หลังจากเปิดตัวทางการในระดับโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ASUS ก็พร้อมแล้วสำหรับการส่งเกมมิ่งสมาร์ทโฟน ROG Phone 7 Series เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยมีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ ROG Phone 7 และ ROG Phone 7 Ultimate โดยทีมงาน @Flashfly ได้รับ ROG Phone 7 มารีวิว ซึ่งมีสเปกโดยรวมเหมือนกัน ส่วนความแตกต่างนั้น จะสรุปให้ในตอนท้ายของรีวิว
สเปก ROG Phone 7
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 165Hz
- กล้องหลัง 50MP Triple Camera
- กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2
- ความจำ RAM 16GB (LPDDR5X) + ROM 512GB (UFS 4.0)
- รองรับ External HDD สนับสนุน NTFS
- ลำโพงคู่หน้า รองรับ Dirac HD Sound
- ไมโครโฟน 3 ตัว
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, NFC, USB Type-C, 3.5mm Headphone Jack
- ระบบระบุตำแหน่ง GPS (L1/L5), Glonass (G1), Galileo (E1/E5a), BeiDou (B1i/B1c/B2a), QZSS (L1/L5), NavIC, GNSS
- เซ็นเซอร์ Accelerator, E-Compass, Proximity, Ambient Light Sensor, Gyro, Hall Sensor, AirTrigger
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanning)
- ระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมด้วย Game Launcher + Gaming UI + Classic UI
- มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP54
- แบตเตอรี่ 6000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 65W ROG Hyper Charge
- ขนาดตัวเครื่อง 172.83 x 77.25 x 10.48 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 239 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Phantom Black และ สีขาว Storm White
แกะกล่อง ROG Phone 7
เกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ ASUS ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีดำ หน้ากล่องมีโลโก้ ROG Fearless Eye จัดวางในแนวนอน ถัดลงมาตัวเลข 07 วางไว้ข้างหน้า ROG Phone และยังมีข้อความ FOR THOSE WHO DARE สโลแกนของ ROG (Republic Of Gamers)
หลังกล่องระบุสเปกหลักที่สำคัญ ได้แก่ สีสันตัวเครื่องที่อยู่ในกล่อง, รองรับ 5G Dual SIM, ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2, ความจำ RAM 16GB จับคู่กับ ROM 512GB, จอแสดงผล Full HD+ ขนาด 6.78 นิ้ว, กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล และ กล้องหลัง 50 + 13 + 5 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ยังบอกว่าในกล่องแถมเคสและหัวชาร์จมาให้ด้วย
หลังจากยกฝากล่องขึ้นมา จะพบกับซองเอกสารสีดำ มีสโลแกน FOR THOSE WHO DARE พิมพ์เป็นวงกลมล้อมรอบโลโก้ ROG Fearless Eye เมื่อแกะซองออกจะพบกับเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ด, คู่มือ และ แถมเคสมาให้แล้ว เป็นเคสสีดำที่ตัดช่องไว้สำหรับกล้องหลัง, โลโก้ ROG Fearless Eye ของฝาหลัง รวมถึงแถบไฟบริเวณด้านข้าง
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน ซึ่งมีซองห่อไว้อย่างดี และล่างสุดของกล่องเป็นช่องเก็บสายชาร์จ กับหัวชาร์จแบตเตอรี่ วางแยกไว้ป็นสัดส่วน โดยหัวชาร์จ หรือ Power Adapter รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 65W ขณะที่สายชาร์จก็เป็นสายถักอย่างดี
ดีไซน์โฉบเฉี่ยว โดดเด่นด้วยไฟ Aura RGB
ROG Phone 7 ผลิตออกมาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ Phantom Black และ สีขาว Storm White ขณะที่ ROG Phone 7 Ultimate จะมีให้เลือกเฉพาะสีขาว และก็อย่างที่เห็น ทีมงาน @Flashfly ได้รับสีดำ Phantom Black มารีวิว ซึ่งเป็นโทนสีเข้มที่เข้ากับเคสที่แถมมาให้
ดีไซน์โดยของ ROG Phone 7 มีไฮไลท์ที่ด้านหลัง ซึ่งมาในสไตล์ทูโทนแบ่งระหว่าง 2 พื้นผิวด้วยเส้นตัดเฉียง ส่วนบนจะมีพื้นผิวเงา และโปร่งใส มองทะลุเห็นภายใน ขณะที่ส่วนล่างจะเป็นพื้วผิวทึบสีดำด้าน
