Apple พร้อมทำตลาด Apple Watch Series 9 อย่างทางการในไทยแล้ว โดยเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยวัสดุรีไซเคิลทั้งตัวเรือน สาย และ กล่อง อีกทั้งยังใช้พลังงานสะอาดในการผลิต นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพ ด้วยจอภาพที่สว่างมากขึ้น ชิปรุ่นใหม่ ทำให้รองรับความสามารถใหม่ๆ เพียบ สมกับเป็นนาฬิกาที่ล้ำหน้า และได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
สเปก Apple Watch Series 9
- จอภาพ LTPO OLED Retina ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต
- ชิป SiP รุ่น S9, ชิประบบไร้สาย W3 และ ชิป Ultra Wideband รุ่นที่ 2, Neural Engine แบบ 4-core
- ความจุ 64GB ทั้งรุ่น GPS + Cellular และ GPS
- เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3, มาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด, เข็มทิศ, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง, ไจโรสโคปแบบช่วงไดนามิกสูง, เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ, เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ, คำสั่งนิ้ว “แตะสองครั้ง”
- ตรวจจับการชนกัน, ตรวจจับการล้ม, ตรวจสอบเสียงรบกวน, ติดตามการเดินด้วยเข็มทิศ, ตรวจวัดอุณหภูมิ (ทำงานร่วมกับการติดตามรอบเดือน)
- ระบบนำทาง GPS (L1), GLONASS, Galileo, QZSS และ BeiDou
- ลำโพงและไมโครโฟนในตัว
- SOS ฉุกเฉิน, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก, การใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ
- ผ่านการรับรองทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร และทนฝุ่นที่ระดับ IP6X
- การเชื่อมต่อรุ่น GPS: Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
- การเชื่อมต่อรุ่น GPS + Cellular: 4G LTE, 3G UMTS, Wi-Fi 802.11b/g/n (2.4/5GHz), Bluetooth 5.3
- แบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้อายุการใช้งานนานสูงสุด 36 ชั่วโมง (โหมดประหยัดพลังงาน)
- ขนาดตัวเรือน (45 มม.) 45 x 38 x 10.7 มม.
- น้ำหนัก (45 มม.) 38.7 กรัม (อะลูมิเนียม)
แกะกล่อง Apple Watch Series 9
กล่อง Apple Watch Series 9 ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากกล่องของ Apple Watch Series 8 ยังคงเป็นกล่องรูปทรงแท่งสีขาวแบนๆ แต่ที่สะดุดตาก็คือมีโลโก้ใบไม้สีเขียวเพิ่มเข้ามา (โลโก้ Carbon Neutral ของ Apple) เพื่อบ่งบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน
เมื่อแกะกระดาษห่อหุ้มชั้นนอกกล่องออกไป จะพบว่าภายในแบ่งออกเป็น 2 กล่อง โดยกล่องบนพิมพ์รูปภาพด้านหน้าของ Apple Watch อีกกล่องพิมพ์รูปภาพสาย Apple Watch บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าแต่ละกล่องเก็บอะไรไว้
กล่อง Apple Watch Series 9 ถูกปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวตรงขอบกล่องทั้ง 2 ด้าน เมื่อลอกแถบกระดาษกาวออกไป จะสามารถยกฝากล่องขึ้นได้อย่างง่ายดาย และภายในกล่องจะพบกับตัวเรือน Apple Watch วางแยกช่องกับซองเอกสารต่างๆ
ภายในกล่อง Apple Watch Series 9 แถมสายชาร์จแบบแม่เหล็กที่ใช้พอร์ต USB-C โดยมีการปรับปรุงสายใหม่เป็นแบบสายถักที่ให้ความทนทานมากกว่าเดิม สำหรับกล่องเก็บสาย Apple Watch ก็ถูกปิดผนึกด้วยแถบกระดาษกาวเช่นกัน ภายในมีแผ่นพับแนะนำวิธีการติดตั้งสายกับตัวเรือน โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ Apple Watch Series 9 รุ่น 45 มม. ตัวเรือนอะลูมิเนียม สีมิดไนท์ มารีวิว ซึ่งมาพร้อมสาย Sport Loop สีมิดไนท์เช่นกัน
