Infinix แนะนำเกมมิ่งสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ Infinix NOTE 30 5G ถูกสร้างมาภายใต้สโลแกน “5G Speed Gameplay – 5G เกมมิ่งสมาร์ตโฟนหนึ่งเดียวที่มาพร้อม RoV Edition” ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เน้นเล่นเกมและความบันเทิงเต็มรูปแบบ ในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด โดยทีมงาน @Flashfly พร้อมแล้วที่จะพาไปสำรวจว่ามีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้าง
สเปก Infinix NOTE 30 5G
- จอแสดงผล FHD+ ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 120Hz
- กล้องหลัก 108MP Master Triple Camera
- กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 6080 5G
- ความจำ RAM 8GB + ROM สูงสุด 256GB
- ขยายความจำ RAM ได้อีก 8GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM
- สนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 2TB
- สแกนนิ้วด้านข้าง (Side-Mounted Fingerprint Scanner)
- ลำโพงคู่ ปรับเสียงโดย JBL
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 5, Bluetooth, USB-C
- ระบบปฏิบัติการ Android 13
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 45W
- รองรับการชาร์จแบบ Bypass
- ขนาดตัวเครื่อง 168.51 x 76.51 x 8.45 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 204.7 กรัม
ดีไซน์
Infinix NOTE 30 5G ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยหรูพรีเมียม ใช้วัสดุแข็งแรงทนทาน จับถนัดมือ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black และ สีฟ้า Interstellar Blue ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว มีเอฟเฟกต์ไล่ระดับสีบนแผงหลังเพิ่มความโดดเด่น
Infinix NOTE 30 5G มาพร้อมจอแสดงผล Full HD+ ขนาด 6.78 นิ้ว มีขอบจอรอบด้านที่บางเฉียบ ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.6% และถูกเจาะหลุมไว้ตรงกึ่งกลาง สำหรับวางกล้องหน้า เหนือขึ้นไปมีช่องลำโพงสำหรับสนทนา
ขอบด้านข้างเรียบแบน มีความบาง 8.45 มิลลิเมตร พบถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิม Dual Nano-SIM และมีช่องใส่การ์ด microSD สนับสนุนความจุสูงสุด 2TB
อีกข้างมีปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์ ที่มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้ด้วย
ด้านบนมีลำโพงตัวที่ 2 ให้เสียงสเตอริโอ (เมื่อขับเสียงร่วมกับลำโพงด้านล่าง) พร้อมด้วยโลโก้ Sound by JBL ที่ช่วยปรับแต่งเสียง และยังสนับสนุนไฟล์เสียงคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio
ด้านล่างประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C และ ลำโพงตัวหลัก
จอแสดงผล 6.78 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz
Infinix NOTE 30 5G มาพร้อมจอแสดงผล IPS LTPS ความละเอียด 1080 x 2460 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความสว่างสูงสุด 580 นิต ขอบเขตสีกว้าง DCI-P3 และให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.6% ซึ่งหมายถึงมีพื้นที่ขอบจอรอบด้านที่บางเป็นพิเศษ
ไม่เพียงแต่ให้สีสันสดใสเท่านั้น จอแสดงผลของ Infinix NOTE 30 5G ยังรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz จึงเป็นจอภาพที่เหมาะสำหรับการเล่นเกม และยังเล่นได้นานต่อเนื่องด้วยโหมด Eye-care ช่วยถนอมดวงตา
กล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล
Infinix NOTE 30 5G ได้รับกล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลักความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล ถูกติดตั้งอยู่ในกรอบวงแหวนด้านบน ขณะที่กล้องอีก 2 ตัว ถูกรวมไว้ในกรอบวงแหวนด้านล่าง และข้างกล้องหลักเป็นตำแหน่งไฟแฟลช LED แบบ 4 ดวง
- กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล (S5KHM6SX03-FGX- 9) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.67 นิ้ว รูรับแสง F1.75 ชุดเลนส์ 6P ระบบออโต้โฟกัส PDAF