ฝาหลังมาพร้อมไฟ Aura RGB ในรูปโลโก้ ROG Fearless Eye สไตล์ Dot Matrix อันเป็นเอกลักษณ์ของ ROG Phone 7 ซึ่งสามารถปรับแต่งสีสันของไฟได้ อีกทั้งยังมีแถบไฟที่บริเวณขอบด้านข้างสว่างขึ้นมาพร้อมกับโลโก้ ROG Fearless Eye
ด้านหน้ามีส่วนคล้ายกับรุ่นก่อน เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นจอแสดงผล และยังคงใช้จอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว เท่ากับรุ่นก่อน พร้อมเว้นส่วนขอบจอด้านบนกับด้านล่าง ให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการจับตัวเครื่องในแนวนอน เพื่อเล่นเกมหรือรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ในแนวนอน
เหนือจอแสดงผล ซ่อนกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (รุ่นก่อนมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล) พร้อมติดตั้งลำโพงคู่หน้า ขนาด 12 x16 มิลลิเมตร ให้เสียงดีขึ้น 50% เบสแน่นขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และยังป้องกันด้านหน้าด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
ขอบด้านข้างมีความบาง 10.48 มิลลิเมตร อาจไม่ได้บางเฉียบ เพราะภายในใส่แบตเตอรี่มาให้ถึง 6000mAh ถือว่ามีความจุมากกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงหลายรุ่น และยังมีพอร์ต USB Type-C มาให้ที่ด้านข้างด้วย สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ขณะใช้งานสมาร์ทโฟนในแนวนอน ขณะที่มุมมีถาดใส่ซิมการ์ดใช้สีสันที่สะดุดตา มองเห็นชัดเจน
อีกข้างมีปุ่มปรับระดับเสียง ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน ตามด้วยปุ่มเพาเวอร์ ส่วนขอบมุมทั้ง 2 จุด เป็นพื้นที่ของ AirTrigger ปุ่มสัมผัสแบบ Ultrasonic ช่วยในการควบคุมเกม รองรับการควบคุมถึง 9 รูปแบบ
ด้านบนจะเห็นรูไมโครโฟน ซึ่ง ASUS ติดตั้งมาให้ทั้งหมด 3 ตัว (ด้านบน, ด้านล่าง และ ด้านข้าง ใต้ปุ่มปรับระดับเสียง)
มุมมองด้านล่าง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ต USB Type-C และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ที่รองรับระบบเสียงคุณภาพสูงแบบ Hi-res อีกด้วย
นอกจากนี้ ROG Phone 7 ยังได้รับมาตรฐานป้องกันน้ำที่ระดับ IP54 ต้านทานน้ำได้เล็กน้อย เช่น ละอองฝน น้ำกระเซ็น เหงื่อ เป็นต้น ไม่ได้ออกแบบมาให้สามารถนำไปใช้งานในน้ำได้
หน้าจอ 6.78 นิ้ว รีเฟรชเรท 165Hz
จอแสดงผลของ ROG Phone 7 มีความละเอียด 2448 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว ความหนาแน่น 395 พิกเซลต่อนิ้ว อัตราส่วนภาพ 20.4:9 รองรับอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 60/90/120/144/165Hz อัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส หรือ Touch Sampling Rate ที่ 720Hz และมีค่า Touch Latency ความหน่วงในการกดที่ต่ำที่สุดเพียง 23 มิลลิวินาที
ROG Phone 7 ใช้จอแสดงผล AMOLED ของ Samsung ให้สีสันสวยงามคมชัด ด้วยขอบเขตในการแสดงสีกว้างสูงสุดถึง 111.23% DCI-P3 ค่า Delta E < 1 ความสว่างสูงสุด 1,500 นิต (ในโหมด HDR) อัตราคอนทราสต์ 1,000,000:1 รองรับเทคโนโลยี Always-on HDR และมีเทคโนโลยี Eye Care Display ช่วยลดแสงสีฟ้า เพื่อถนอมดวงตาเมื่อจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน และยังได้รับการปกป้องหน้าจอด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
ความปลอดภัย
ROG Phone 7 ได้รับการการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล จึงรองรับการปลดล็อคหรือยืนยันตัวตนด้วยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งสามารถอ่านลายนิ้วมือและปลดล็อคได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรองรับวิธีการปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างระบบจดจำใบหน้า และกล้องหน้าความละเอียดสูง 32 บ้านพิกเซล
Snapdragon 8 Gen 2 ประสิทธิภาพแรงกว่าเดิม
ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของ ROG Phone 7 คือ ประสิทธิภาพที่แรงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากใช้ชิปประมวลผลรุ่นใหม่กว่า Snapdragon 8 Gen 2 ผลิตบนเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร ซึ่งประหยัดพลังงานสูงสุดถึง 15% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อน และลดความร้อนขณะใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ประกอบด้วยซีพียู 64-bit Octa Core โดยมีคอร์หลัก ARM Cortex-X3 ความเร็วสูงสุด 3.19GHz และจีพียู Adreno 740 ถือเป็นชิปที่แรงที่สุดของ Qualcomm ในปัจจุบันนี้ จึงตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล และไม่ต้องกังวลเรื่องประสิทธิภาพในการเล่นเกม
ด้านความจำ ROG Phone 7 มาพร้อม RAM 16GB จับคู่กับ ROM 512GB โดยได้รับการปรับปรุงความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูล ด้วยมาตรฐานที่ใหม่กว่า ใช้ RAM แบบ LPDDR5X (รุ่นก่อนเป็น LPDDR5) และ ROM แบบ UFS 4.0 (รุ่นก่อนเป็น UFS 3.1)
จากการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปพลิเคชัน Antutu ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่า ROG Phone 7 ขึ้นแท่นเป็นเกมมิ่งสมาร์ทโฟน Android อันดับ 1 ที่แรงที่สุดในโลก สามารถทำได้สูงสุดถึง 1,610,063 คะแนน เมื่อเปิดใช้งาน X Mode จากการทดสอบแม้จะได้คะแนนที่ใกล้เคียงแต่ก็ถือว่าสูงมากในเวลานี้
ระบบระบายความร้อน GameCool 7
นอกจากจะใช้ชิปเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ Qualcomm อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ROG Phone 7 เล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ ระบบระบายความร้อนแบบใหม่ GameCool 7 เรียกได้ว่าเป็นระบบระบายความร้อนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ ROG Phone โดยออกแบบให้ CPU อยู่ตรงกลางพร้อมแบตเตอรี่ที่แยกออกเป็น 2 ส่วน ทำให้การกระจายความร้อนมายัง ROG Rapid-Cycle Vapor Chamber ที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างเสาที่กั้นละหว่างกลางของแผ่น Vapor Chamber (Trident Shape Wick Column Structure) รูปทรงตัว Y
และยังมี Liquid Return Channels เพื่อเพิ่มพื้นที่การไหลและควบคุมการไหลของของเหลวภายใน Vapor Chamber ให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการระบายความร้อนให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด จากนั้นส่งต่อความร้อนออกไปยังแผ่นแกรไฟต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 10% ทำให้ประสิทธิภาพการกระจายความร้อนดีขึ้นถึง 168%
ควบคุมเกมได้เหนือกว่าคู่แข่ง
ROG Phone 7 มาพร้อม AirTrigger ที่ขอบด้านข้าง (ฝั่งเดียวกับปุ่มเพาเวอร์) ติดตั้งไว้ตรงบริเวณมุมบนและมุมล่าง เป็นปุ่มสัมผัสเทคโนโลยี Ultrasonic ช่วยให้ผู้ใช้งานควบคุมเกมได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และได้เปรียบคู่แข่งในเกม สามารถตั้งค่าได้ทั้งหมด 9 รูปแบบตามความถนัด ได้แก่ Tap, Horizontal Slide, Vertical Slide, Swipe, Dual Partition, Dual Control, Dual Action, Press & Lift และ Gyroscope Aiming
ROG Phone 7 ยังรองรับการควบคุมด้วยวิธี Motion Control หรือ เคลื่อนไหวตัวเครื่องที่แตกต่างกันทั้งหมด 10 แบบ เช่น ขยับไปทางซ้ายหรือขวา, เอียงตวเครื่องไปข้างหน้าหรือข้างหลัง, หมุนตัวเครื่อง, เขย่าตัวเครื่องในแนวดิ่ง เป็นต้น
ROG Phone 7 ยังมีแอปพลิเคชัน Armoury Crate ที่เป็นเหมือนศูนย์ควบคุมการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกม โดยจะแสดงสถานะการทำงานต่างๆ ของเครื่อง พร้อมด้วยเครื่องมือในการปรับแต่งปุ่ม Air Trigger, ค้นหาเกมที่สนับสนุนอัตราการรีเฟรช 165Hz, ปรับแต่งการตั้งค่ามาโคร และเพิ่มความเร็วในการเล่นเกม
