realme สานต่อกลยุทธ์ A Champion of The Segment ยกระดับ C Series ให้มีความสามารถสูงขึ้นหลังจากที่รุ่น realme C55 ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ realme C53 ที่มาพร้อมความสามารถล้ำหน้าคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน ทั้งดีไซน์ทันสมัย จอแสดงผล 90Hz ขนาดใหญ่ พร้อมฟีเจอร์ใหม่ Mini Capsule อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC และมีกล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล มาพร้อมฉายาแชมป์เปี้ยนชาร์จ แชมป์เปี้ยนหน่วยความจำ
สเปก realme C53
- จอแสดงผล 16.7 ล้านสี ขนาด 6.74 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 90Hz
- กล้องหลัก 50MP AI Camera
- กล้องหน้า 8MP Selfie Camera
- ชิปประมวลผล Unisoc T612
- ความจำ RAM 6GB + ROM 128GB / RAM 4GB + ROM 64GB
- ขยายความจำ RAM ได้อีก 6GB ผ่านฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion
- รองรับการ์ด microSD สูงสุด 2TB
- สแกนนิ้วด้านข้าง (Side-Mounted Fingerprint Scanner)
- ลำโพง 150% UltraBoom Speaker
- การเชื่อมต่อ 4G LTE, Wi-Fi (2.4/5GHz), Bluetooth 5.0, USB Type-C, 3.5mm Headphone Jack
- ระบบระบุตำแหน่ง GPS / Glonass / Galileo
- ระบบปฏิบัติการ realme UI T Edition (บนพื้นฐาน Android 13)
- แบตเตอรี่ 5000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
- ขนาดตัวเครื่อง 167.4 x 77 x 7.49 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 187 กรัม
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่สีทอง Champion Gold และสีดำ Mighty Black
แกะกล่อง realme C53
realme C53 ถูกบรรจุไว้ในกล่องสีเหลืองตามเอกลักษณ์ของ realme โดยหน้ากล่องระบุชื่อรุ่น C53 ขนาดใหญ่ หลังกล่องบอกจุดเด่นไว้ 6 รายการ ได้แก่ รองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC, กล้องหลัก 50MP AI Camera, ดีไซน์บางเฉียบ 7.49 มิลลิเมตร, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh, จอแสดงผล 6.74 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz และ ใช้ชิป Octa Core
เมื่อถอดปลอกกล่องออกไป จะพบกับซองเอกสารสีเหลืองที่มีข้อความ Dare to Leap ซึ่งเป็นสโลแกนของแบรนด์ realme และพอคลี่ซองออกจะเห็นเข็มช่วยถอดช่องใส่ซิมการ์ดแนบมาให้ด้วย ภายในยังมีคู่มือ, ใบรับประกัน และแถมเคสมาให้ 1 อัน
ถัดลงมาเป็นชั้นวางสมาร์ทโฟน realme C53 ซึ่งได้รับการติดฟิล์มกันร้อยหน้าจอมาให้แล้ว และชั้นล่างสุดของกล่องเป็นช่องเก็บสายชาร์จแบตเตอรี่ และ หัวชาร์จ Power Adapter ซึ่งรองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
ดีไซน์ทันสมัย บางเพียง 7.49 มิลลิเมตร
ดีไซน์โดยรวมของ realme C53 มีความสวยงามและดูทันสมัย ให้ความโดดเด่นที่ดีไซน์บางเฉียบ 7.49 มิลลิเมตร ถือว่าบางที่สุดในเซกเมนต์เดียวกัน โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง Champion Gold ซึ่งทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว ให้ความรู้สึกถึงความหรูหราเหมือนเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม และยังมีสีดำ Mighty Black เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ใช้งานที่ชอบความเรียบง่ายคลาสสิก
ด้านหน้ามาพร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช 90Hz ตอบสนองการสัมผัสและแสดงกราฟิกได้อย่างลื่นไหล โดยมีรอยบากแบบหยดน้ำที่ขอบด้านบน สำหรับวางกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล เหนือขึ้นไปเป็นตำแหน่งของลำโพง ซ่อนอยู่ในตะแกรงที่สุดขอบด้านบนจนแทบสังเกตไม่เห็น
ฝาหลังสีทองมีพื้นผิวที่แบบแปรงปัด มาพร้อมกล้องหลังแบบคู่ กล้องหลักความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล และมีแฟลช LED จัดวางอยู่ในกรอบวงแหวนเช่นกัน โดยวางซ้อนกรอบสี่เหลียมอีกระดับ ทำให้ดีไซน์โดยรวมดูเหมือนสมาร์ทโฟนระดับเรือธง
ขอบด้านข้างมีดีไซน์เรียบแบน เสริมภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัย มีความบางเพียง 7.49 มิลลิเมตร มีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3 ช่อง สามารถวางซิมการ์ดได้ 2 ช่อง (Dual Nano-SIM) และอีกช่องสำหรับวางการ์ด microSD รองรับความจุสูงสุด 2TB
ปุ่มกดด้านข้างจัดวางไว้ทางฝั่งเดียวกัน ทั้งปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเพาเวอร์ โดยปุ่มเพาเวอร์ยังฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้ด้วย
มุมมองด้านบนถูกปล่อยให้เรียบ ไม่พบรูไมโครโฟนตัวที่ 2
ด้านล่าง ประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟน, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และ ลำโพงตัวหลัก
นอกจากนี้ realme C53 ยังผ่านการทดสอบที่เข้มงวดมากกว่า 100,000 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทดสอบการตก ทดสอบการกันฝุ่น ทดสอบในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ทดสอบอายุการใช้งาน ทดสอบความปลอดภัย ไปจนถึงการทดสอบประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ จึงมั่นใจได้ว่า realme C53 มีความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
จอใหญ่ 6.74 นิ้วทัชลื่น 90Hz
realme C53 มาพร้อมจอแสดงผลระดับ HD ขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว ให้สีสัน 16.7 ล้านสี รองรับช่วงสี NTSC 83.5% ความสว่างสูงสุด 560 นิต เมื่อใช้งานกลางแจ้ง และสามารถลดความสว่างลงมาเหลือเพียง 2 นิต สำหรับใช้งานในเวลากลางคืน
จอแสดงผลของ realme C53 ยังรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz สามารถตอบสนองการสัมผัสและแสดงกราฟิกได้อย่างลื่นไหล ให้ประสบการณ์ในการรับชมภาพยนตร์และเล่นเกมได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนในเซกเมนต์เดียวกัน อีกทั้งยังเพิ่มอรรถรสด้านเสียงด้วยลำโพง UltraBoom Speaker ที่ให้ระดับเสียงถึง 150%
Mini Capsule
realme C53 เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นของ realme ที่ได้รับฟีเจอร์ใหม่ Mini Capsule หลังจากเคยนำมาใช้กับ realme C55 เป็นรุ่นแรก โดยผสาน User Interface เข้ากับพื้นที่สีดำของกล้องหน้าอย่างกลมกลืน สำหรับแสดงการแจ้งเตือนต่าง เช่น สถานะแบตเตอรี่ สามารถแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ, กำลังชาร์จ หรือ ชาร์จเต็มแล้ว และสามารถปิดฟีเจอร์ Mini Capsule ได้เช่นกัน
สแกนลายนิ้วมือด้านข้าง
realme C53 รองรับการปลดล็อคหรือยืนยันตัวตนทางไบโอเมทริกซ์ได้ 2 วิธี ได้แก่ สแกนลายนิ้วมือ และ สแกนใบหน้า โดยติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมไว้กับปุ่มเพาเวอร์ที่ขอบด้านข้าง (Side-mounted Fingerprint Sensor) สามารถปลดล็อคได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ส่วนการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อค (Face Unlock) อาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ เพื่อให้สมาร์ทโฟนจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ
กล้องหลัก 50MP AI Camera
realme C53 ได้รับกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล วางคู่กับกล้องรอง B&W ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ช่วยถ่ายภาพ Portrait มาพร้อมโหมดถ่ายภาพ Night, Video, Photo, Portrait, Time-lapse, Pro, Panorama, Slow Motion, QR Code และ 50MP
โหมด Night และ โหมด Photo สามารถซูมได้ในช่วง 1x – 10x โดยแถบเครื่องมือด้านบนของโหมด Photo มีฟีเจอร์ HDR, Beauty และ Filter แต่ถ้าหากต้องการถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงสุด ต้องเปิดโหมด 50MP
โหมด Portrait มาพร้อมฟีเจอร์ปรับค่า F เพื่อละลายฉากหลังทำให้ตัวบุคคลโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยสามารถเบลอฉากหลังได้ในช่วง F0.95 ถึง F16 และมีฟีเจอร์ Beauty มาช่วยเสริมความงามบนใบหน้า