ทั้งนี้ กล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับ Apple Watch และสาย ถือเป็นครั้งแรกของ Apple ที่ทำมาจากเยื่อไม้ 100% ตามนโยบายของ Apple ที่ตั้งเป้างดใช้พลาสติกในกล่องบรรจุภัณฑ์ภายในปี 2025
ดีไซน์รักษ์โลก
Apple Watch รุ่นใหม่ในปีนี้ ถือเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ Apple ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งรวมถึง Apple Watch Series 9 ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาด 100% ในกระบวนการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุด 3 แหล่ง ได้แก่ วัสดุ ไฟฟ้า และ การขนส่ง นอกเหนือจากการผลิตที่ใช้พลังงานสะอาดให้มากที่สุด ตัวเรือนของ Apple Watch Series 9 ก็ใช้วัสดุอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ขณะที่แบตเตอรี่ใน Apple Watch Series 9 ก็เป็นครั้งแรกของ Apple ที่ใช้โคบอลต์รีไซเคิล 100%
เพื่อลดผลกระทบต่อโลกให้มากยิ่งขึ้น Apple ตัดสินใจยุติการใช้หนังสัตว์ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมถึงสาย Apple Watch แต่ได้ออกสายใหม่มาทดแทนด้วยสายแบบ Magnetic Link และ Modern Buckle สำหรับสาย Sport Loop ก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยการใช้เส้นใยรีไซเคิล 82% ซึ่งบางส่วนทำมาจากแหอวนที่ถูกทิ้ง
ตัวเรือน Apple Watch Series 9 มีให้เลือก 2 ขนาด 41 มม. และ 45 มม. ทั้ง 2 ขนาด มีวัสดุให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ อะลูมิเนียม และ สแตนเลสสตีล โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับตัวเรือนอะลูมิเนียม สีมิดไนท์ ขนาด 45 มม. มารีวิว ซึ่งมีสีชมพูใหม่, สีสตาร์ไลท์, สีเงิน และ รุ่น (PRODUCT)RED ให้เลือกด้วย ส่วนรุ่นสแตนเลสสตีล มาในสีทอง, สีเงิน และ สีกราไฟต์
ดีไซน์โดยรวมของ Apple Watch Series 9 ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ด้านหน้ายังเป็นแบบคริสตัลที่มีความหนาพร้อมฐานที่แบน เพื่อความทนทานต่อการแตกร้าว มาพร้อมกระจกหน้า Ion‑X สำหรับรุ่นอะลูมิเนียม (รุ่นสแตนเลสสตีลใช้ด้านหน้าแบบผลึกแซฟไฟร์)
ฝาหลังใช้วัสดุเซรามิกและผลึกแซฟไฟร์ ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับวัดสุขภาพ ทั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า และ เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3
ด้านข้างตัวเรือนมีความบาง 10.7 มม. ไม่ว่าจะเป็นขนาด 41 มม. หรือ 45 มม. ติดตั้งปุ่ม Digital Crown ตอบสนองแบบสั่นเมื่อถูกหมุน ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน และ ปุ่มกดด้านข้าง
อีกข้างที่ไม่มีปุ่มใดๆ จะพบกับช่องลำโพง เช่นเดียวกับรุ่นก่อน Apple Watch Series 9 ผ่านการรับรองการทนฝุ่นที่ระดับ IP6X และมีความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร ตามมาตรฐาน ISO 22810:2010 ซึ่งหมายถึงรองรับการสวมใส่ระหว่างทำกิจกรรมในน้ำตื้น เช่น ว่ายน้ำในสระหรือทะเล แต่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อสวมใส่ลงไปดำน้ำลึก
หน้าจอสว่างกว่าเดิม 2 เท่า
