป้องกันได้เฉพาะน้ำ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ใช้งานที่รักการผจญภัย สายแคมป์ปิ้ง และทำกิจกรรมกลางแจ้ง
เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม Apple จึงใช้วัสดุที่มีความยั่งยืน ทำให้ส่วนประกอบหลายชิ้นของ AirPods Pro 2 ใหม่ มีพลาสติกที่ผ่านการรีไซเคิลอย่างน้อย 35%, ใช้ดีบุกรีไซเคิล 100% ในโลหะบัดกรีของแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น, การเคลือบแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้นใช้ทองคำรีไซเคิล 100%, แม่เหล็กทุกชิ้นใช้แร่โลหะหายากรีไซเคิล 100% และ บานพับของเคสชาร์จ MagSafe ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%
เพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยพอร์ตชาร์จ USB-C
ความพิเศษของเคสชาร์จ AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ คือ พอร์ตชาร์จ USB-C ที่ปรับให้สอดคล้องกับ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C เช่นกัน และยังสามารถใช้ iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ชาร์จแบตเตอรี่ให้ AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ ได้โดยตรง เพียงเชื่อมต่อกันด้วยสาย USB-C ช่วยเพิ่มความสะดวกในการพกพา โดยใช้สายชาร์จเส้นเดียวกัน
Adaptive Audio
AirPods Pro รุ่นที่ 2 ได้รับฟีเจอร์ใหม่ Adaptive Audio โหมดการฟังเสียงแบบใหม่ที่ผสมผสานโหมดฟังเสียงภายนอก (Transparency mode) และการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ (ANC) เข้าไว้ด้วยกันแบบไดนามิก เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุดตามสภาพแวดล้อมของผู้ใช้งานในขณะนั้น
Adaptive Audio ประกอบด้วย Adaptive Mode, Personalized Volume และ Conversation Awareness
- Adaptive Audio – ช่วยปรับแต่งการควบคุมเสียงรบกวนให้เป็นไปอย่างราบรื่นในระหว่างที่ผู้ใช้เคลื่อนไหวไปมาตลอดทั้งวันท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุยของคนในที่ทำงาน เครื่องดูดฝุ่น หรือ เสียงในร้านอาหาร
- Personalized Volume – อาศัยการเรียนรู้ของระบบเพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมและการตั้งค่าการฟังเมื่อเวลาผ่านไป เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การฟังให้ดีขึ้นตามความต้องการของผู้ใช้โดยอัตโนมัติเมื่อใช้งานไปสักระยะ
- Conversation Awareness – ช่วยลดระดับเสียงของหูฟัง และเพิ่มเสียงพูดของคนที่อยู่ตรงหน้าโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งลดเสียงรบกวนรอบข้างไปด้วย เมื่อผู้ใช้เริ่มสนทนากับผู้คนที่อยู่ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยสั้นๆ กับเพื่อนร่วมงาน หรือสั่งกาแฟ
Mute & Unmute
AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานที่ประชุมออนไลน์อยู่เป็นประจำ ด้วยฟีเจอร์ Mute & Unmute หรือ ปิด-เปิดไมโครโฟน ด้วยการแตะที่ก้านหูฟังเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องไปแตะไอคอนไมโครโฟนบนหน้าจอของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออีกต่อไป และถ้าต้องการวางสายให้แตะสองครั้ง
Automatic Switching
ฟีเจอร์ Automatic Switching ให้ความสะดวกมากขึ้นในการใช้งาน AirPods Pro 2 ร่วมกับอุปกรณ์หลายอย่าง ทั้ง iPhone, iPad, Mac โดยหูฟังจะสลับการจับคู่อุปกรณ์ให้อัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น กำลังฟังเพลงบน iPhone ก็สามารถย้ายไปโทรคุยเรื่องงานบน Mac ได้ทันที ซึ่งการสลับอุปกรณ์อัตโนมัติ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
สรุปราคาและการจำหน่าย
AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ ได้รับการอัปเกรดมาจากเวอร์ชันก่อนที่เปิดตัวในปีที่แล้ว ดังนั้น ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดเสียงรบกวน ANC ที่ดีกว่ารุ่นแรก 2 เท่า, ระบบเสียงตามตำแหน่ง (Spatial Audio) พร้อมด้วยการติดตามศีรษะแบบไดนามิก และ Equalizer แบบปรับได้เอง (Adaptive EQ) จึงถูกถ่ายทอดมาถึงรุ่นใหม่ล่าสุดด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม AirPods Pro 2 รุ่นใหม่ ยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นทั้งความทนทานที่กันฝุ่นและน้ำได้ในระดับ IP54 เปลี่ยนมาใช้พอร์ตชาร์จ USB-C ที่สามารถรับพลังงานจาก iPhone 15 ได้โดยตรงผ่านสาย USB-C ด้านซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ ก็ทำให้ประสบการณ์โหมดการฟังถูกยกระดับขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะ Adaptive Audio ที่มีความฉลาดมากขึ้น สามารถเพิ่มและลดระดับเสียงได้อัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม และเมื่อผู้ใช้เริ่มสนทนา จึงไม่จำเป็นต้องถอดหูฟังออกเพื่อพูดคุยกับคนรอบข้าง
สรุปแล้ว AirPods Pro (รุ่นที่ 2) พร้อมเคสชาร์จ MagSafe (USB-C) ถือเป็นหูฟังไร้สายระดับโปร ที่ฉลาดและน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น สำหรับเจ้าของ AirPods Pro รุ่นแรก ถึงเวลาแล้วที่จะอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่ และยังเหมาะสำหรับผู้ใช้ AirPods รุ่นมาตรฐาน ที่ต้องการอัปเกรดหูฟังให้ทันสมัยมากขึ้น ทั้งนี้ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ที่มาพร้อมเคสชาร์จ MagSafe (USB-C) จะวางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท