BMW Group เปิดตัว Mini Cooper และ Countryman รุ่นใหม่ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ปราศจากการปล่อยมลพิษ พร้อมอวดโฉมครั้งแรกที่งาน IAA (International Motor Show) เมืองมิวนิก ระหว่างวันที่ 5 – 10 กันยายน 2023
MINI Cooper เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 5 ใช้ไฟฟ้าล้วน โดยยังคงเอกลักษณ์รถเล็กแบบ 3 ประตู เน้นความสนุกสนานในการขับขี่ในเมือง แต่ถ้าต้องการออกนอกเส้นทาง MINI Countryman จะตอบโจทย์กว่าด้วยมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้น มอบพื้นที่ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
ดีไซน์ภายนอกถูกปรับให้มีความทันสมัยขึ้นด้วยไฟหน้า LED และไฟท้าย Matrix LED แต่ภาพรวมยังคงความเป็น DNA ของ MINI ไว้อย่างชัดเจน ภายในถูกปรับให้เรียบง่ายขึ้น และใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น สิ่งทอและเส้นด้ายทั้งหมดในเบาะนั่งทำจากวัสดุรีไซเคิล มาพร้อมจอแสดงผล OLED ทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 240 มิลลิเมตร เป็นทั้งแผงหน้าปัด และระบบอินโฟเทนเมนต์ ซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการ MINI 9
MINI Cooper ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น เริ่มต้นที่ MINI Cooper E ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 135 กิโลวัตต์ พละกำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 7.3 วินาที ให้ระยะทางไกลสุด 305 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
MINI Cooper SE ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 160 กิโลวัตต์ พละกำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.7 วินาที ให้ระยะทางไกลสุด 402 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
MINI Countryman ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น เริ่มต้นที่ MINI Countryman E ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 150 กิโลวัตต์ พละกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 8.6 วินาที ให้ระยะทางไกลสุด 462 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
MINI Countryman SE ALL4 ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ขนาด 230 กิโลวัตต์ พละกำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 494 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 5.6 วินาที ให้ระยะทางไกลสุด 433 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
ที่มา – BMW Group