นอกจากนี้ ยังมี Game Genie เมนูคีย์ลัดตั้งค่าต่างๆ ของตัวเครื่องขณะเล่นเกม สามารถแสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่องโดยละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของ CPU/GPU, อุณหภูมิของตัวเครื่อง, สถานะแบตเตอรี่ และเฟรมเรทของเกมที่กำลังเล่น
ชาร์จไว 65W ROG Hyper Charge
อีกจุดเด่นของ ROG Phone 7 คือมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,000mAh (จาก 2 ก้อน) ซึ่งถือว่ามีความจุมากเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับเกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในตลาด จึงให้อายุการใช้งานและเล่นเกมได้ยาวนานกว่า จากการทดสอบพบว่า เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม 100% สามารถใช้ดูวิดีโอได้ยาวนานต่อเนื่องเกือบ 30 ชั่วโมง
เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ROG Phone 7 ก็สามารถเติมพลังงานกลับคืนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว 65W ROG Hyper Charge สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0 – 60% ในเวลา 19 นาที และชาร์จจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 42 นาที โดยมีการแยกแบตเตอรี่ออกเป็น 2 ก้อน เพื่อช่วยให้ชาร์จเร็วได้อย่างปลอดภัย และยังช่วยให้ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
และเพื่อเข้าถึงอรรถรสการเล่นเกมขั้นสุดในรุ่น ROG Phone 7 นี้ทาง ASUS ได้เพิ่มโหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบ Bypass charging เป็นการนำไฟเข้าสู่เครื่องโดยตรงไม่ผ่านแบตเตอรี่ขณะเสียบสายชาร์จอยู่ และ Smart bypass ที่ใช้ AI สลับไฟแบบ Bypass charging อัตโนมัติเมื่อเปิดเล่นเกม
กล้องหลัง 50MP Triple Camera
กล้องหลังของ ROG Phone 7 ดูเหมือนว่าจะถูกยกมาจากรุ่นก่อน ทั้งดีไซน์ของกรอบกันชนที่คล้ายกัน แต่มีความแตกต่างที่ชัดเจนคือการวางแฟลช LED ที่ในรุ่นใหม่จะวางเป็นแนวเฉียง ส่วนการทำหน้าที่ของกล้องทั้ง 3 ตัว ยังเหมือนเดิม มีกล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ของ Sony ที่มีขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์รุ่นก่อน และได้รับการปรับปรุงอัลกอริทึม เพื่อทำให้ HDR เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
- กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX766) ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.56” ขนาดพิกเซล 1 ไมครอน รูรับแสง F1.9
- กล้อง Ultra Wide 13 ล้านพิกเซล (OMNIVISION OV13B) ให้มุมมองกว้าง 120 องศา
- กล้อง Macro 5 ล้านพิกเซล สำหรับการถ่ายภาพในระยะใกล้
เมื่อเปิดเข้ามาในแอปกล้อง จะพบกับโหมดถ่ายภาพ Slow Motion, Time Lapse, Video, Photo, Portrait, Panorama, Light Trail, Pro, Night, Macro และ Pro Video
โหมด Photo สามารถซูมได้ตั้งแต่ 6.0x (เปิดใช้กล้อง Ultra Wide) จนถึง 2x มีไอคอนสำหรับเปิดฟีเจอร์ Beauty และเปิดใช้งาน HDR ได้จากการแตะที่ลูกศรชี้ลงด้านบน จะพบกับการตั้งค่าเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการใช้แฟลช และปรับอัตราส่วนภาพถ่าย โดยมีไอคอนรูปฟันเฟืองสำหรับเข้าไปตั้งค่าระบบกล้องทั้งหมด
โหมด Portrait รองรับการซูมในระยะ 1x และ 2x โดยมีฟีเจอร์ Beauty มาช่วยทำให้ใบหน้าดูดีขึ้น โดยมีเครื่องมือให้ปรับแต่งอย่างละเอียด และสามารถปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังได้ ช่วยให้ถ่ายภาพบุคคลโดดเด่นยิ่งขึ้น
โหมด Light Trail ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งาน ROG Phone 7 ถ่ายภาพในเวลากลางคืนได้สวยงามยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดรับแสงเป็นเวลานานกว่าปกติ พร้อมตัวตัวเลือกที่ปรับแต่งมาให้แล้วสำหรับการถ่ายภาพในฉากต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงไฟของรถบนท้องถนนยามค่ำคืน, แสงไฟจากการแสดงต่างๆ, น้ำตก ไปจนถึงภาพกลุ่มดาวบนท้องฟ้า