Apple Watch Series 9 มาพร้อมจอแสดงผล Retina LTPO OLED ความละเอียด 396 x 484 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 1,143 ตร.มม. สำหรับรุ่น 45 มม. และ ความละเอียด 352 x 430 พิกเซล พื้นที่แสดงผล 904 ตร.มม. สำหรับรุ่น 41 มม. รองรับการแสดงผลแบบ Always-On จึงมองเห็นหน้าปัดนาฬิกาอยู่ตลอดเวลา แม้ไม่ได้ยกข้อมือขึ้นมา
จอแสดงผลของ Apple Watch Series 9 ให้ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต สว่างมากกว่าเดิม 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 8 จึงสามารถอ่านหน้าจอในที่กลางแจ้งได้ง่ายและชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังสามารถลดความสว่างให้ต่ำลงเหลือเพียง 1 นิต ช่วยให้มองหน้าจอในที่แสงน้อยหรือในห้องมืดได้อย่างสบายตา และป้องกันแสงแยงตาคนรอบข้างได้ด้วย
Double Tap
มาถึงการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Apple Watch นั่นก็คือฟีเจอร์ Double Tap หรือ แตะสองครั้ง ซึ่งเป็นคำสั่งนิ้วรูปแบบใหม่ที่พบใน Apple Watch Series 9 และ Apple Watch Ultra 2 เท่านั้น ช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมการทำงานบางอย่างได้ง่ายๆ เพียงยกข้อมือขึ้นมาให้หน้าจอสว่าง แล้วแตะนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง 2 ครั้ง ด้วยมือข้างที่สวม Apple Watch
ฟีเจอร์ Double Tap ใน Apple Watch Series 9 สามารถใช้ควบคุมการทำงานได้หลายอย่างตามที่ผู้ใช้งานตั้งค่าไว้ล่วงหน้า เช่น จับเวลา, เล่นหรือหยุดเพลงชั่วคราว, เลื่อนนาฬิกาปลุก, รับและวางสายโทรศัพท์, ถ่ายภาพด้วยรีโมทกล้อง, เปิด Smart Stack จากหน้าปัดนาฬิกา และสามารถเลื่อนผ่านวิดเจ็ตต่างๆ ใน Stack ได้
ทั้งนี้ ฟีเจอร์ Double Tap ขับเคลื่อนด้วย Neural Engine ที่เร็วกว่าเดิม สามารถประมวลผลข้อมูลจากอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ไจโรสโคป เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล และอัลกอริทึมการเรียนรู้ของระบบ คอยตรวจจับการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย และการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนโลหิตเมื่อมือและนิ้วขยับขณะแตะกัน
อย่างไรก็ตาม Apple Watch Series 9 จะสามารถใช้งานฟีเจอร์ Double Tap ได้ หลังจากอัปเดตเป็น watchOS 10.1 ซึ่ง Apple กำลังจะปล่อยออกมาในเร็วๆ นี้ (ปัจจุบันพร้อมใช้งานเฉพาะเวอร์ชัน Beta สำหรับนักพัฒนาเท่านั้น)
Siri ได้รับการอัปเกรด
Siri ใน Apple Watch Series 9 ถูกยกเครื่องใหม่ พร้อมตอบสนองคำสั่งทันที โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Wi-Fi หรือ เครือข่าย มือถือ แต่ต้องเป็นคำสั่งที่สามารถทำงานแบบออฟไลน์ได้เท่านั้น เช่น การเริ่มออกกำลังกาย หรือ ตั้งนาฬิกาจับเวลา และด้วยการอัปเกรด Neural Engine ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังส่งผลให้ Apple Watch Series 9 ฟีเจอร์การป้อนตามคำบอก มีความแม่นยำมากขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับ Apple Watch Series 8
ผู้ใช้ Apple Watch Series 9 ยังสามารถขอให้ Siri เข้าถึงข้อมูลจากแอป Health ได้ทันที หากมีคำถามเกี่ยวกับสุขภาพและฟิตเนส ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถถาม Siri ว่าเมื่อคืนก่อนนอนหลับไปกี่ชั่วโมง, ใกล้จะปิดวงแหวนกิจกรรมได้หรือยัง หรือส อบถามเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดหากมีเครื่องวัดที่เชื่อมต่ออยู่ นอกจากนี้ ยังขอให้ Siri บันทึกข้อมูลสุขภาพจากบน Apple Watch Series 9 ได้ด้วย เช่น ข้อมูลน้ำหนัก ประจำเดือน หรือ ยาที่รับประทาน