โหมด Video ของกล้องหลัง รองรับการซูมในช่วง 1x – 10x สามารถปรับความละเอียดได้ 3 ขนาด ได้แก่ Full HD 1080p, HD 720p และ SD 480p โดยทั้งหมดให้อัตราเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที
กล้องหน้า 8MP Selfie Camera
กล้องหน้าของ realme C53 ติดตั้งไว้ในรอยบากรูปทรงหยดน้ำ มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยโหมด Photo ของกล้องหน้ามีฟีเจอร์ HDR, Beauty และ Filter ที่สามารถเปิดใช้งานได้จากแถบเครื่องมือด้านบน
โหมด Portrait สามารถละลายฉากหลังด้วยการปรับค่า F ในช่วง F0.95 ถึง F16 เปิดใช้งานจากแถบเครื่องมือด้านบน ใกล้กันมีฟีเจอร์ Beauty สำหรับปรับแต่งความงามบนใบหน้า ซึ่งทำงานร่วมกับระบบตรวจจับใบ ช่วยให้การปรับแต่งผิวหน้าีมความเป็นธรรมชาติ และแม่นยำยิ่งขึ้น
การถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหน้า สามารถปรับความละเอียดได้ 3 ขนาด ได้แก่ HD 720p, SD 480p และ CIF โดยทั้งหมดให้อัตราเฟรมสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ประสิทธิภาพ
realme C53 ใช้ชิปประมวลผล Unisoc T612 ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 12 นาโนเมตร มาพร้อมซีพียูแบบ Octa Core ประกอบด้วย ARM Cortex-A75 (2-core) + Cortex-A55 (6-core) ความเร็วสูงสุด 1.8GHz และมีจีพียู ARM Mali G57
ด้านความจำมีขนาดใหญ่จุใจ ด้วย RAM 6GB จับคู่กับ ROM 128GB พร้อมรองรับฟีเจอร์ Dynamic RAM Expansion สามารถยืมความจุ ROM มาใช้เป็นความจำ RAM ได้สูงสุด 6GB จึงเปรียบเสมือนมีความจำ RAM สูงสุด 12GB ทำให้การสลับใช้งานแอปพลิเคชั่นได้ลื่นไหล เปิดทิ้งไว้ได้หลายแอป และยังสามารถขยายความจุได้อีกผ่านการ์ด microSD สูงสุด 2TB โดยมีช่องใส่การ์ด microSD แยกต่างหาก ไม่ต้องแย่งใส่กับช่อง SIM 2
ชาร์จไว 33W SUPERVOOC
realme C53 มีความจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh จึงให้อายุการใช้งานยาวนานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือสตรีมวิดีโอ และอีกจุดที่ถือเป็นไฮไลท์ของ realme C53 รั่นคือความสามารถในการรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของ realme C53 จนถึงระดับ 50% ในเวลาเพียง 30 นาที และชาร์จจนเต็ม 100% ในเวลา 72 นาที ทำให้ realme C53 พร้อมใช้งานได้รวดเร็วทันใจ เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย
สรุปราคาและการจำหน่าย
realme C53 จัดเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน โดยมีจุดเด่นที่ดีไซน์หรูหราบางเฉียบ 7.49 มิลลิเมตร หน้าจอใหญ่ 6.74 นิ้ว ให้อัตราการรีเฟรช 90Hz กล้องหลังความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล และมาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC ส่งผลให้ realme C53 เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่สามารถดึงดูดผู้ใช้งานที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นได้ไม่ยาก
realme C53 นำเสนอการอัปเกรด 3 ฟีเจอร์หลักเป็นครั้งแรกในเซกเมนต์ เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานและถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความเป็น “แชมป์เปี้ยน” แห่งโลกสมาร์ตโฟน โดย realme C53 วางจำหน่ายในรุ่นความจุ 6+128GB มาในราคา 4,999 บาท พิเศษ! สำหรับแชมป์เปี้ยนตัวจริง ให้คุณเป็นเจ้าของ realme C53 ก่อนใครผ่านช่องทาง Shopee เท่านั้น โดยสามารถเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 ทั้งนี้ ยังได้รับคูปองส่วนลดมูลค่า 500 บาทและ realme Gift Box มูลค่า 999 บาท หากสั่งซื้อในวันที่ 6 มิถุนายน – 12 มิถุนายนเท่านั้น สำหรับช่องทางโอเปอร์เรเตอร์ทั้ง True, Dtac และ AIS สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,899 บาท พร้อมรับฟรี realme Gift Box มูลค่า 999 บาทและสำหรับช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศสามารถสั่งซื้อได้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2566 พร้อมรับไปเลยทันที realme Gift Box มูลค่า 999 บาท
ช่องทางการสั่งซื้อสำหรับช่องทาง Shopee : http://bit.ly/45IB1as