หลังจากใช้พอร์ต Lightning มาอย่างยาวนานตั้งแต่ iPhone 5 ปี 2012 ในที่สุด Apple ก็ยอมรับพอร์ต USB-C โดยเริ่มนำมาใช้ครั้งแรกกับ iPhone 15 และ iPhone 15 Pro ช่วยให้ iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้ รองรับการใช้งานที่หลากหลายขึ้น ส่วนจะสามารถเชื่อมต่อกับอะไรได้บ้าง? เราได้สรุปมาให้แล้ว
รองรับสายชาร์จตามมาตรฐานสากล
การเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ช่วยให้ iPhone 15 และ iPhone 15 Pro รองรับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ที่เป็นสากลมากขึ้น โดยเฉพาะสายชาร์จแบบ USB-C ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในอุปกรณ์ส่วนใหญ่ จึงสามารถใช้สายชาร์จร่วมกับ Mac และ iPad รุ่นใหม่ๆ ได้ ไม่ต้องพกสายชาร์จหลายเส้นให้วุ่นวาย
เชื่อมต่อกับจอภาพภายนอก
iPhone 15 สามารถส่งภาพออกไปยังจอภาพภายนอกได้โดยตรงและง่ายขึ้น โดยใช้สาย USB-C to HDMI โดยเฉพาะ iPhone 15 Pro ที่มาพร้อมชิป A17 Pro รองรับการเล่นเกมคอนโซล เมื่อต่อจอภาพขนาดใหญ่ ยิ่งช่วยให้การเล่นเกมมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
เปลี่ยน iPhone 15 ให้เป็น Power Bank
iPhone 15 และ iPhone 15 Pro สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นหรือแม้แต่สมาร์ทโฟนรุ่นอื่นได้ เพียงต่อสาย USB-C แต่ความจริงแล้ว Apple ตั้งใจให้ iPhone 15 สามารถจ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์ขนาดเล็ก อย่างเช่น AirPods เนื่องจากสามารถจ่ายไฟได้ประมาณ 4.5W เท่านั้น
ขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในตัว
iPhone ไม่มีช่องใส่การ์ด SD แบบสมาร์ทโฟน Android แต่ด้วยพอร์ต USB-C ทำให้ iPhone 15 และ iPhone 15 Pro สามารถขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับฮาร์ดไดรฟ์ที่ใช้พอร์ต USB-C หรือตัวอ่านการ์ด SD และสามารถเรียกดูไฟล์ได้จากแอป Files ใน iPhone รวมถึงการ
สำหรับผู้ใช้ iPhone 15 Pro ยังสามารถถ่ายวิดีโอ ProRes ที่มีความละเอียด 4K ที่ 60FPS โดยบันทึกวิดีโอไปยังฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกได้โดยตรง ผ่านสาย USB-3 จึงช่วยประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูลในตัว
เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย
พอร์ต USB-C ของ iPhone 15 และ iPhone 15 Pro รองรับอุปกรณ์เสริมพื้นฐานเกือบทุกประเภท โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไดรเวอร์พิเศษหรือตั้งค่าเพิ่มเติม เพียงแค่เสียบก็พร้อมใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นแผงคีย์บอร์ดสำหรับป้อนข้อมูล, คีย์บอร์ดสำหรับสร้างเสียง MIDI ลงแอป GarageBand หรือ ต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสาย LAN เพื่อความเร็วที่สูงและเสถียรกว่า Wi-Fi
ใช้หูฟัง USB-C ร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้
สำหรับผู้ใช้งานที่มีหูฟังแบบ USB-C หรือ วางแผนซื้อ EarPods USB-C ของ Apple จะได้รับประโยชน์มากขึ้น เพราะสามารถใช้หูฟังชุดเดียวกันบน iPad และ Mac ได้ด้วย รวมไปถึงสมาร์ทโฟน Android ที่ใช้พอร์ต USB-C
รองรับ HUB
ผู้ใช้ MacBook ส่วนใหญ่มักมี HUB ติดไว้อยู่เสมอ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยขยายการเชื่อมต่อให้หลากหลายมากขึ้น ช่วยเพิ่มจำนวนพอร์ต USB ให้กับ Mac รองรับการอ่านการ์ด SD หรือบาง HUB ก็พอร์ต HDMI ไว้ต่อจอภาพภายนอก ซึ่งผู้ใช้งานสามารถนำ HUB ที่เป็น USB-C มาต่อกับ iPhone 15 ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ iPhone 15 มีข้อจำกัดด้านความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล เนื่องจากรองรับมาตรฐาน USB 2 จึงมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 480Mbps ไม่ต่างจาก Lightning ที่ใช้ในรุ่นก่อน แต่ iPhone 15 Pro ได้รับมาตรฐาน USB 3 สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้สูงสุด 10Gbps เร็วกว่าเดิม 20 เท่า
ที่มา – 9to5Mac