โหมด Video รองรับการซูม 1x – 4x สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง 8K ที่อัตรา 24 เฟรมต่อวินาที หรือ 4K ที่อัตรา 60 เฟรมต่อวินาที เมื่อแตะที่ลูกศรชี้ลงด้านบน จะพบกับการตั้งค่าแฟลช, ความละเอียดวิดีโอ, เฟรมเรท, HDR และ ระบบป้องกันภาพสั่นไหว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแบบ EIS ไม่ใช่ OIS นอกจากนี้ ยังโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Time Lapse และ Slow Motion (4K ที่อัตรา 120 เฟรมต่อวินาที, Full HD 1080p ที่อัตรา 240/120 เฟรมต่อวินาที, HD 720p ที่อัตรา 480 เฟรมต่อวินาที)
กล้องหน้า 32MP Selfie Camera
ROG Phone 7 ติดตั้งกล้องหน้าในตำแหน่งเดียวกับรุ่นก่อน แต่มีความละเอียดเพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 32 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ OMNIVISION OV32C ให้มุมมองกว้าง 72.8 องศา มาพร้อมโหมด Photo ที่มีฟีเจอร์ Beauty ปรับความงามบนใบหน้าได้ 4 ระดับ และเมื่อแตะที่ลูกศรชี้ลงด้านบน จะพบกับการตั้งค่าแฟลช, อัตราส่วนภาพถ่าย และ HDR
โหมด Portrait ของกล้องหน้า มีฟีเจอร์ Beauty ให้ใช้งานเหมือนโหมด Photo แต่ที่เพิ่มมาคือฟีเจอร์ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลัง เมื่อแตะที่ลูกศรชี้ลงด้านบน จะพบกับการตั้งค่าอัตราส่วนภาพ และ HDR
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า สามารถบันทึกได้ในความละเอียดสูงสุด Full HD ที่อัตรา 30 เฟรมต่อวินาที และมีฟีเจอร์ป้องกันภาพสั่นไหว ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้จากการตะที่ลูกศรชี้ลงด้านบน
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปราคาและการจำหน่าย
ROG Phone 7 เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ มีจุดเด่นที่จอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 165Hz ใช้ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ความจำขนาดใหญ่มาตรฐานใหม่ RAM 16GB (LPDDR5X) จับคู่กับ ROM 512GB (UFS 4.0) พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนแบบใหม่ GameCool 7 และยังมีแบตเตอรี่ความจุสูง 6,000mAh ชาร์จเร็ว 65W ซึ่งทั้งหมดช่วยให้ ROG Phone 7 รองรับการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งยังได้เปรียบกว่าคู่แข่งด้วยปุ่มพิเศษ AirTrigger และสร้างความโดดเด่นด้วยไฟ Aura RGB สไตล์ Dot Matrix ที่ทำเป็นรูปโลโก้ ROG Fearless Eye บนฝาหลัง
ทั้งนี้ ROG Phone 7 ยังมีรุ่นพี่ที่เรียกว่า ROG Phone 7 Ultimate ซึ่งมีสเปกแบบเดียวกัน แต่มาพร้อมจอแสดงผล ROG Vision บนฝาหลัง และมี AeroActive Portal หรือ Thermal Door ช่องรับอากาศทางด้านหลังของตัวเครื่อง ทำงานร่วมกับพัดลม AeroActive Cooler 7 ที่ได้รับการปรับปรุงพัดลมมาใหม่ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะจำหน่ายผ่านทาง ASUS Online Store บนเว็บไซท์ asus.com และตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ รวมไปถึง AIS Shop และ AIS Online Store
- ROG Phone 7 (Phantom Black, Storm White, 16/512GB) 34,990 บาท
- ROG Phone 7 Ultimate (Storm White, 16/512GB) 42,990 บาท
ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจรายเดือนกับ AIS 5G
ROG Phone 7 ราคาเริ่มต้นที่ 29,490.-* และ ROG Phone 7 Ultimate ราคาเริ่มต้นที่ 37,490.-*
ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมมา AIS รายเดือน ลดเพิ่มอีก 1,000 บาท!*
*เงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด
Early Bird Promotion พิเศษ! เมื่อซื้อ ROG Phone 7 รุ่นใดก็ได้ ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. – 18 ก.ค. 66
รับฟรีชุดหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ROG Strix Go 2.4 มูลค่า 3,390 บาท
ลงทะเบียนรับของแถมได้ที่: https://th.rog.gg/t2ve0Q
ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม
ROG Phone 7 : https://th.rog.gg/sG9u1r
ROG Phone 7 Ultimate : https://th.rog.gg/22l2G3