Meta ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ Generative AI เครื่องมือเอไอสำหรับการสร้างชิ้นงานโฆษณาอัตโนมัติบน Ads Manager ของ Meta โดยจะเริ่มมีการทยอยเปิดให้สามารถใช้งานครบทุกฟีเจอร์ได้ภายในปีหน้า ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยให้นักโฆษณาก้าวสู่ยุคแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจง และเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาได้มากขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ การสร้างพื้นหลังให้ชิ้นงาน (Background Generation) การขยายพื้นที่ภาพ (Image Expansion) และการผสมข้อความรูปแบบต่าง ๆ (Text Variation) จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครื่องมือต่างๆ ที่ Meta สร้างขึ้นเพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจ
- การสร้างพื้นหลังให้ชิ้นงาน (Background Generation): ช่วยสร้างพื้นหลังหลายรูปแบบเพื่อให้สอดรับกับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่โฆษณา โดยสามารถสร้างชิ้นงานที่สร้างสรรค์ได้แตกต่างกันให้ตรงกลุ่มเป้าหมายหลากหลายกลุ่ม
- การขยายพื้นที่ภาพ (Image Expansion): ช่วยปรับขนาดของชิ้นงานให้อยู่ในหลายอัตราส่วนทั้งแนวตั้ง และแนวนอน เพื่อให้ใช้ได้ในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Feed หรือ Reels เพื่อให้ประหยัดเวลาและทรัพยากรในการปรับชิ้นงาน
- การผสมข้อความรูปแบบต่าง ๆ (Text Variation): ช่วยสร้างข้อความโฆษณาหลากหลายรูปแบบ โดยอ้างอิงจากข้อความดั้งเดิมของผู้ลงโฆษณา โดยชูจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ หรือบริการนั้นๆ และมอบตัวเลือกข้อความที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น
สิ่งที่ Meta ได้เรียนรู้จากนักโฆษณา
ในปีนี้ Meta ได้ประกาศเปิดตัว AI Sandbox พื้นที่สำหรับทีมงานเพื่อทดสอบฟีเจอร์ Generative AI ร่วมกับกลุ่มนักโฆษณากลุ่มเล็กๆ ที่หลากหลาย นักโฆษณากลุ่มดังกล่าวได้ให้ข้อมูลความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ รวมถึงช่วยให้ Meta มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการพัฒนามาอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชน โดยสรุปความคิดเห็นจากนักโฆษณาได้ดังต่อไปนี้
- Generative AI ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการทำงานได้ – การวิจัยร่วมกับกลุ่มนักโฆษณาที่เข้าร่วมทดสอบในช่วงเริ่มต้นเผยว่า นักโฆษณาส่วนใหญ่คาดว่า Generative AI จะช่วยลดเวลาการทำงานได้ถึง 5 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์การทำงาน คิดเป็นการประหยัดเวลาถึง 1 เดือนต่อปี โดยพวกเขาจะสามารถสร้างชิ้นงานได้หลายชิ้นจากการคลิกเพียงครั้งเดียว ลดระยะเวลาการทำงานระหว่างทีมครีเอทีฟ กับทีมสื่อสารในการแก้ไขงานที่ใช้เวลานาน ทำให้มีโอกาสพัฒนากลยุทธ์การสร้างงานโฆษณาได้มากขึ้น[1] โดยนักโฆษณาเกือบทุกรายเห็นพ้องว่าผลิตภัณฑ์ที่นำมาทดสอบใน AI Sandbox จะช่วยให้นักการตลาดขับเคลื่อนประสิทธิภาพของแคมเปญได้โดยการเร่งขยายการสร้างสรรค์โฆษณาในหลากหลายรูปแบบ
- Generative AI ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันก็ยังพัฒนาได้อีก -การสร้างสรรค์มีอิทธิพลอย่างมากต่อประสิทธิภาพของโฆษณา[2] แต่นักโฆษณามองว่าการสร้างสรรค์งานจำนวนมากให้ได้ผลลัพท์ดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก Generative AI ช่วยให้นักโฆษณาเพิ่มชิ้นงานสร้างสรรค์โฆษณาใหม่ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมีกระบวนการอีกมากในการสร้างสรรค์รูปแบบงานและสะท้อนชิ้นงานอันเป็นเอกลักษณ์ให้แต่ละแบรนด์ Meta จึงจำเป็นจะต้องกำหนดวิธีใหม่ๆ ในการร่วมมือกับแบรนด์และเอเจนซี่ต่างๆ เพื่อฝึกโมเดลเหล่านี้ให้ทำความเข้าใจตัวตนของแต่ละแบรนด์
แผนในอนาคตของ Meta
ปัจจุบันการลงทุนเพื่อพัฒนา Generative AI นั้นมุ่งเน้นไปที่การช่วยให้นักการตลาดสร้างผลงานได้อย่างมีคุณภาพ โดยให้พวกเขาสามารถปล่อยและทดสอบโฆษณาได้เร็วขึ้น พร้อมอำนวยความสะดวกให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
ฟีเจอร์ Generative AI ที่เปิดตัววันนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น Meta มีแผนที่จะนำเสนอเครื่องมือที่จะช่วยนักโฆษณาสร้างข้อความโฆษณาที่เน้นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ หรือสร้างภาพพื้นหลังในเวลาไม่กี่นาที ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ภาพนอกอาคารสำหรับแบรนด์แฟชั่นลำลอง จากข้อมูลที่ Meta แบ่งปันในงาน Meta Connect ธุรกิจต่างๆ จะสามารถใช้ AI สำหรับการส่งข้อความทางธุรกิจ หรือ Business Messaging ได้ใน Messenger และ WhatsApp เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการค้าขาย การมีส่วนร่วม และการสนับสนุนแบรนด์ผ่านการโต้ตอบบทสนทนาในทันที Meta กำลังทดสอบฟีเจอร์นี้ร่วมกับธุรกิจกลุ่มเล็กๆ ในขั้นแรก และมีแผนที่จะยกระดับการทดสอบเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับฟีเจอร์นี้ และอื่นๆ อีกมากมายได้ต่อไปในอนาคต
Meta ที่มีกว่าล้านโฆษณาทางธุรกิจบนแพลตฟอร์ม มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับฝ่ายอื่นๆ เพื่อพัฒนาฟีเจอร์ และประสบการณ์ต่างๆ เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้แก่ธุรกิจและทุกคน