- กล้อง Bokeh 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4
- กล้อง AI CAM
เมื่อเข้ามาในแอปกล้องจะพบกับโหมดถ่ายภาพ Film, Video, AI CAM, Beauty, Portrait, Super Night, AR Shot, Short Video, Pro, Slow Motion, Dual Video, Panorama, Documents, Time-lapse และ Sky Shop โดยโหมด Video สามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุด 2K ด้วยอัตรา 30 เฟรมต่อวินาที หรือ Full HD 1080 ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที
กล้องหน้า 16MP Selfie Camera
Infinix NOTE 30 5G ซ่อนกล้องหน้าไว้ในหลุมเล็กๆ บนหน้าจอ มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 และยังติดตั้งแฟลช LED ไว้ที่ขอบบนหน้าจอมาให้ด้วย ช่วยถ่ายเซลฟี่ยามค่ำคืนหรือในที่แสงน้อย
ตัวอย่างภาพถ่าย
ชิป Dimensity 6080 5G
Infinix NOTE 30 5G ใช้ชิปประมวลผลของ MediaTek Dimensity 6080 5G ที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบนสมาร์ตโฟนโดยเฉพาะ ผลิตด้วยกระบวนการ N6 ของ TSMC (6 นาโนเมตร) ประกอบด้วย CPU แบบ 64-bit Octa Core (Arm Cortex-A76 @2.4GHz 2-core + Arm Cortex-A55 @2GHz 6-Core) และ GPU – Arm Mali-G57 MC2
ด้านความจำ ได้รับ RAM 8GB และยังขยายได้อีก 8GB ผ่านฟีเจอร์ Extended RAM จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 16GB โดยมีที่เก็บข้อมูลภายในให้เลือกระหว่าง 128GB หรือ 256GB และสนับสนุนการ์ด MicroSD สูงสุด 2TB
รองรับการชาร์จแบบ Bypass
Infinix NOTE 30 5G มีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน 5000mAh รองรับการชาร์จ 1,000 รอบ (สมาร์ตโฟนทั่วไปรองรับการชาร์จ 800 รอบ) จึงถือว่าแบตเตอรี่ของ Infinix NOTE 30 5G เสื่อมสภาพช้ากว่าค่ามาตรฐานทั่วไป 25% และยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W All-Round FastCharge ใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาที ได้ระดับแบตเตอรี่ถึง 75%
ที่น่าสนใจก็คือ Infinix NOTE 30 5G ยังรองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Bypass ที่ออกแบบมาสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างเล่นเกม ปกติแล้วการชาร์จแบตเตอรี่ในสมาร์ตโฟนทั่วไป พลังงานจะถูกจ่ายจากหัวชาร์จไปยังแบตเตอรี่ในตัวเครื่อง แล้วส่งต่อพลังงานไปยังชิปเซ็ต แต่โหมดการชาร์จแบบ Bypass พลังงานจะข้ามแบตเตอรี่ในสมาร์ตโฟนแล้วจ่ายตรงไปยังชิปเซ็ต จึงทำให้สมาร์ตโฟนไม่เกิดความร้อนมากเกินไปเมื่อชาร์จแบตเตอรี่ขณะเล่นเกม จึงเล่นเกมได้ยาวนานต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Infinix NOTE 30 5G ยังรองรับการชาร์จแบบ Reverse Charge จึงสามารถใช้เป็น Power Bank ชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์อื่นได้ ผ่านสาย OTG
สรุปราคาและการจำหน่าย
Infinix NOTE 30 5G ถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการเล่นเกมและความบันเทิงแบบจัดเต็ม โดยมีดีไซน์พรีเมียม ทันสมัย ใช้วัสดุแข็งแรงทนทาน มีจุดเด่นที่ชิปเซ็ตสำหรับเกมมิ่งระดับ 6nm จาก MediaTek จอแสดงผล ขนาด 6.78 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชสูง 120Hz ลำโพงคู่จาก JBL รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 45W พร้อมโหมด Bypass ความจำขนาดใหญ่ RAM สูงสุด 16GB (เมื่อใช้ฟีเจอร์ Extended RAM) เหมาะสำหรับวัยรุ่นที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนไว้เล่นเกม รับชมความบันทิง และ ถ่ายภาพได้น่าพอใจ เมื่อเทียบกับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
ทั้งนี้ Infinix NOTE 30 5G พร้อมวางจำหน่ายแล้วบนแพลตฟอร์มออนไลน์ Shopee, Lazada และ TikTok Shop รวมถึงตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black และ สีฟ้า Interstellar Blue ราคา 6,999 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB + ROM 128GB และราคา 7,499 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB + ROM 256GB