Apple กำลังจะเปิดตัว iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์คาดว่า Apple จะมีการปรับราคาขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดตัว iPhone X ในปี 2017 ส่งผลให้ iPhone รุ่น Pro อาจมีราคาทะลุ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่น้อยกว่า 34,590 บาท ขณะที่สมาร์ทโฟนของ Android ก็มีแนวโน้มที่จะขายแพงขึ้นด้วยเช่นกัน
สมาร์ทโฟน Android ที่ครองตลาดส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งในช่วงแรกนั้นมีราคาถูกมาก อย่างแบรนด์ Redmi มีราคาเริ่มต้นเพียง 799 หยวน หรือราว 3,890 บาท ทำให้สมาร์ทโฟนลอกเลียนแบบถูกกวาดล้างออกจากตลาดจนเกือบหมด ขณะที่สมาร์ทโฟนแบรนด์ Xiaomi มีราคาเริ่มต้น 1,999 หยวน หรือราว 9,690 บาท ก็สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับแบรนด์ระดับโลกมากมาย
สมาร์ทโฟน Android ไปได้สวยในตลาดระดับกลาง แต่ไม่สามารถบรรลุมาตรฐานระดับสูงของผู้ใช้จำนวนมากขึ้นได้ นั่นทำให้ iPhone ครองตลาดระดับไฮเอนด์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ และดึงดูดผู้ใช้จากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างเหลือเชื่อ
สมาร์ทโฟนจากจีนเริ่มยกระดับเป็นรุ่นเรือธง
ถึงแม้สมาร์ทโฟน Android ส่วนใหญ่จะมาจากจีน แต่ไม่สามารถครองส่วนแบ่งในตลาดได้เหมือนแบรนด์ Apple และ Samsung โดยเฉพาะตลาดเรือธงทั่วโลก ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีน ตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่มีเทคโนโลยีของตัวเอง จึงได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองอย่างช้าๆ ก่อนยกระดับสร้างสมาร์ทโฟนเรือธงขึ้นมาแข่งขัน แต่นั่นก็ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จากราคา 1,999 หยวน ในตอนแรก ขยับขึ้นมาเป็น 3,999 หยวน จากนั้นเป็น 5,999 หยวน จนแตะ 10,000 หยวน หรือราว 48,490 บาท
ความท้าทายของสมาร์ทโฟนเรือธงจากจีนก็คือข้อสงสัยว่าการใช้เงินจำนวนมากกับสมาร์ทโฟนเรือธงของจีนนั้นคุ้มค่าหรือไม่
เพื่อตอบคำถามนั้น ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีน จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์ของตนเอง ตั้งแต่ชิป IC ไปจนถึงชิปเซ็ต ซึ่งจำเป็นต้องผสานรวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และต้องลงทุนมากขึ้นไปกับการวิจัยและพัฒนา นั่นทำให้สมาร์ทโฟนระดับเรือธงของจีนมีราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ในเวลาเพียงไม่กี่ปี
ต้นทุนชิปเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าสมาร์ทโฟนจะได้รับการพัฒนาไปในทิศทางใด แต่ชิปประมวลผลก็ยังเป็นหัวใจหลักของสมาร์ทโฟน โดยมี TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) เป็นผู้ผลิตชั้นนำของโลก และได้เปิดตัวเทคโนโลยีกระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร ซึ่งบริษัทชั้นนำระดับโลกหลายรายต่างก็จับจองกำลังการผลิตของ TSMC ไว้นานถึง 24 ปี ไม่ว่าจะเป็น Apple, Intel, Qualcomm และ MediaTek โดยคาดว่าชิป 3 นาโนเมตร อาจมีต้นทุนต่อหน่วยสูงถึง 150 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5,190 บาท
ด้วยเหตุนี้ ต้นทุนของชิปประมวลผลก็ส่งผลกระทบไปถึงราคาขายปลีกของสมาร์ทโฟนด้วย นอกจากนี้ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีน ยังแข่งขันกันในเรื่องเทคโนโลยีการถ่ายภาพ อย่างเช่นแผนกภาพ XMAGE ของ Huawei ที่มีการพัตนาการถ่ายภาพจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในฐานะกล้องสมาร์ทโฟน แต่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรบุคคลและเงินจำนวนมหาศาลเพื่อวิจัยและพัฒนา
นวัตกรรมใหม่
สมาร์ทโฟนจากจีนในปัจจุบัน ต่างก็แข่งขันกันในตลาดระดับเรือธง ด้วยความสามารถในการวิจัยและพัฒนาที่ก้าวหน้าไปมาก ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน MIX series ของ Xiaomi, NEX series ของ vivo และ Find X series ของ OPPO นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนจากจีน ยังมีการพัฒนาแบตเตอรี่และเทคโนโลยีการชาร์จอย่างต่อเนื่อง ทำให้มัความจุแบตเตอรี่เพิ่มมากขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น ทำให้สมาร์ทโฟนจากจีนกลายเป็นผู้นำในเรื่องของแบตเตอรี่และการชาร์จในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และส่งผลให้สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ของจีนกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
ที่มา – Gizchina