Ultra Wideband รุ่นที่ 2
Apple Watch Series 9 ได้รับการปรับปรุงชิป UWB (Ultra Wideband) เป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการค้นหาตำแหน่งที่ตั้งจริง (Precision Finding) ให้ข้อมูลระยะทางและทิศทาง รวมถึงการนำทางไปยัง iPhone ที่จำไม่ได้ว่าวางไว้ที่ไหน ด้วยภาพ การสั่น และ เสียง โดยเฉพาะ iPhone 15 Series ซึ่งใช้ชิป UWB รุ่นที่ 2 เช่นกัน
ชิป Ultra Wideband รุ่นที่ 2 ยังช่วยให้ Apple Watch Series 9 ทำงานร่วมกับ HomePod ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อผู้ใช้ Apple Watch เข้าใกล้ HomePod ที่กำลังเล่นเสียงอยู่ภายในระยะ 4 เมตร Apple Watch Series 9 จะเปิดหน้าจอ Now Playing เพื่อให้ผู้ใช้งานควบคุมการเล่นเพลง แต่ถ้า HomePod ไม่ได้เล่นอะไรอยู่ จะมีการแนะนำสื่อที่ด้านบนของ Smart Stack
ชิปรุ่นใหม่
Apple Watch Series 9 ได้รับชิปรุ่นใหม่ SiP รุ่น S9 ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยโปรเซสเซอร์แบบ 64-bit Dual‑core ช่วยให้ Apple Watch Series 9 มีความสามารถเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งนิ้ว Double Tap, Siri สามารถประมวลผลได้ภายในอุปกรณ์ และมาพร้อมกับ Neural Engine แบบ 4-core ใหม่ที่สามารถประมวลผลงานด้านการเรียนรู้ของระบบได้เร็วกว่า Apple Watch Series 8 สูงสุดถึง 2 เท่า
อายุการใช้งานแบตเตอรี่
ชิป SiP รุ่น S9 ยังช่วยประหยัดพลังงานของ Apple Watch Series 9 ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน 18 ชั่วโมง แต่สามารถยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง ด้วยโหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode) และแถมสายชาร์จเร็วแบบแม่เหล็กเป็น USB-C แบบใหม่ที่เป็นสายถักมาให้ในกล่อง ซึ่งควรใช้คู่กับอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB‑C ขนาด 20W ของ Apple
สรุปราคาและการจำหน่าย
Apple Watch Series 9 ยังคงเป็นนาฬิกาที่ทันสมัย อะไรที่ดีอยู่แล้วในรุ่นก่อน ก็ถูกถ่ายทอดมาในรุ่นใหม่ และได้รับการเพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างคำสั้งนิ้ว หรือ Double Tap ช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมบางฟังก์ชันได้ด้วยมือเดียว ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากเวลามือว่างเพียงข้างเดียว เช่น อีกข้างอาจถือแก้วกาแฟ หรือ หิ้วถุงช้อปปิ้ง ด้านฟีเจอร์ติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายก็ยังคงให้มาครบครันและทำงานได้อย่างแม่นยำเหมือนเคย ขณะที่ดีไซน์โดยรวมไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนมากนัก แต่ผ่านขั้นตอนการผลิตและใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ Apple Watch Series 9 เหมาะสำหรับผู้ใช้ Apple Watch Series 7 หรือรุ่นเก่ากว่า ที่ได้เวลาอัปเกรดเป็นรุ่นใหม่
ทั้งนี้ Apple Watch Series 9 พร้อมให้จับจองแล้ว ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท มีให้เลือก 2 ขนาด 41 มม. และ 45 มม. โดยตัวเรือนอะลูมิเนียมมาในสีชมพูใหม่, สีสตาร์ไลท์, สีมิดไนท์, สีเงิน และ รุ่น (PRODUCT)RED ขณะที่ตัวเรือนสแตนเลสสตีล มี 3 สี ได้แก่ สีทอง, สีเงิน และ สีกราไฟต์
Apple Watch Series 9 ตัวเรือนอะลูมิเนียมทุกเรือน จะได้รับสายแบบ Sport Loop ใหม่ ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยส่วนผสมของเส้นด้ายรีไซเคิลถึง 82%